แบมะ ฟาตอนี
ยะลา: ศูนย์ปฏิบัติการเยียวยาฯ
สรุปยอดความเสียหายคาร์บอมบ์กลางเมือง 2 ครั้ง สูญเงินกว่า 154
ล้าน สำนักข่าวแทบทุกฉบับได้ฉั่วหัวข่าวรายงานความเสียหายเหตุคนร้ายคาร์บอมบ์ใจกลางเมืองยะลา
เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2557 และ 7
เมษายน 2557
เมื่อวันที่ 6 เมษายน 2557 คนร้ายได้นำระเบิดบรรจุในถังแก๊สน้ำหนักประมาณ
100 กิโลกรัม ซุกในรถยนต์กระบะมาสด้า บีที 50 สีขาว มาจอดที่หน้าร้านราชาเฟอร์นิเจอร์ ถนนสิโรรส อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
แล้วจุดชนวนระเบิดขึ้น เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย
และบาดเจ็บจำนวน 28 ราย นอกจากนั้นคนร้ายยังได้นำระเบิดซุกในรถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง
มาจอดที่ร้านฟ้าใส ถนนสิโรรส แล้วจุดชนวนระเบิด แต่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ
รวมทั้งยังได้นำระเบิดมาวางอีก 2 จุด และในวันที่ 7 เมษายน 2557 คนร้ายยังได้ลอบวางระเบิดร้านสะดวกซื้อ
กศน.ยะลา และโกดังศรีสมัย ทำให้ได้รับความเสียหายมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ตามข่าวที่สื่อได้นำเสนอไปแล้วนั้น
"ระเบิดชนิดแสวงเครื่อง"
หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Improvised Explosive Device (IED) เป็นวัตถุระเบิดที่ประกอบขึ้นจากวัสดุที่หาได้ทั่วๆ ไป
แต่ที่น่าสะพรึงกลัวคือ "วิธีจุดระเบิด" ที่มีหลายวิธี เช่น ตั้งเวลา
ดึง สะดุด หรือใช้รีโมทคอนโทรล โดยถูกใช้มากในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ตลอด 10
ปีที่ผ่านมา มีระเบิดเกิดขึ้นจำนวน
2,889 ครั้ง
ส่วนใหญ่เป็นระเบิดแสวงเครื่องเกือบทั้งสิ้น เช่นเดียวกับเหตุระเบิดใจกลางเมืองยะลาในครั้งนี้
เหตุระเบิดครั้งใหญ่สุดที่เกิดขึ้นในเขตเทศบาลนครยะลา เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2555
เวลา 11.50 น. เหตุเกิดบริเวณถนนสายรวมมิตร ซึ่งเป็นแหล่งเศรษฐกิจสร้างความเสียหายให้กับผู้ประกอบการร้านค้ากันถ้วนหน้า
เป็นวันเดียวกับเหตุคาร์บอมบ์ที่โรงแรมลีการ์เด้นส์พลาซ่า
อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จนเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลกกระทั่งเลขาธิการสหประชาชาติถึงกับออกแถลงการณ์ประณามผู้ก่อเหตุรุนแรง ทุกวันนี้ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ดังกล่าวต่างจดจำภาพแห่งการสูญเสียในวันนั้นได้เป็นอย่างดี
ความรู้สึกไม่ทันจะจางหาย เหตุการณ์ร้ายได้กลับมาตอกลิ่มซ้ำเติมเข้าไปอีก
ทุกครั้งที่เกิดเหตุการณ์
สิ่งที่ตามมาคือความสูญเสีย โจรใต้ BRN เหล่านี้ได้พรากชีวิตบุคคลอันเป็นที่รักไปจากครอบครัวอย่างไม่มีวันกลับ
ความเสียหายของทรัพย์สิน อาคารบ้านเรือน ร้านค้าสามารถเยียวยากันได้
แต่การเยียวยาด้านจิตใจให้กลับมาเหมือนดั่งเดิมเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง
เคยมีสักครั้งมั๊ย?
ที่แกนนำขบวนการ BRN กล้ายืดอกแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น อย่างชายชาตินักรบ
ที่มีการเรียกขานตัวเองว่าเป็นนักรบปาตานี หรือจะเป็นได้แค่โจรใต้ (กระโปรง) ที่มักแต่งกายคล้ายหญิงลงมือก่อเหตุ หลายต่อหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาคงจะจำกันได้ดี
โจรใต้เหล่านี้ไม่กล้าที่จะแสดงความรับผิดชอบใดๆ
ทั้งสิ้น แต่กลับโยนความผิดกล่าวหาบิดเบือนว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐมาโดยตลอด
ประชาชนต่างเอือมระอาต่อพฤติกรรม และการกระทำที่โฉดชั่วของโจรใต้ BRN เต็มที ทุกวันนี้ทุกคนต่างอยู่อย่างผวา โดนคุกคามข่มขู่ฆ่า ถูกปิดปากห้ามแสดงความคิดเห็น
หรือให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเด็ดขาด
สร้างความหวาดกลัวจนกระทั่งนำไปสู่การอยู่นิ่งเฉยไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่รู้ไม่เห็นกับการกระทำอันสุดโต่งของโจรใต้ ผลลัพธ์คือโจรชั่วมีอิสระในการเคลื่อนไหวลงมือก่อเหตุ
เพราะไม่มีผู้ใดที่จะกล้าแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ
เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายสุดท้ายคือการแสดงศักยภาพ การแสดงอำนาจให้คนทั้งประเทศ และต่างประเทศได้รับรู้ อีกทั้งโจรใต้ BRN สร้างความเกรงกลัวให้กับพ่อค้ายาเสพติด ผู้ลักลอบสินค้าหนีภาษี น้ำมันเถื่อน
และกลุ่มขบวนการที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนจำนวนมหาศาลในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
ผลลัพธ์สุดท้ายประชาชนชาวปาตานีที่ยังไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยม
เพอุบายของโจรใต้ BRN ก็จะตกเป็นเหยื่อโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง ลูกหลานถูกมอมเมาจากยาเสพติดที่กำลังแพร่ระบาดอย่างหนักในหมู่บ้าน
ซึ่งจำหน่ายโดยพ่อค้ายาที่ได้รับการสนับสนุนจากขบวนการ BRN อยู่เบื้องหลัง
และที่สำคัญที่สุดเมื่อพ่อค้ายา
หรือกลุ่มที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนเหล่านี้เป็นเครือข่ายของขบวนการ BRN แล้ว ก็จะเป็นแหล่งเงินทุน ท่อน้ำเลี้ยงส่งเสบียงให้กับกลุ่มขบวนการในการจัดหาอาวุธ
และสารประกอบระเบิด เพื่อกลับมาทำลายเศรษฐกิจ ทำลายวิถีชีวิตความเป็นอยู่ บ่อนทำลายการอยู่ร่วมกันอย่างพหุวัฒนธรรม
ทำลายชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์แม้กระทั่งพี่น้องประชาชนชาวไทยมุสลิมที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขเดียวกันกับโจรใต้เหล่านี้ก็ไม่เว้น
แล้วความสันติสุขจะเกิดขึ้นได้อย่างไร??
@@@@@@@@@@
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น