6/30/2563

โจรใจบาปที่สร้างความเจ็บปวดทุกข์ยากให้กับคนในพื้นที่.. กำลังทำตัวเป็นพระเอก..



ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนใต้ของไทย ที่มีความพยายามยามหยิบยกนำเสนอเข้าสู่เวทีโลก เพื่อสร้างความมีตัวตนของกลุ่มขบวนการที่มีแนวความคิดเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลไทย  ด้วยการหยิบยกชาติพันธุ์ ความเชื่อถือศรัทธา ภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณีวัฒนธรรม และอื่นๆ  เพื่อให้เกิดความแตกต่าง แล้วกล่าวอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปกครองภายใต้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย  ด้วยการสร้างความวุ่นวายสับสนก่อเหตุร้ายเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์  เพื่อให้เกิดรอยร้าวขึ้นในพื้นที่นั้น   ประชาชนในพื้นที่ผ่านเรื่องราวประสบเคราะห์กรรมได้รับความเดือดร้อนในการก่อเหตุที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น การเผาโรงเรียน  ยิงครู  ยิงพระ ยิงผู้นำท้องถิ่น วางระเบิดสถานที่ต่างๆ เพื่อลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่  รวมถึงการยิงชาวบ้านทั่วไปทั้งคนแก่และเด็ก
 
ทั้งที่จริงแล้ว ทุกพื้นที่บนผืนแผ่นดินไทย ล้วนมีความแตกต่างหลากหลายทางชาติพันธุ์ ความเชื่อถือศรัทธา ภาษา ขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรม   และกฎหมายไทย ก็มีความเป็นสากลและให้สิทธิเสรีภาพแก่ประชาชนมากที่สุดประเทศหนึ่งในกลุ่มประเทศอาเซียนและทวีปเอเชีย  ซึ่งรวมถึงการนับถือศาสนาตามความเชื่อของแต่ละคน

มาถึงวันนี้..  โจรใจบาปที่ได้สร้างความเจ็บปวดทุกข์ยากแสนสาหัสให้กับคนในพื้นที่.. กำลังทำตัวเป็นพระเอก.. บอกว่า.. มีความเป็นห่วงและเห็นใจพี่น้องประชาชน เลยประกาศยุติการก่อเหตุในวันที่เกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้นในพื้นที่ ด้วยการออกหนังสือฉบับเดียวสร้างความน่าเชื่อถือผ่านองค์กรระหว่างประเทศ  แล้วที่ผ่านมาตลอดระยะเวลาที่ทำร้ายพี่น้องประชาชนจนนับครั้งไม่ถ้วน มีผู้สูญเสียและได้รับความเดือดร้อนอีกไม่รู้เท่าไหร่  โจรใจบาปที่ทำตัวเป็นพระเอกจะรับผิดชอบอย่างไรบ้าง..  จะประกาศยุติการใช้อาวุธแบบถาวร เพื่อความสงบสุขของพี่น้องประชาชนได้หรือยัง..


----------------------


6/19/2563

กลุ่มองค์กรที่สร้างความสับสนในสังคมและหากินบนความเสียหายของบ้านเมือง ถ้าไม่สามารถทำงานอย่างสร้างสรรค์ได้ ก็ควรที่จะต้องยุติและยุบเลิกองค์กรกันได้แล้ว



            สถานการณ์โลกปัจจุบัน ยังมีการแพร่ระบาดของเชื้อโคโรน่า2019 หรือโควิด-19 ในหลายประเทศยังมีผู้ติดเชื้อและคนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น บางประเทศเริ่มมีการระบาดรอบใหม่อีกครั้ง  ในขณะที่ประเทศไทย สามารถควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดได้ เพราะความร่วมมือร่วมใจของพี่น้องประชาชนและทุกภาคส่วน ที่ร่วมด้วยช่วยกันด้วยปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ด้วยความไม่ประมาท จนสามารถฝ่าวิกฤตินี้มาได้เป็นอย่างดีต่อเนื่องจนถึงวันนี้

          แต่เมื่อประมาณ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้เกิดกระแสที่มีคนจุดขึ้น เพื่อผลประโยชน์หลายด้านด้วยกัน  กระแสที่ว่านั้นก็คือ การเปิดประเด็นว่ามีการอุ้มตัว นายวันเฉลิมฯ ผู้หลบหนีคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ  ซึ่งคนทั่วไปแทบไม่มีใครรู้จักเลยด้วยซ้ำว่า นายวันเฉลิม คนนี้ เป็นใครมาจากไหนและมีความสำคัญอย่างไร จึงต้องมีการอุ้มตัวกันเกิดขึ้น และที่หน้าแปลกใจมากก็คือ เหตุการณ์การอุ้มตัวดังกล่าว เกิดขึ้นในประเทศกัมพูชา  ซึ่งจะเป็นจริงหรือไม่อย่างไรก็ยังไม่มีใครสามารถยืนยันได้  แต่กลับมีการเปิดประเด็นโจมตีกล่าวหาใส่ร้ายประเทศไทยอย่างเป็นระบบ เพื่อให้รับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น

          การเปิดประเด็นการอุ้มตัวนายวันเฉลิมฯ ดังกล่าว มีประโยชน์กับกลุ่มไหน หรือไม่อย่างไรบ้าง..
            กลุ่มแรก  ก็คงหนีไม่พ้นกลุ่มองค์กรที่กำลังเรียกร้องให้เกิดกฎหมายการอุ้มหายและซ้อมทรมาน “พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการบังคับสูญหาย พ.ศ..” อย่างมูลนิธิผสานวัฒนธรรม และดูเหมือนว่าเหตุการณ์และกระแสดังกล่าวจะพอเหมาะพอดี สอดคล้องต้องกันอย่างน่าสนใจ  อีกคำถามต่อมาก็คือ กฎหมายอุ้มหายฯ มีความสำคัญอย่างไร กับกลุ่มองค์กรนี้ กฎหมายพิจารณาความคดีอาญา ที่มีใช้อยู่ในบ้านเมืองนี้ ยังไม่ครอบคลุมถึงเรื่องเหล่านี้ใช่หรือไม่.. เพราะจริงๆ แล้ว.. กฎหมายพิจารณาความคดีอาญา ได้มีบทบัญญัติในความผิดฐานกักขังหน่วงเหนี่ยว ทำร้ายร่างกาย จนถึงการฆ่าผู้อื่น มานานแล้วมิใช่หรือ..
    
            กลุ่มต่อมา  น่าจะเป็นกลุ่มสำคัญที่สุดในการจุดประเด็นการอุ้มตัวนายวันเฉลิม เพื่อให้เกิดผลกระทบกับความรู้สึกของผู้คนในสังคม เพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองและการเปลี่ยนแปลงต่างๆ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดถูกออกแบบและสร้างเรื่องราวมาจากกลุ่มนี้โดยตรง  เพื่อใช้เครือข่ายต่างๆ ในการขับเคลื่อนโดยมีผลประโยชน์ทางการเมืองเป็นสำคัญ และกลุ่มแนวร่วมต่างๆ ก็จะมีผลประโยชน์ของกลุ่มเป็นจุดร่วมในการเคลื่อนไหวอย่างสอดประสานเชื่อมโยงกัน

          กลุ่มสุดท้าย ที่มีการใช้กระแสดังกล่าวในการเคลื่อนไหว คือกลุ่มแนวร่วมการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  ซึ่งมีทั้งนักการเมือง และกลุ่มองค์กรต่างๆ ในพื้นที่  ที่เคลื่อนไหวสอดรับกับทั้งสองกลุ่มที่กล่าวมาแล้วอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดความเชื่อถือและกดดันขัดขวางการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ในทางกลับกันก็ให้การสนับสนุนกลุ่มองค์กรที่ต่อต้านอำนาจรัฐอย่างชัดเจนมาอย่างต่อเนื่อง

          วันนี้  คนไทยร่วมด้วยช่วยกันเพื่อฝ่าวิกฤติเอาชนะโควิด-19 จนได้รับคำชื่นชมจากนานาชาติ  ต่างจากกลุ่มองค์กรเหล่านี้ ที่คอยแต่จะสร้างความสับสนให้เกิดขึ้นในสังคม เพื่อหากินบนความเสียหายของบ้านเมือง จึงอยากจะเรียกร้องให้หน่วยงานที่รับผิดชอบในการดูแลองค์กรเหล่านี้ (พม.) ด้วยว่า องค์กรที่สร้างความสับสนให้สังคมแบบนี้สมควรที่จะมีอยู่ในประเทศนี้อีกต่อไปหรือไม่  รวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคง (กห.) ขออย่าได้นิ่งเฉย ช่วยตรวจสอบพฤติกรรมและความเสียหายที่กลุ่มองค์กรเหล่านี้ได้ทำต่อบ้านเมืองด้วยว่า มีความผิดตามกฎหมายหรือไม่ประการใดกับพฤติกรรมการทำร้ายบ้านเมืองในลักษณะนี้มาอย่างต่อเนื่อง.. ประเทศไทยให้เสรีภาพแก่ทุกคนที่อยู่ในบ้านเมืองนี้ ทุกคนจึงต้องปฏิบัติตนอยู่ในขอบเขตของสิทธิและเสรีภาพตามกฎหมายอย่างเท่าเทียม ไม่ใช่อ้างเสรีภาพแล้วสร้างความเดือดร้อนเสียหายให้ส่วนรวมอยู่ร่ำไป..


-------------------------------------------


6/16/2563

หยุดสร้างเรื่องราว หยุดสร้างกระแส เพื่อใส่ร้ายทำลายบ้านเมือง



          โลกปัจจุบัน เป็นยุคข้อมูลข่าวสารที่ไร้พรมแดน  ซึ่งข้อมูลข่าวสารที่ถูกถ่ายทอดหรือเผยแพร่ออกมานั้น จะส่งผลกระทบต่อผู้คนที่ได้รับรู้ ทั้งทางด้านอารมณ์และความรู้สึกนึกคิด ผู้ที่รับข่าวสารจึงต้องมีความรอบคอบ รอบรู้ในความเป็นมา เป็นไปในเรื่องราวต่างๆ เหล่านั้น อย่างรอบด้านบนพื้นฐานของความเป็นจริง   อย่าได้ไปติดกับดักหรือตกหลุมพรางของข้อมูลข่าวสาร ที่สร้างออกมาเพื่อปลุกกระแสหรือยุยงปลุกปั่น ให้เกิดความสับสนเคลือบแคลงขึ้นในสังคม

            วันนี้ ยังมีกลุ่มคนที่ต้องการให้สังคมเกิดความระส่ำระสาย ต้องการทำให้ผู้คนในสังคมไม่มีความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งกันและกันขึ้นในบ้านเมือง เพื่อผลประโยชน์ทางการเมือง    ประเทศไทย ที่ยังคงความเป็นเอกราชอยู่ได้มาถึงวันนี้ เพราะมี 3 สถาบันหลัก คือ  ชาติ  ศาสนา  และพระมหากษัตริย์   การเมืองเป็นเพียงส่วนประกอบในการบริหารบ้านเมืองเพื่อเดินหน้าพัฒนาให้ชาวประชาอยู่ดีมีสุข  และการเมืองก็ไม่ใช่สถาบันหลักของชาติ  จึงขอฝากบอกไปถึงผู้ที่คิดจะเล่นการเมืองเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยด้วยว่า.. อย่าสร้างเรื่องหลอกลวงเพื่อเล่นการเมือง จนทำลายความสงบสุขของคนในสังคมของบ้านเมืองนี้กันอีกเลย.. ชาวบ้านชาวเมืองเขารู้ทันและเอือมระอากับพฤติกรรมโป้ปดมดเท็จ สร้างเรื่องราวให้สับสน.. กันหมดแล้วล่ะ..
           
-------------------------------

6/06/2563

ทำไม.. องค์กรสิทธิมนุษยโจร จึงไม่เคยออกมาเรียกร้องสิทธิ์ ให้ชาวบ้านหรือเจ้าหน้าที่ ที่ถูกกลุ่มโจรใต้ทำร้ายอย่างโหดเหี้ยมบ้างเลย องค์กรเหล่านี้.. สมควรที่จะมีอยู่ในประเทศไทยอีกต่อไปหรือไม่


วันที่ 21 ก.ย.48  กรณี  นย. 2 นาย  คือ นาวาเอกวินัย นาคะบุตร และ นาวาตรีกำธร ทองเอียด ซึ่งเป็นผู้ที่รู้จักมักคุ้นกับชาวบ้านตันหยงลิมอเป็นอย่างดี เป็นผู้ที่วางตัวใกล้ชิดสนิทสนมชาวบ้าน ทหารทั้งสองนายนี้ได้เรียนรู้จนสามารถพูดภาษาถิ่นของชาวบ้านได้ และได้แวะเวียนเยี่ยมเยียนดูแลกิจการต่างๆ ในหมู่บ้านเป็นประจำ  ในวันเกิดเหตุได้เดินทางไปช่วยเหลือคนเจ็บนำส่งโรงพยาบาล จากเหตุคนร้ายได้ใช้อาวุธสงคราม เอ็ม 16 กราดยิงเข้าไปในร้านน้ำชาในหมู่บ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของคืนวันที่ 20 ก.ย.48  หลังจากเสร็จสิ้นการช่วยเหลือคนเจ็บ ขณะที่ นย. 2 นาย เดินทางกลับ เกิดรถเสีย จนถูกแนวร่วมที่ปะปนอยู่กับชาวบ้านใส่ร้ายว่าเป็นผู้กราดยิงชาวบ้าน และได้จับถอดเสื้อผ้า มัดมือไพล่หลัง แล้วยังใช้เชือกมัดติดกันทั้ง 2 คน และใช้ผ้าปิดตา ถูกทำร้ายทรมานอยู่ภายในศาลาที่พักในหมู่บ้าน จนประมาณเที่ยงของวัน ได้มีวัยรุ่นที่เป็นแนวร่วมกลุ่มก่อความไม่สงบ เข้ารุมทำร้าย พร้อมทั้งใช้มีดสปาร์ต้าฟันแทงจน นย.ทั้ง 2 นาย ต้องเสียชีวิตลงอย่างทุกข์ทรมานและเหี้ยมโหด


วันที่ 16 ต.ค.48  เกิดเหตุการณ์โหดเหี้ยมและสะเทือนความรู้สึกชาวพุทธทั่วทั้งประเทศ เมื่อมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกเข้าไปในวัดพรหมประสิทธิ์ หมู่ 2 บ้านเกาะ ต.บ้านนอก อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี ฆ่าและเผาพระและเด็กวัด รวมทั้งจุดไฟเผากุฏิ ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 3 ราย


วันที่ 19 พ.ค.49 จูหลิง ปงกันมูล หรือจุ้ย  สาวน้อยจากภาคเหนือที่สอบบรรจุครูได้เป็นอันดับหนึ่งและเลือกจะเป็นครูในภาคใต้ โดยให้เหตุผลว่า "อยากช่วยเด็กๆ ที่ใต้ เพราะทุกวันนี้พื้นที่ใน 3 จังหวัดภาคใต้หาครูได้ยากเต็มที" จนได้บรรจุเป็นครูสอนวิชาศิลปะของโรงเรียนกูจิงลือปะ  ในตำแหน่ง ครูผู้ช่วย โรงเรียนบ้านกูจิงลือปะ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส  ถูกแนวร่วมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ ปล่อยข่าวใส่ร้ายอ้างว่าครูจูหลิงเป็นสายข่าวของทางราชการ และจับเป็นตัวประกันไปคุมขังไว้ในอาคารศูนย์พัฒนาเด็กเล็กใกล้มัสยิดประจำหมู่บ้าน และถูกรุมทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่สามารถช่วยครูจูหลิงได้และนำตัวส่งโรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์ และส่งต่อไปยังโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในวันต่อมา เนื่องจากเธอถูกตีจนสมองกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง กระทั่งเสียชีวิตไปอย่างโศกสลด


วันที่ 5 พ.ย.2562  ชาวบ้านลำพะยามีการนัดหมายให้มาประชุมกันกลางคืน ณ จุดตรวจชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) บ้านทางลุ่ม ม.5 ต.ลำพะยา อ.เมือง จ.ยะลา  จึงมีทั้ง ชรบ. และ อรบ. (อาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน) เข้าร่วมประชุมกัน  ระหว่างนั้นได้มีกลุ่มคนร้ายจำนวนหลายสิบคนบุกเข้าไปยิงถล่มอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน ทำให้ชาวบ้านเสียชีวิตถึง 15 ศพ  ได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย  เป็นการสังหารหมู่ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์อย่างเลวร้ายเกินกว่ามนุษย์ทั่วไปจะทำได้


มูลนิธิผสานวัฒนธรรม  ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2545 ทำงานด้านการส่งเสริมวัฒนธรรม สิทธิมนุษยชน รวมถึงความยุติธรรมฯ  แต่ไม่เคยออกมาเรียกร้องช่วยเหลือให้กับผู้สูญเสียและครอบครัวในฝั่งที่เป็นเจ้าหน้าที่ หรือประชาชนผู้บริสุทธิ์ อย่างจริงจังเลยสักครั้ง (ดังที่ยกตัวอย่างในตอนต้นเพียงบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่)  ในทางตรงกันข้ามกลับคอยจ้องหาโอกาสที่จะเหยียบย่ำซ้ำเติมฝ่ายเจ้าหน้าที่ที่ทำงานบกพร่องผิดพลาดอยู่เสมอ และออกหน้าให้การช่วยเหลือกลุ่มแนวร่วมที่สูญเสีย หรือถูกจับกุม  แล้วแบบนี้จะให้สังคมเข้าใจกันอย่างไร  ถ้าสังคมจะเรียกว่า “องค์กรสิทธิมนุษยโจร” คงจะคู่ควรเหมาะสมกับองค์กรนี้แล้ว..ใช่หรือไม่.. ฝากถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบด้วยว่า องค์กรในลักษณะนี้สมควรที่จะมีอยู่ในประเทศไทยอีกต่อไปหรือไม่

-----------------------------------