แหวะอก
BRN
ตามที่เมื่อวันที่
19 เม.ย.57 เว็บไซต์ deepsouthwatch.org หรือศูนย์เฝ้าระวังสถานการณ์ภาคใต้ได้ลงแถลงการณ์สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานีหรือกลุ่ม PerMAS
ตามที่ทราบกันดีได้ออกมาโจมตีรัฐบาลกรณีเรื่องคนร้ายกราดยิง
ด.ช.ลุกมาน อภิบาลแบ อายุ 6 ปี 2 เดือนและบิดานายมุกตาร์
อาลีมามะ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
แถลงการณ์สหพันธ์นิสิตนักศึกษานักเรียนและเยาวชนปาตานี
เรื่องกรณีคนร้ายกราดยิง ด.ช.ลุกมาน
อภิบาลแบ อายุ 6 ปี 2 เดือนและบิดานายมุกตาร์ อาลีมามะเนื่องด้วยเหตุการณ์กราดยิง
ด.ช.ลุกมาน อภิบาลแบ อายุ 6 ปี 2 เดือนและบิดานายมุกตาร์ อาลีมามะผู้ก่อความไม่สงบในระดับสั่งการมีหมายจับ ป.วิอาญาในคดีความมั่นคงในพื้นที่ อ.บันนังสตาและใกล้เคียง
และยังเป็นเป้าหมายตามแผนพรานพิฆาตไพรี ในวันที่ 18 เมษายน พ.ศ.2557 ซึ่งเหตุการณ์ในครั้งนี้ถือเป็นอีกเหตุการณ์หนึ่งที่โหดเหี้ยมไร้ซึ่งหลักมนุษยธรรมและยังสร้างความคลางแคลงสงสัยแก่ประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมากตลอดระยะเวลา 10 ปีกับสงครามที่ปาตานีได้คร่าชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมากเช่นเดียวกับเหตุการณ์ครั้งนี้อันที่เป็นการกระทำต่อเป้าหมายอ่อนแอซึ่งเป็นเด็กที่เป็นพลเรือนและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดใดกับสงครามถือเป็นการละเมิดหลักการทำสงครามตามกฎหมายระหว่างประเทศอนุสัญญาเจนีวาฉบับที่
4 อนุสัญญาเกี่ยวกับการคุ้มครองบุคคลพลเรือนในยามสงคราม (ConventionRelative to the Protection
of Civilian Persons in the Time of War) สหพันธ์นิสิตนักศึกษา นักเรียน และเยาวชนปาตานี (PerMAS)เป็นองค์กรร่วมขององค์กรนักศึกษา นักเรียน
และเยาวชนปาตานีที่มีจุดยืนทางการเมืองในการขับเคลื่อนสันติภาพตามเจตนารมณ์ความต้องการของประชาชนปาตานีโดยยึดหลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนสากลขอแสดงความเสียใจและขอประณามผู้ปฎิบัติการที่ไร้ซึ่งหลักมนุษยธรรมตลอดจนเสนอแนวทางดังต่อไปนี้
1. รัฐ
ไทยควรยอมรับว่าที่นี้คือสงครามที่มีอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นตัวขับเคลื่อน
และควรเปิดพื้นที่ให้องค์กรสิทธิมนุษยชน เอ็นจีโอ ภาคประชาสังคม
ภาคประชาชนที่ประชาชนไว้ใจ เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบเหตุการณ์ที่ละเมิดหลักมนุษยธรรม
2. รัฐไทยควรเอาจริงเอาจังกับยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหารเพื่อให้ได้มาซึ่งแนวทางการสร้างสันติภาพแก่ประชาชนที่แท้จริง
3. รัฐไทยควรถอดถอนทหารออกจากพื้นที่ให้หมดเพราะพิสูจน์แล้วว่าตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีมีทหารเต็มพื้นที่ก็ไม่สามารถรักษาความสงบสุขแก่ประชาชนได้รังแต่สร้างความคลางแคลงสงสัยตลอดจนสร้างเงื่อนไขใหม่เพิ่มเติมตลอดเวลาด้วยจิตรักสันติภาพ
เรามาวิเคราะห์คำแถลงการณ์ของกลุ่ม PerMASดูสิว่าข้างในไส้นั้นมีอะไร?
กรณีข้อ 1 ที่อ้างว่า “รัฐไทยควรยอมรับว่าที่นี้คือสงคราม”
เป็นการพูดชี้นำให้เห็นว่าสถานการณ์ใน 3 พื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นสงครามนั้น
กลุ่ม PerMAS
มีความพยายามที่จะผลักดันให้เข้าเงื่อนไขความขัดแย้งทางสงครามหรือ War
conflict เพื่อที่จะได้ให้องค์กรภายนอกโดยเฉพาะ OIC เข้ามาแทรกแซงซึ่งเป็นแผนและเป็นความพยายามของกลุ่ม BRN ที่วางไว้แล้ว ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วสถานการณ์ใน 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่ม BRN
เพื่อที่จะยกระดับฐานะกลุ่มตนเองขึ้นมาจากที่เป็นกลุ่มโจรก่ออาชญากรรมเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่เป็นเหยื่อในการก่อเหตุรุนแรง
การกระทำดังกล่าวก็คือเป็นอาชญากรโหดเหี้ยมเลวทรามต่ำช้านี่เอง มิใช่เป็นกองกำลังติดอาวุธเป็นที่ยอมรับกับองค์กรภายนอกประเทศ
และไม่มีเงื่อนไขข้อใดเลยที่เข้าข่ายความขัดแย้งทางสงครามแต่ประการใด แต่กลุ่ม PerMASที่เป็นกระบอกเสียงของกลุ่ม BRN
ก็พยายามพูดจาตลบตะแลงให้ประชาชนเข้าใจผิดเช่นนั้นให้ได้ เพื่อเป็นเครื่องต่อรองกับรัฐในการแบ่งแยกดินแดนตามที่เรารู้กันอยู่ก็เท่านั้น
กรณีข้อ 2 ที่อ้างว่า “รัฐไทยควรเอาจริงเอาจังกับยุทธศาสตร์การเมืองนำการทหารเพื่อให้ได้มาซึ่งแนวทางการสร้างสันติภาพแก่ประชาชนที่แท้จริง”
รัฐบาลได้พยายามทำทุกวิถีทางที่จะให้เกิดสันติสุขแก่ประชาชนอย่างสุดความสามารถ
จะเห็นได้ว่าหน่วยงานของรัฐที่เข้ามาแก้ปัญหาไม่ว่าเป็นด้านความมั่นคงโดยเจ้าหน้าที่ทหาร
ทหารพราน ตำรวจ อส.และหน่วยงานรัฐด้านอื่น ๆ เช่น ศอ.บต. ก็ตามที่จะทำทุกวิถีทางให้ประชาชนมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินอีกทั้งได้พยายามพัฒนาความเป็นอยู่ให้กับประชาชนให้มีความเจริญยิ่งขึ้น
ทั้งด้านการศึกษาและอาชีพ แต่ในขณะเดียวกันกลุ่ม BRN และกลุ่ม PerMASได้พยายามสร้างความแตกแยกระหว่างประชาชนโดยอ้างความเห็นต่างทางเชื้อชาติ
ศาสนา และอัตลักษณ์ อีกทั้งยังสร้างความเดือนร้อนรายวันเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั้งชีวิตและทรัพย์สินไม่รู้จักเหน็ดจักเหนื่อย
จะเห็นได้ชัดเจนในเหตุการณ์ระเบิดอาคารร้านค้าและทรัพย์สินของประชาชนผู้บริสุทธิ์ใน
จ.ยะลา เมื่อวันที่ 6 เม.ย.57 และอีกหลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา เหตุการณ์เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เกิดจากการกระทำของกลุ่ม
BRN ทั้งสิ้นและไม่เคยประกาศความรับผิดชอบการกระทำอันเลวทรามต่ำช้าของตนเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว
แต่กลุ่ม PerMASกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อนนิ่งเงียบ
นี่หรือที่อ้างว่าทำเพื่อสังคมทำเพื่อสร้างสันติภาพแก่ประชาชน มันช่างเป็นคำพูดที่หน้าด้านน่าละอายต่อมวลมนุษย์ชาติเสียเหลือเกิน
กรณีข้อ 3 ที่อ้างว่า
“รัฐไทยควรถอดถอนทหารออกจากพื้นที่ให้หมดเพราะพิสูจน์แล้วว่าตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีมีทหารเต็มพื้นที่ก็ไม่สามารถรักษาความสงบสุขแก่ประชาชนได้รังแต่สร้างความคลางแคลงสงสัยตลอดจนสร้างเงื่อนไขใหม่เพิ่มเติมตลอดเวลาด้วยจิตรักสันติภาพ”
เป็นคำพูดที่กลุ่มPerMASพยายามเรียกร้องมาโดยตลอดว่าเป็นความต้องการของประชาชนข้ออ้างที่ว่า“พิสูจน์แล้ว”เป็นคำพูดเลื่อนลอยไม่มีหลักฐานยืนยันแต่ประการใด
เป็นคำพูดที่กลุ่มPerMASพยายามเรียกร้องมาโดยตลอดว่าเป็นความต้องการของประชาชน
ข้ออ้างที่ว่า“พิสูจน์แล้ว”เป็นคำพูดเลื่อนลอยไม่มีหลักฐานยืนยันแต่ประการใด
ขอแนะนำให้ดูงานวิจัยของหน่วยงานหนึ่งก็แล้วกัน ตามตาราง
ซึ่งในแบบประเมินที่แจกสำรวจความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่นั้น
มีอยู่หลายตอนและหลายคำถามด้วยกัน เช่นในหัวข้อเสนอ “ให้รัฐต้องมีนโยบายที่ตอบสนองต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้”
มีความเห็นมากที่สุด และข้อเสนอ “ถอนกำลังทหารออกจาก
3 จชต.”มีความเห็นน้อยที่สุด
นั่นหมายความว่าเป็นความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง
ที่ต้องการให้ทหารอยู่เคียงคู่กับประชาชนเพื่อดูแลปกป้องรักษาชีวิตและทรัพย์สินของเขา
ส่วนผู้ไม่เห็นด้วยบางส่วนเพียงเล็กน้อยนั้นก็คงเป็นพวกบริวารข้ารับใช้ของกลุ่ม BRN หรือกลุ่มอิทธิพลที่มีผลประโยชน์มหาศาลซึ่งเป็นภัยแทรกซ้อนอยู่ในพื้นที่
ก็จะได้มีอิสระสร้างอิทธิพลในพื้นที่ เพื่อกอบโกยผลประโยชน์ของตนได้อย่างเสรี
ถ้าหากทหารออกจากพื้นที่ไปนั่นแหละคือทาสแท้ในคำเรียกร้องของกลุ่ม PerMAS ที่แท้จริง
เห็นไหมครับว่ากลุ่ม
PerMAS มีแต่โจมตีเจ้าหน้าที่รัฐทุกกรณี เพื่อสนับสนุนการกระทำอันชั่วชาติของกลุ่ม
BRN แม้แต่กรณีนี้ก็เช่นกันทั้ง ๆ
ที่ยังไม่สามารถจับคนร้ายได้เลยว่าเป็นใคร และผู้ตายก็เป็นสมาชิก BRN ระดับสั่งการ แถมมีคดีหมายจับ ป.วิอาญา มากมายหลายคดี แต่ในขณะเดียวกันที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ถูกฆ่าตามท้องถนนหรือในที่สาธารณะก็ดี
หรือแม้แต่กรณีที่ผู้ก่อความรุนแรงกราดยิงพระสงฆ์และชาวบ้านที่กำลังใส่บาตรตายอย่างน่าสมเพศเวทนา
ทำไมเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัวและสะเทือนขวัญประชาชนแบบนี้ กลุ่ม PerMASและกลุ่ม NGOs ไม่เคยออกมาแสดงตนหรือแสดงบทบาทตามอุดมคติของกลุ่มตนที่ตอแหลอ้างแต่ความชอบธรรมว่า
“มีจุดยืนทางการเมืองในการขับเคลื่อนสันติภาพตามเจตนารมณ์ความต้องการของประชาชนปาตานีโดยยึดหลักการประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนสากล”
เลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่ในทางกลับกันถ้าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงและเป็นแนวร่วมกลุ่ม BRN เสียชีวิตไม่ว่าเหตุใด ๆ กลุ่ม PerMAS
ก็จะรีบออกโรงมาก่อนทุกครั้งและทำท่าเหมือนจะเป็นจะตายเสียให้ได้
ทั้งที่คนที่ตายก็คือสมาชิกระดับสั่งการของ BRN ที่ก่อกรรมทำชั่วกับประชาชนผู้บริสุทธิ์มามากมาย
แทนที่น่าจะเป็นที่พึงพอใจที่โจรชั่วสร้างความเดือนร้อนให้กับประชาชนลดลง ตามอุดมการณ์ของกลุ่ม PerMAS ที่กล่าวอ้าง แต่กลับกลายเป็นออกร้อนแทนรึเป็นพวกเดียวกัน....
----------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น