แบมะ ฟาตอนี
เมื่อวันที่
5 มิถุนายน 2557 ชุดสืบสวนสอบสวน
สถานีตำรวจภูธรจังหวัดยะลา เข้าตรวจสอบเป้าหมายยาเสพติด บริเวณ บ้านบ่อเจ็ดลูก หมู่ที่ 6
ต.ยุโป อ.เมือง จ.ยะลา ได้ตรวจพบผู้ต้องสงสัยจำนวน ๒ คน หลบหนีจากบ้านต้องสงสัย จึงได้ทำการจับกุม
จากนั้นได้ร้องขอกำลังเพิ่มเติมจาก ชุดหน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วม หน่วยเฉพาะกิจยะลา
16 และกรมทหารพรานที่ 41 เข้าตรวจสอบบ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 6 บ้านบ่อเจ็ดลูก ต.ยุโป
อ.เมือง จ.ยะลา พบบุคคลต้องสงสัย จำนวน 3 คน ทราบชื่อ นายมารูวัน สาและ, นายอายุ
มะแอ และ นายมะลีเพ็ง มะลี ซึ่งเป็นจ้าของบ้าน สามารถยึดอาวุธปืน และอุปกรณ์ประกอบระเบิดแสวงเครื่องได้จำนวนหลายรายการ
ในส่วนของความคืบหน้าเหตุการณ์ที่กลุ่มคนร้ายได้ลอบวางระเบิดจำนวน
2 จุด ในพื้นที่เทศบาลนครหาดใหญ่ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ได้รับข้อมูลจากฝ่ายสืบสวนสอบสวนจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
ซึ่งติดตามข้อมูลทางเทคนิค และกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ จนสามารถติดตามจับกุมผู้ต้องสงสัยทำการก่อเหตุได้จำนวน
5 คน และยังคงหลบหนีอีก จำนวน 4 คน จากการซักถาม และให้คำรับสารภาพของผู้ต้องสงสัยทำให้ทราบว่ากลุ่มคนร้ายที่ร่วมก่อเหตุ
ได้ใช้พื้นที่ อำเภอจะนะ และอำเภอนาทวี เป็นสถานที่วางแผนเตรียมการ
และใช้เป็นที่หลบซ่อนพักพิง พร้อมทั้งได้แฉผู้สั่งการอยู่เบื้องหลัง การวางแผนการก่อเหตุ
ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับกรณีการลอบวางระเบิดโรงแรมลีการ์เด้น เมื่อวันที่ 31 มีนาคม
2555
จากการนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนในห้วงนี้จะเห็นได้ว่ามีการติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมาย
มีการตรวจพบอุปกรณ์ผลิตระเบิดจำนวนมาก
ซึ่งจากการวิเคราะห์ของหน่วยงานด้านความมั่นคงได้มีการประเมินสถานการณ์น่าจะมีการเตรียมการก่อเหตุลอบวางระเบิดครั้งใหญ่ก่อนเดือนรอมฎอน หรือเดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องประชาชนที่นับถือศาสนาอิสลาม
ซึ่งจะมีในระหว่างวันที่ 29 มิถุนายน ถึง 28 กรกฎาคม
2557 แต่ถือได้ว่าเป็นความโชคดีที่เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง
ได้รับการแจ้งเบาะแสที่เป็นประโยชน์จากประชาชนที่ไม่ต้องการความรุนแรง
และไม่อยากให้เกิดความสูญเสียขึ้น จนนำไปสู่การจับกุมตัวผู้ต้องสงสัย และยึดอาวุธปืน อุปกรณ์ประกอบระเบิดได้เป็นจำนวนมาก
การสร้างความปั่นป่วนก่อนเดือนรอมฎอนของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
มุ่งที่จะสร้างความหวาดกลัว หวาดระแวงให้เกิดขึ้นในสังคมไม่มีที่สิ้นสุด
หน่วยงานด้านความมั่นคงพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน
เจ้าหน้าที่รัฐหลายฝ่ายร่วมมือผสานกันปกป้องไม่ให้มีการก่อเหตุ แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงพยายามหาช่องโหว่เล็ดลอดสายตาจากการตรวจตรา
หรือความเผอเรอของเจ้าหน้าที่ในการสร้างความเดือดร้อนด้วยวิธีการต่างๆ
การแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
มาถึงนาทีนี้การประกาศใช้กฎหมายพิเศษยังมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นการทำงานเชิงรุกหรือเชิงรับตามยุทธศาสตร์และแนวทางการแก้ปัญหา เพื่อให้พื้นที่แห่งนี้กลับมาสงบสุขอย่างยั่งยืน
การปกป้องให้ประชาชนทุกเชื้อชาติ และศาสนา
มีความปลอดภัยได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียม การบังคับใช้กฎหมายมีความยุติธรรม
ไม่เป็นเงื่อนไขให้บุคคลที่ไม่หวังดีให้พื้นที่แห่งนี้นำไปเป็นประเด็นในการกล่าวหาโจมตี
เรียกร้อง ปลุกปั่น ให้ประชาชนเกลียดชัง แบ่งฝักแบ่งฝ่าย และประชาชนทุกหมู่เหล่าสามารถอยู่ร่วมกันได้ภายใต้ความหลากหลายของประเพณี
และวัฒนธรรม
ในความคิดเห็นส่วนตัวของผู้เขียนต่อการประกาศใช้กฎอัยการศึกในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
เมื่อเปรียบเทียบการประกาศบังคับใช้ในพื้นที่อื่นๆ
ทั่วประเทศอยู่ในขณะนี้ จะเห็นได้ว่ามีความแตกต่าง ในการเอาจริงเอาจังในการปฏิบัติ
มีการกวาดล้างอาวุธสงคราม
ผู้มีอิทธิพลเถื่อน บ่อนการพนัน
ซึ่งท่านผู้อ่านคงได้ติดตามข่าวสารทางสื่อทุกชนิดที่ได้มีการนำเสนอข่าวสารไปแล้ว
มีการเดินหน้าสร้างความสมานฉันท์ของกลุ่มเสื้อสีต่างๆ เพื่อนำความรัก ความสามัคคี
และคืนรอยยิ้มแห่งความสุขให้กับคนไทยทุกหมู่เหล่า ในทางกลับกันเมื่อกลับมาทบทวนการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในพื้นจังหวัดชายแดนภาคใต้แห่งนี้
พื้นที่ที่มีความขัดแย้งของคนบางกลุ่มที่สร้างความรุนแรง
กระทบต่อความมั่นคงแห่งรัฐไทยที่มีความยืดเยื้อมาอย่างยาวนาน
จากปัญหาที่ทับถมบ่มเชื้อสร้างแนวคิดอย่างผิดๆ จนเกิดกระบวนการสุดโต่ง
มีการซ่องสุมกองกำลัง
การใช้อาวุธและวัตถุระเบิดในการทำลายล้างเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ ยังไม่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเต็มรูปแบบ
รัฐไทยไม่อยากสร้างผลกระทบต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ในการประกาศใช้กฎหมายพิเศษในจังหวัดชายแดนภาคใต้
การปฏิบัติไม่ได้มีความเข้มงวด กวดขันเท่าที่ควร
แต่กระนั้นฝ่ายที่มีความคิดเห็นต่างจากรัฐก็ยังนำไปโจมตีกล่าวหามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
เรียกร้องให้มีการยกเลิกโดยอ้างประชาชนได้รับผลกระทบในการดำเนินชีวิต
แนวทางการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ในส่วนตัวผู้เขียนมีความเห็นว่า
นับเป็นโอกาสที่ดีที่มีการประกาศใช้กฎอัยการศึกทั่วประเทศ
ทุกจังหวัดมีการปฏิบัติเหมือนกัน หน่วยงานความมั่นคงที่กำกับดูแลการแก้ปัญหาดูแลความสงบควรใช้โอกาสนี้ในการปฏิบัติงานเชิงรุก
ทำการกวาดล้างแหล่งซ่องสุมกำลัง ผู้มีอิทธิพลเถื่อน พ่อค้ายาเสพติด น้ำมันเถื่อน
และสินค้าหนีภาษี ที่เป็นแหล่งเงินทุนสนับสนุนในการก่อเหตุให้สิ้นซาก
และสนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายพิเศษในการแก้ไขปัญหาให้เป็นกฎหมายที่ศักดิ์สิทธิ์
มีความเสมอภาค และยุติธรรม เพื่อนำพาความสงบสุข สันติ กลับคืนมา
และที่สำคัญนำตัวผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ได้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการขั้นตอนของศาลสถิตยุติธรรม และลงโทษตามความผิดที่ได้กระทำมา
ไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างในการสร้างความเดือดร้อนต่อประชาชนโดยรวมต่อไป
@@@@@@@@@@@@@@
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น