ในการพูดคุยสันติภาพครั้งที่ 4
ซึ่งเป็นโรคเลื่อนมาหลายครั้งโดยเหตุผลการเลื่อนไม่ได้อยู่ที่ผู้แทนของรัฐบาลไทย
แต่เป็นผลสืบเนื่องจากความไม่พร้อมของผู้แทนของกลุ่มต่างๆ
นำโดยกลุ่มบีอาร์เอ็นที่ยังปรากฎการกีดกันกันเองเพื่อสร้างเครดิตให้กลุ่มของตนได้มีบทบาทในการนำการพูดคุยหรือต่อรองกับรัฐบาลให้มากที่สุด
ด้วยหวังผลในการชิงการนำเป็นผู้ที่มีบทบาทสูงสุดเพื่อเรียกคะแนนสะสมส่วนตัวไว้
ก่อนที่การพูดคุยจะถึงวาระที่สามารถหาข้อสรุปร่วมกันได้มากที่สุด
เพราะนั้นหมายถึงการได้รับโอกาสเป็นชนชั้นปกครองอย่างที่ผู้แทนกลุ่มต่างๆ
พยายามช่วงชิงและวาดหวังมาโดยตลอด ซึ่งบทบาทนี้คงหนีไม่พ้นฮัสซัน ตอยิบ
ที่พยายามยกตัวเองเป็นพี่ใหญ่ชี้นิ้วบงการ
และแม้แต่กลุ่มพูโลโดยกัสตูรี
มะห์โกตา
ผู้ซึ่งแสดงจุดยืนมาอย่างชัดเจนที่จะใช้แนวทางการพูดคุยเพื่อแก้ไขปัญหาในภาคใต้ของไทย และประกาศตนเองว่ามีความพร้อมเข้าร่วมพูดคุยเพื่อเสนอทางออกร่วมกันด้วย
ก็ยังถูกกีดกันจากกลุ่มบีอาร์เอ็นด้วยเช่นกัน
แม้ว่าล่าสุดพูโลจะมีที่นั่งในโต๊ะเจรจาแต่ก็เป็นเพียง 2 ที่จากทั้งหมด 15 ที่
ซึ่งไม่แน่ใจนักว่าความตั้งใจใช้แนวทางสันติของพูโลกับการเป็นเสียงข้างน้อยจะสามารถคานอำนาจความมักใหญ่ใฝ่สูงและฝักใฝ่การใช้ความรุนแรงเพื่อต่อรองกับรัฐบาล ไทยของ ฮัสซัน ตอยิบ
ได้มากน้อยเพียงใด
การสร้างกระแสด้วยการบิดเบือนปล่อยข่าวต่างๆ นาๆ
ของบีอาร์เอ็นโดยฮัสซัน ตอยิบ ผ่านสื่อนอกประเทศซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในมาเลเซีย
และในประเทศไทยผ่านสื่อที่มักเป็นกระบอกเสียงให้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าการใช้สื่อเพื่อ
“การโฆษณาชวนเชื่อ” หรือ IO ของบีอาร์เอ็นจะมีเนื้อหาที่หมิ่นแหม่ต่อการเกิดผลกระทบต่อความมั่นคงภายในประเทศ
แต่ก็ยังเห็นสื่อเหล่านั้นช่วยกันโหมกระพือแบบไม่รู้สึกรู้สา
เหมือนกับไม่ใช่คนที่บอกว่าทำเพื่อสร้างความสงบสุขอย่างที่ควรจะเป็น
การเผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของแกนนำกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐ
(ซึ่งจริงๆ แล้วควรจะเรียกว่าอาชญากร) และเป็นผู้ที่ได้นั่งร่วมโต๊ะพูดคุยสันติภาพด้วยนั้น
ได้สะท้อนให้เห็นถึงสภาวะแห่งจิตใจในความเป็นตัวตนที่ยืนอยู่บนความไร้เหตุผลอย่างแท้จริงของผู้ให้สัมภาษณ์
ทำให้เกิดคำถามว่าขบวนการนำคนแบบนี้มาร่วมโต๊ะพูดคุยได้อย่างไร
ไม่มีนโยบายทำร้ายครู – พระ
การลอบสังหารครูในโรงเรียนของรัฐไปแล้วกว่า
160 คนไม่รวมที่บาดเจ็บโดยให้เหตุผลว่าเพราะทหาร
ลากครูเข้าไปเกี่ยวข้อง ไปตั้งฐานในโรงเรียน
เลยทำให้ครูต้องเป็นเป้าหมายในการต่อสู้ด้วย ดูจะเป็นเหตุผลให้ผู้ที่มีวิจารณญาณได้รับฟังคงถึงกับอึ้ง
เพราะเหตุลอบสังหารครูในพื้นที่นี้ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่องมาตั้งแต่เริ่มเหตุรุนแรง
ที่จำกันได้ดีคือ กรณีครูจูหลิง ปงกันมูล ครูสาวผู้อุทิศตัวเพื่อเด็กๆ
ด้อยโอกาสในพื้นที่แต่กลับถูกชาวบ้านทั้งชายหญิง ในบ้านกูจิงลือปะ
ตันหยงลิมอจำนวนหลายสิบคนจับเป็นตัวประกันเพียงเพราะต้องการให้ปล่อยตัวผู้ต้องหาซึ่งกระทำผิด
สุดท้าย ต้องถูกรุมทำร้ายจนเสียชีวิตอย่างน่าสงสารเป็นที่สะเทือนใจไปทั้งประเทศ หรือครูชลธี เจริญชล ครูโรงเรียนบ้านตันหยง
บอกได้เลยว่าไม่มีเหตุผลอื่นใดนอกจากสร้างความหวาดกลัว
บีบให้ครูไทยพุทธออกนอกพื้นที่
ปิดโรงเรียนรัฐที่จะสอนให้เด็กมีโอกาสได้เรียนต่อสูงๆ ซึ่งทำให้ยากต่อการควบคุม
กดดันให้พ่อแม่ผู้ปกครองย้ายลูกหลานไปเรียนในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา ซึ่งเป็นรู้ๆ
กันถึงผลประโยชน์จากเงินสนับสนุนต่อหัวต่อปีที่ได้รับจากรัฐบาลจำนวนไม่น้อยพร้อมด้วยการกีดกันไม่ให้สำนักงานการศึกษาเอกชนเข้าตรวจสอบยอดนักเรียนที่แท้จริง
แต่กลับมีการเรียนการสอนภาครัฐที่ไม่มีคุณภาพ
เพราะไม่ได้มุ่งสร้างเด็กให้มีความรู้อย่างแท้จริง
ทำให้ไม่สามารถสอบแข่งขันกับเด็กๆ ในภาคอื่นๆ ได้ แล้วยังอ้างว่าไม่มีสิทธิในการเข้าเป็นข้าราชการ ผลเสียทั้งหมดนั้นต้นเหตุมาจากใคร คงเดาได้ไม่ยาก
การลอบวางระเบิดพระขณะกำลังบิณฑบาตของผู้ก่อเหตุรุนแรงเป็นภาพที่น่าเศร้าใจที่สุดสำหรับพุทธ ศาสนิกชน
และผู้เขียนค่อนข้างแน่ใจว่าเหตุเลวร้ายสุดขั้วนี้จะไม่มีเกิดขึ้นที่ใดในโลกเว้นภาคใต้ของประเทศไทย
การสังหารพระอย่างโหดเหี้ยมที่วัดพรหมประสิทธิ์ อ.ปะนาเระ ปัตตานี หรือการลอบยิงพระที่เกิดขึ้นเนื่องๆ
โดยที่พระซึ่งเป็นเป้าหมายอ่อนแอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้จนต้องมรณะภาพไปมากมายหลายรูปทั้งที่ไม่ได้มีทหารอยู่ในวัด
“นี่หรือไม่มีนโยบายฆ่าพระ”
และการฆ่าพระฆ่าครูนี้
แม้แต่แกนนำกลุ่มพูโลเก่ายังเคยออกมาให้สัมภาษณ์ว่า
น่าตกใจและไม่คิดว่ากลุ่มบีอาร์เอ็นรุ่นใหม่จะสามารถทำได้
พระวัดพรหมประสิทธิ์ถูกฆ่าแล้วเผาอย่างโหดเหี้ยม |
การให้สัมภาษณ์ดังกล่าวตามมาด้วยหลากหลายเหตุผลเสียสติของแกนนำบีอาร์เอ็นเหล่านั้นที่นำเสนอผ่านสื่อได้อย่างน่าละอาย
การลอบสังหารไทยพุทธเพราะฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐไปติดอาวุธให้ หรือการลอบสังหารไทยพุทธบางครั้งไม่ได้เกิดจากการกระทำของฝ่ายตนโดยตรง
แต่เป็นคนมลายูที่มีความเครียดแค้นเจ้าหน้าที่จึงไปลงที่ชาวไทยพุทธที่ไม่รู้เรื่อง นี่หรือคือแนวความคิดของกลุ่มคนที่รัฐบาลไทยกำลังพูดคุยเพื่อร่วมกันแก้ปัญหา
น่าสงสารแทนพี่น้องประชาชนในพื้นที่บางส่วนที่สนับสนุนคนกลุ่มนี้จริงๆ
ลองมโนภาพดูว่า หากคนกลุ่มนี้ได้เป็นใหญ่ขึ้นมาวันใด
พี่น้องกลุ่มนี้แหละที่ต้องทนถูกกดขี่บนความหวาดกลัวต่อไป
และนี่จะเป็นการกดขี่ในชีวิตจริงที่ไม่ใช่เพียงข้ออ้างว่าถูกกดขี่จากเจ้าหน้าที่รัฐที่ยังหาความจริงไม่ได้
“ถอนทหารออก
เราก็จะหยุด” การถอนกำลังทหารดูจะเป็นความต้องการของแกนนำที่ถูกนำมาเรียก
ร้องสร้างกระแสในพื้นที่มากที่สุด เพราะถ้าไม่มีกำลังทหารอยู่ในพื้นที่แล้ว
การเคลื่อนไหวตามยุทธศาสตร์การแบ่ง แยกดินแดนในปีกของการทหารโดยทำพื้นที่ให้เกิดความรุนแรงจะดำเนินไปได้อย่างเสรี
ซึ่งจะนำไปสู่การบรรลุวัตถุประสงค์ในที่สุด แต่ในวันที่ยังมีทหารอยู่ในพื้นที่กลุ่มขบวนการนอกจากจะไม่สามารถเดินเกมส์ได้อย่างเต็มที่แล้ว
ยังต้องถูกการติดตามจับกุมอย่างไม่ลดละของฝ่ายความมั่นคงจนต้องหลบหนีออกนอกประเทศ
บางส่วนถูกจับกุมหรือถูกวิสามัญฆาตกรรมไปหลายราย
การเรียกร้องโดยอ้างความต้องการของมวลชนจึงเป็นกลยุทธ์หลัก ที่ช่วยสนับสนุน
ขณะที่ความพยายามเรียกร้องสิทธิในการกำหนดใจตนเอง
การยอมรับความเป็นชนชาติ ยังคงมีความพยายามเคลื่อนไหวทางการเมืองโดยองค์กรนักศึกษาและภาคประชาสังคมภายในพื้นที่ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้
ดังนั้น หากการถอนทหารจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น
คำว่าดีในที่นี่จึงไม่ใช่เหตุการความไม่สงบจะดีขึ้น
แต่เป็นการดำเนินยุทธศาสตร์ของขบวนการต่างหากที่ดีขึ้น
รู้ๆ
กันอยู่อย่างนี้แล้วใครจะยอมถอนทหารเพื่อให้ประชาชนเดือดร้อน
ทั้งหมดนั้นคงช่วยให้มองเห็นได้ว่า เหตุผลไร้สติของขบวนการนั้นมีจุดมุ่งหมายดีเพื่อฝ่ายเดียว
การนำเสนอการให้สัมภาษณ์ผู้อ้างตัวว่าเป็นนักรบโดย “กรุงเทพธุรกิจ”
โดยให้เหตุผลว่าไม่มีเจตนาเผยแพร่ข้อมูลของฝ่ายที่ประกาศจุดยืนต่อต้านรัฐ
แต่มีเจตนาเปิดพื้นที่สร้างความเข้าใจเพื่อสถาปนาสันติสุขที่ปลายด้ามขวานนั้น
ผู้เขียนในฐานะเป็นสื่ออีกแขนงหนึ่ง ยังมองไม่เห็นว่าการนำเสนอข้อมูลภายใต้จรรยาบรรณสื่อมวลชนโดยขาดการวิเคราะห์ถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น
จะเป็นผลดีต่อการสร้างความเข้าใจได้อย่างไร
แต่หากยังยืนยันว่าเป็นการสร้างความเข้าใจ
ก็น่าจะเป็นการสร้างความเข้าใจผิด
โดยการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เป็นผลดีต่อการสถาปนาสันติสุขที่ปลายด้ามขวานซะมากกว่า
เพราะนี่ควรเป็นสาระที่ผู้แทนของทั้งสองฝ่ายต้องไปถกแถลงกันในโต๊ะพูดคุยสันติภาพ
การนำเสนอในลักษณะดาบสองคมนี้ระวังจะกลายเป็นแนวร่วมของฝ่ายขบวนการโดยไม่รู้ตัว
หรือว่ารู้....แต่จะทำ..ใครจะทำไม
ซอเก๊าะ นิรนาม
*-*
ตอบลบ