แบมะ
ฟาตอนี
เมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2557
เวลา 18.50 น. กลุ่มโจรใต้ใช้อาวุธปืน สงคราม
ซุ่มยิงรถยนต์กระบะ ของ ผู้บังคับกองร้อยทหารพรานที่ 4903 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่
49 ก่อนเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ทหารพรานชุดดังกล่าวได้เดินทางกลับจากการแข่งขันกีฬา และมอบรางวัลให้แก่โรงเรียนตาดีกาในพื้นที่
บ้านไอร์แตแต และกำลังมุ่งหน้าจะกลับฐานที่ตั้ง
เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นป่ารกทึบห่างจากฐานปฏิบัติการประมาณ 1 กิโลเมตร ได้มีกลุ่มคนร้ายประมาณ
4-5 คน ใช้อาวุธปืนสงครามยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่
ก่อนที่จะเกิดการยิงปะทะกันนานประมาณ 5 นาที
หลังเสียงปืนสงบลง เจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับบาดเจ็บ จำนวน 7 นาย
และได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา จำนวน 2 นาย คือ อส.ทพ.นัฐพงศ์
พิมรัตน์ และ อส.ทพ.วิษนุ นวลแก้ว
ต่อมาวันที่ 23 มิถุนายน 2557 เวลา 04.00 น. เจ้าหน้าที่ทหารได้จัดกำลังขยายผลเข้าทำการตรวจค้นบ้านเป้าหมายในพื้นที่ บ้านสกูปา หมู่ที่ 8 ตำบลศรีสาคร
อำเภอศรีสาคร จังหวัดนราธิวาส และพื้นที่ บ้านบาโงปะแต หมู่ที่ 1 ตำบลโคกสะตอ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส
ควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย จำนวน 3 คน คือ
นายมาหะมะรอยาลี แมะเฮาะอีเล พร้อม ปลย.M-16 จำนวน 1
กระบอก นายอิบรอเฮม แมเฮาะอีเล และ นายอิสมาแอ มันธนาพร พร้อมของกลาง จำนวน 12 รายการ
การลงมือปฏิบัติการลอบยิงเจ้าหน้าที่ทหารพรานในครั้งนี้
จะเห็นได้ว่าผู้ที่ลงมือก่อเหตุคือกลุ่มแนวร่วมโจรใต้ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่
รู้ความเคลื่อนไหวของเจ้าหน้าที่ได้เป็นอย่างดี เวลาในการออกปฏิบัติงานการไปร่วมกิจกรรมกับโรงเรียนตาดีกา
แอบซุ่มลอบทำร้าย ทั้งๆ ที่เจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายต่างทุ่มเททำงานเพื่อชุมชนเพื่อพี่น้องประชาชนชาวปาตานีโดยไม่มีการแบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา
ของกลางที่เจ้าหน้าที่ทำการตรวจยึดได้
มีทั้งอาวุธปืนสงคราม M-16 ซองกระสุน กระสุนขาด 5.56 และ เสื้อชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.)
ชุดลายพรางเจ้าหน้าที่ทหาร และวิกผม ซึ่งเสื้อผ้าเครื่องแบบทหารดังกล่าวผู้ต้องสงสัยมีไว้เพื่อปิดบังอำพรางตนเองในการเคลื่อนไหวลงมือก่อเหตุ
แต่งตัวคล้ายเจ้าหน้าที่ไม่ให้เป็นที่ต้องสงสัย
และที่สำคัญเมื่อมีการก่อเหตุแล้วโยนความผิด สร้างสถานการณ์ให้เห็นว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่ในการเข่นฆ่าประชาชน
เป็นที่น่าเสียดายเป็นอย่างยิ่งที่ผ่านมาจากการจับกุมผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้
เมื่อเข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรมได้มีการยกฟ้อง ปล่อยตัว คดีที่สามารถเอาผิดจริงๆ
ที่มีหลักฐานเพียงพอมีเพียงไม่กี่คดี
น่าจะเป็นอุทาหรณ์ให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการเก็บรวบรวมหลักฐานวัตถุพยานต่างๆ
ต้องมีความละเอียดรอบคอบ อีกทั้งการทำสำนวนส่งตัวฟ้องศาลมีความรัดกุมมากยิ่งขึ้น
ตัวอย่างมีให้เห็นหลายต่อหลายครั้งผู้ต้องสงสัยที่ได้รับการปล่อยตัวเมื่อหน่วยงานภาครัฐไม่สามารถเอาผิดได้
กลุ่มองค์กร NGOs จะนำประเด็นดังกล่าวมาเคลื่อนไหว กล่าวหาโจมตี เจ้าหน้าที่รัฐรังแกประชาชน
มีการบังคับใช้กฎหมายที่ไม่มีความเป็นธรรมและเท่าเทียม แต่ที่น่าสลดใจคือกลุ่มแนวร่วมที่เคยก่อเหตุโดนจับกุมตัวเมื่อเข้าสู่กระบวนการศาลยุติธรรมหลักฐานมีไม่เพียงพอ
แนวร่วมเหล่านั้นมีความเหิมเกริมกลับไปเคลื่อนไหวทำการก่อเหตุอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า
กรณีการขยายผลเข้าทำการจับกุมกลุ่มแนวร่วมที่ลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่ทหารพรานในครั้งนี้
หากการจับกุม เป็นตัวจริงเสียงจริงถือได้ว่าเจ้าหน้าที่รัฐได้ทำงานเชิงรุก เอาตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
ให้เป็นไปตามตัวบทกฎหมาย พร้อมทั้งสร้างบรรทัดฐานไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างของผู้ที่กำลังบ่อนทำลายความสงบสุขของพี่น้องประชาชนจังหวัดชายแดนภาคใต้
และลบข้อกล่าวหาว่ากระบวนการยุติธรรมว่ามีความลำเอียง เลือกปฏิบัติ
ไม่มีความเท่าเทียม
ตามปกติแล้วการใช้กำลังทางทหารของเจ้าหน้าที่รัฐเข้าทำการพิสูจน์ทราบค่อนข้างไม่ได้ผล
เนื่องจากกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงซึ่งเข้ามาพักอาศัยกินอยู่ชั่วคราวนั้นมักจะไม่ต่อสู้กับเจ้าหน้าที่รัฐ
ในขณะที่พวกเขาไม่พร้อมรบ ส่วนใหญ่จะหลบหนีออกจากหมู่บ้านไปก่อนล่วงหน้า หรืออำพรางตัวอยู่ในสถานะประชาชนมลายูทั่วๆ
ไป
กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงจะปฏิบัติต่อฝ่ายเราก็ต่อเมื่อฝ่ายเราเข้าไปแย่งชิงมวลชนประชาชนมลายูในหมู่บ้านให้กลับมาร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐ
หรือเมื่อฝ่ายเราเสียเปรียบหรืออ่อนแอเท่านั้น ที่เป็นอยู่ทุกวันนี้มีการปฏิบัติการทางการทหารรูปแบบเดิมๆ
ยุทธวิธีในการลอบโจมตีต่อเป้าหมายที่อ่อนแอ เจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ระมัดระวังตัว
หลังจากที่หน่วยงานภาครัฐได้ให้ความสำคัญทุ่มเทในการปฏิบัติการจิตวิทยาประชาสัมพันธ์มุ่งเน้นให้พี่น้องมลายูเข้าใจและไว้วางใจ
ชี้ให้เห็นผลกระทบของการก่อเหตุรุนแรงมีแต่จะนำเรื่องเดือดร้อนมาสู่หมู่บ้าน
ชุมชนของพี่น้องมลายูเอง คนที่ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการ BRN
ได้แจ้งเบาะแสข่าวสารจนนำไปสู่การจับกุมแนวร่วมขบวนการที่ทำการหลบซ่อนตัวอยู่ในหมู่บ้านได้จำนวนมาก
ซึ่งนับเป็นนิมิตรหมายที่ดีของจุดเริ่มต้นที่จะนำไปสู่ความสันติสุข
ความเข้าใจกันของพี่น้องมลายูปาตานีกับเจ้าหน้าที่รัฐและทุกภาคส่วนในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาไฟใต้อย่างเป็นจริงเป็นจัง
ที่ทุกคนต่างตั้งตารอคอยแสงสว่างแห่งสันติภาพให้เกิดขึ้น ณ ดินแดนแห่งนี้
@@@@@@@@@@@@@
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น