“แบดิง
โกตาบารู”
เสียงเล่าจากปากสู่ปากในร้านน้ำชาที่มีการกล่าวถึงรูปแบบการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการโจรใต้ฟาตอนี
ผู้เขียนเองได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่าสมาชิกขบวนการสุดโต่งเหล่านั้นมีการแบ่งมอบหน้าที่แต่ละส่วนงานแยกจากกัน
โดยมีการตัดตอน
และมีการขยายความต่อไปด้วยว่าสมาชิกแต่ละคนจะทราบเฉพาะแค่บทบาทหน้าที่ของตนเองเท่านั้นซึ่งในการก่อเหตุแต่ละครั้งไม่ได้เบ็ดเสร็จแค่คนเพียงหนึ่งคนแต่มีการร่วมมือเป็นขบวนการ
ผู้เขียนเองเคยได้ยินมาบ้างเหมือนกันแต่ไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร
อีกทั้งคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวไม่สำคัญเท่าไหร่ในความรู้สึกนึกคิด
แต่เมื่อได้ยินบ่อยครั้งเข้าเริ่มฉุกคิดว่ากลุ่มขบวนการโจรใต้มีการแบ่งมอบหน้าที่ในการก่อเหตุอย่างไร
โดยเฉพาะการประกอบระเบิดแสวงเครื่องของกลุ่มขบวนการโจรใต้
และสิ้นสุดด้วยการนำไปใช้ในการก่อเหตุลอบทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์
การก่อเหตุสร้างสถานการณ์ของกลุ่มขบวนการโจรใต้เกิดจากอะไร
“ศรัทธา” “ความเชื่อ”หรือ
“งมงาย” ในสามคำนี้ “ศรัทธา” มีศักดิ์ศรีเหนือกว่าคำอื่นทั้งหมด ส่วนความเชื่อมีศักดิ์ศรีน้อยกว่า “ศรัทธา” ส่วน “งมงาย” เป็นคำที่มีศักดิ์ศรีต่ำสุด
แต่ไม่น่าเชื่อว่าแกนนำกลุ่มขบวนการได้ใช้
“ศรัทธา” ของผู้คนที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นเครื่องมือโดยการบิดเบือนหลักคำสอน
ใช้ “ความเชื่อ”
ว่าดินแดนปาตานีถูกรุกรานจากสยามและถูกยึดครอง
และสุดท้ายเมื่อมี “ศรัทธา”และ“ความเชื่อ” ย่อมส่งผลให้สมาชิกแนวร่วมเกิดความ “งมงาย”ทำการเข่นฆ่าผู้คนแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์
ถึงแม้ยุคสมัยนี้เทคโนโลยี
หรือความทันสมัยได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้นในชีวิตประจำวันแต่มิได้ช่วยให้มนุษย์เลิก
“งมงาย” ได้เลย
กลับกลายเป็นช่องทางในการปลุกระดมบ่มเพาะสมาชิกแนวร่วมกลุ่มใหม่ๆ ขึ้นมา ก่อเหตุสร้างสถานการณ์สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่าน
เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมมือระเบิดรายหนึ่งได้ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี (ขอสงวนชื่อ
นามสกุล) ผลการซักถามให้การยอมรับว่าเป็นสมาชิก ผกร. ฝ่ายซัมปูตัส หรือฝ่ายสนับสนุนด้านระเบิด
ทำหน้าที่ในส่วนมาเซาะ
ผลิตตัวระเบิดแสวงเครื่องใช้ในการก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดปัตตานี อีกทั้งได้มีการสาธิตการประกอบระเบิดแสวงเครื่องให้ดู
สมาชิกโจรใต้ฟาตอนีรายนี้ได้เล่าว่าถูกชักชวนให้เข้าร่วมเป็นสมาชิก
ผกร.เมื่อปี 2546 ก่อนเกิดเหตุการณ์ปล้นปืนพันพัฒนา
4 ฟังการบรรยายประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี ได้ผ่านขั้นตอนการสาบานตน
(ซูมเปาะห์) เพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัว โดยอุสตาซยา
ซึ่งได้เสียชีวิตเมื่อ 28 เม.ย.47 ได้ผ่านการฝึกหลักสูตรหน่วยจรยุทธ์ขนาดเล็ก
หรือหลักสูร RKK
หลังจบการฝึกถูกจัดให้อยู่ในชุดปฏิบัติการของแกนนำในพื้นที่คลองใหม่
อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
ส่วนความเป็นมาในการผันตัวเองมาเป็นชุดปฏิบัติการฝ่ายซัมปูตัส
หรือฝ่ายสนับสนุนด้านระเบิดให้กับกลุ่ม ผกร.ในพื้นที่
ได้รับคำสั่งจากแกนนำให้ไปเข้ารับการฝึกหลักสูตรการทำระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งรูปแบบการฝึกมี
2 ฝ่าย คือฝ่ายเทคนิค (วงจร) กับฝ่ายมาเซาะ (ผสมและประกอบระเบิดแสวงเครื่อง)
และสมาชิกโจรใต้ฟาตอนีรายนี้เลือกฝึกในฝ่ายผสมและประกอบระเบิด
โดยใช้บริเวณสนามฟุตบอลบ้านเปี๊ยะ ต.ดาโต๊ะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ทำการฝึกฝนร่วมกับสมาชิกอีก
2 คน
หลังจากทำการฝึกจบด้วยการปฏิบัติจำนวน
5 ครั้ง ต่อมาในปี 2558 ระดับแกนนำได้สั่งการให้กลุ่มซัมปูตัส
ไปช่วยกันผลิตระเบิดแสวงเครื่อง โดยใช้บริเวณสวนทุเรียนในพื้นที่บ้านออลอปีแน ต.ดาโอ๊ะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี
ซึ่งมีสมาชิกฝ่ายสนับสนุนระเบิดร่วมกันปฏิบัติจำนวน 7 คน
ผู้ถูกจับกุมได้เปิดเผยว่าตั้งแต่ทำหน้าที่ผสมและประกอบระเบิดแสวงเครื่องได้ร่วมกับสมาชิกรายอื่นๆ
ทำการผลิตระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 9 ทุ่น หลังจากผลิตเสร็จ
มีผู้ทำการขนย้ายโดยใช้รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง แต่ไม่ทราบว่าไปส่งให้กับผู้ใด ส่วนในการผลิตใช้เวลาประมาณ
30 นาที ต่อ 1 ทุ่น
จากคำบอกเล่าของผู้ถูกจับกุมเมื่อถูกซักถามบวกกับข่าวในร้านน้ำชาจะเห็นได้ว่ากลุ่มขบวนการโจรใต้มีการแบ่งมอบหน้าที่แต่ละส่วนงานแยกจากกัน
โดยมีการตัดตอน
แต่ละคนจะทราบเฉพาะแค่บทบาทหน้าที่ของตนเองเท่านั้นซึ่งเป็นยุทธวิธีในการที่จะป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่สาวไปถึงตัวผู้บงการชักใยอยู่เบื้องหลังในการกระทำความชั่ว
โดยใช้ “ศรัทธา” “ความเชื่อ”และ “งมงาย”หลอกใช้ให้สมาชิกทำการก่อเหตุ มีการซูมเปาะห์
หรือสาบานตนให้เกรงกลัว สิบกว่าปีไฟใต้กี่พันชีวิตต้องสังเวย
น้ำตาอีกกี่หยดถึงจะดับไฟใต้เพื่อไปสู่จุดหมายแห่งสันติสุข.
------------------------