สิ้นเดือน ก.ย. ฝ่ายไทยได้นัดเจรจาสันติภาพนอกรอบกับทางมาเลเซียอีกครั้ง
โดยไทยได้ส่งประเด็นที่จะพูดคุยให้ทางมาเลเซียรับทราบล่วงหน้าก่อนแล้ว
โดยเฉพาะเรื่องก่อเหตุความรุนแรงที่มีมาอย่างต่อเนื่อง
รวมถึงข้อเสนอของฝ่ายขบวนการแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปัตตานี หรือ BRN 5 ข้อ ที่ไทยไม่สามารถยอมรับได้
เพื่อให้ทางมาเลเซียได้รับทราบก่อน และขณะนี้รอคำตอบจากมาเลเซีย
ซึ่งจะมีการกำหนดวันเจรจานอกรอบให้ชัดเจนมาอีกครั้ง ก่อนนัดเจรจาสันติภาพ 3
ฝ่าย กับทาง BRN และมาเลเซีย
ประเด็นก็คือ
ขณะที่คนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ส่วนใหญ่ขานรับและดีอกดีใจกับการเจรจาสันติภาพ
แต่กลุ่มที่ปฎิเสธสันติภาพหรือฝ่าย “ผู้เห็นต่างจากรัฐ” ก็ยังคงก่อการความไม่สงบและปฎิบัติการใช้ความรุนแรงอยู่อย่างต่อเนื่อง
ราวกับไม่ต้องการให้เกิดสันติภาพบนดินแดนมลายูผืนนี้
ถามว่านอกเหนือจากเป้าหมายที่
“เข้าใจกันว่า”
ต้องการแบ่งแยกดินแดน อ้างว่าเป็นเรื่องของศาสนา (จีฮัด)
และเรียกร้องความยุติธรรมเท่าเทียมจากภาครัฐที่พยายามส่งสัญญาณเปิดทางเจรจาอย่างเต็มที่ชนิดที่ไม่เคยมีรัฐบาลยุคใดสมัยใดพยายามจะทำอย่างจริงจังมาก่อน....ขนาดนี้แล้ว
ขบวนการ “บางกลุ่ม” ก็ยังปฎิเสธหนทางเจรจาที่ว่า
มันน่าสงสัยและใคร่ครวญกันหรือไม่ว่าเพราะเหตุใดกันแน่?
เบื้องหลังเบื้องลึกของการก่อเหตุความรุนแรงที่ดูท่าว่าจะไม่จบสิ้นไปง่ายๆ
ห่างไกลจากความต้องการสันติภาพอย่างแท้จริงออกไปทุกทีนั้น....มีใคร? หรือมีความลับดำมืดอะไรที่ไม่อยากให้คนนอกพื้นที่
ไม่ว่าจะเจ้าหน้าที่ หรือประชาคมอื่นใดเข้ามาข้องเกี่ยว หรือล่วงรู้ความเป็นจริงบางอย่าง?!?
ลองมาย้อนดูเหตุการณ์ที่เชื่อมโยงกลุ่มก่อความไม่สงบที่ปฎิบัติการเป็น “มือมืดนอกศาสนา” ที่มีความเกี่ยวพันกับผลประโยชน์มหาศาล
และนักการเมืองบางกลุ่มที่ทำตัวเสมือนมาเฟียคุมพื้นที่สามจังหวัด
โดยเฉพาะช่วงหลังการเจรจาสันติภาพทั้ง 3 ครั้งที่ผ่านมา
มีการพบป้ายที่เขียนข้อความโดยใช้อักษรรูมีในหลายพื้นที่ของสามจังหวัดชายแดนใต้
เนื้อหาแสดงการไม่ยอมรับกระบวนการเจรจาสันติภาพอย่างชัดเจน
การติดป้ายหรือพ่นสีข้อความลักษณะนี้เคยเกิดมาแล้วหลายครั้งในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา
และพุ่งเป้าการก่อเหตุไปที่เจ้าหน้าที่ทหาร
โดยเฉพาะทหารพรานที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอด จะตกเป็นเป้าของการโจมตีเป็นพิเศษ
ในขณะที่การปิดล้อม ตรวจค้น จับกุมผู้ต้องสงสัยจากฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจลดน้อยลง
ข้อสังเกตอีกประการที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องก็คือ
มีผู้นำศาสนา เช่น โต๊ะครู โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดต่างๆ รวมถึงครูสอนศาสนา
(ครูตาดีกา) ตกเป็น “เหยื่อ”
ของสถานการณ์มากขึ้นเรื่อยๆ
นับจากเดือนรอมฎอนจนถึงขณะนี้มีผู้นำศาสนา ครูสอนศาสนา
ถูกยิงเสียชีวิตไปแล้วนับสิบๆ ราย
...ซึ่งแทบทุกรายประกาศตัวชัดเจนว่าสนับสนุนการเจรจาสันติภาพ!
ทำไม? กลุ่มมือมืดที่อ้างศาสนาเพื่อความชอบธรรมในการก่อการร้าย
อ้างโน่นนี่สารพัดเพื่อสร้างความปั่นป่วนแตกแยก
ด้วยวิธีการใช้ความรุนแรงให้ผู้คนทั้งในและนอกพื้นที่หวาดกลัวเกรง
จึงไม่อยากให้การเจรจาสันติภาพไปสู่จุดที่บรรลุเป้าหมาย หากย้อนดูคดีการจับกุมทั้ง
“น้ำมันเถื่อน” และ “ยาเสพติด” ที่จนท.สามารถจับได้อย่างต่อเนื่องแบบถี่ยิบตั้งแต่เดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
เช่นเมื่อเร็วๆ
นี้ทางตำรวจภูธรภาค 7 ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด
(ป.ป.ส.)สามารถจับกุมขบวนการค้ายาบ้าได้ล็อตใหญ่ จากการสอบสวน ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพว่า
มีหน้าที่ในการรับจ้างขนส่งยาบ้าดังกล่าวมาจาก จ.เพชรบุรี มุ่งหน้าไปส่งยัง
อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยจะมีผู้มารับช่วงต่อส่งไปจำหน่ายในเขตสามจังหวัดชายแดนใต้
โดยผู้ต้องหารับค่าจ้างขนส่งเที่ยวละ 1 แสนบาท ผู้กำกับการ 7
ยังพบว่า ผู้ต้องหาทั้งสองคนที่ขนยาบ้ามีความเชื่อมโยงกับขบวนการค้ายาเสพติดใน
3 จังหวัดชายแดนใต้ด้วย
ต่อมากลางเดือนกันยายนที่ผ่านมาสดๆ
ร้อนๆ ตำรวจสังกัดกองกำกับการสืบสวนสอบสวน 2 ศูนย์ปราบปรามน้ำมันเถื่อน ร่วมกับ
ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปนม. ศชต.) ก็สามารถจับคนร้าย 6
คน พร้อมอาวุธปืนสงครามเพียบ ขณะเดินทางเข้าพื้นที่ 3 จว.โดยใช้เส้นทางถนนสายชนบทบ้านจะมือฆา หมู่ 7 ต.ปากู
อ.ทุ่งยางแดง จ.ปัตตานี เพื่อลำเลียงน้ำมันเถื่อนไปขายล็อตใหญ่
เหตุการณ์เข้าจับกุมขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนครั้งนี้
เป็นผลให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตไป 5 นาย
ความเป็นจริงของสถานการณ์ ณ วันนี้ ภาพรางๆ
ขมุกขมัวตลอดหลายปีที่ผ่านมา ค่อยๆ แจ่มชัดขึ้นทุกทีว่า
เราแทบจะเรียกกลุ่มผู้ใช้ความรุนแรงแบบนี้อย่างให้เกียรติเสมอมาว่า เป็น “ผู้เห็นต่าง” หรือ “ผู้ก่อความไม่สงบ” หรือ “ขบวนการแบ่งแยกดินแดน” หรืออะไรก็ตามนั้น....แทบจะใช้ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
เพราะผิดฝาผิดตัวเกินไปที่จะต้องให้เกียรติกับคนที่ก่อกรรมชั่วช้าฆ่าคนอย่างเลือดเย็น
แม้แต่คนในศาสนาเดียวกับตัวเอง จนแทบจะกล่าวได้ว่า “แท้แล้วคนเหล่านี้น่าจะเป็นคนไร้ศาสนาเสียด้วยซ้ำ” และที่ถูกต้องเราควรเรียกกลุ่มคนที่ก่อเหตุทำร้ายแบบไม่เลือกหน้าผู้บริสุทธิ์
ทั้งเด็ก คนชรา และเพศแม่ ว่า “กลุ่มก่อการร้าย” อย่างที่สากลเรียกกัน
ถึงจะถูกต้องเหมาะสมกว่า หรือจะบอกว่าเป็นกลุ่ม “มือที่สาม” ที่ไร้อุดมการณ์ใดๆ
นอกจากหวังเพียงเศษเงินเล็กๆ น้อยๆ อำนาจหรือตำแหน่งจอมปลอม
และเป็นเพียงสาวกรับใช้นักการเมืองชั่วที่ค้าความรุนแรงเพื่อผลประโยชน์ในทางธุรกิจมืดของตัวเองอย่างราบรื่นเท่านั้นเอง!!
แท้แล้วนี่ก็คือ
กลุ่มผู้อยู่เบื้องหลังในการก่อเหตุรายวัน
ที่พยายามสร้างสถานการณ์ความเข้าใจผิดให้เกิดขึ้นกับประชาชนในจังหวัดชายแดนใต้
ใช้ความรุนแรง ใช้การข่มขู่คุกคาม และปฎิเสธการเจรจาสันติภาพทุกวิถีทาง
ก็เพื่อให้ดินแดนนี้เป็นดินแดนที่ปลอดจากกฎหมายเพื่อผลประโยชน์ในการสร้างเม็ดเงินจากธุรกิจมืดอย่างสะดวกดาย
และเพื่อการแบ่งแยกดินแดน....ให้เป็นดินแดนแห่งการเสวยสุขของคนเพียงไม่กี่คน
ไม่กี่กลุ่มเท่านั้น
คำถามก็คือ ผู้หลงผิดที่ยอมทำตามคำสั่งเพราะเคลิ้มไปกับคำสวยหรูแห่งอุดมการณ์
อำนาจ และการยอมรับนับถือบนความหวาดกลัวของชาวบ้าน
หาใช่การยอมรับนับถือด้วยการยกย่องอย่างแท้จริงนั้น....ยังคิดกันไม่ได้อีกหรือว่าโดนหลอกใช้บนข้ออ้างของศาสนา
กับความเพ้อฝันลมๆ แล้งๆ ที่ไม่มีอยู่จริง หรือว่า “รู้เขาหลอกแต่เต็มใจให้หลอก”
เพราะโดนสนตะพายจนเคยชินเสียแล้วกันแน่!!
โดย : ฌงกีย์ Fatonionline
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น