5/30/2559

‘ตัดตอน’แบ่งงานกันทำนำไปสู่การก่อเหตุคือความชั่วกลุ่มขบวนการโจรใต้

แบดิง โกตาบารู

เสียงเล่าจากปากสู่ปากในร้านน้ำชาที่มีการกล่าวถึงรูปแบบการก่อเหตุของกลุ่มขบวนการโจรใต้ฟาตอนี ผู้เขียนเองได้ยินอยู่บ่อยครั้งว่าสมาชิกขบวนการสุดโต่งเหล่านั้นมีการแบ่งมอบหน้าที่แต่ละส่วนงานแยกจากกัน โดยมีการตัดตอน และมีการขยายความต่อไปด้วยว่าสมาชิกแต่ละคนจะทราบเฉพาะแค่บทบาทหน้าที่ของตนเองเท่านั้นซึ่งในการก่อเหตุแต่ละครั้งไม่ได้เบ็ดเสร็จแค่คนเพียงหนึ่งคนแต่มีการร่วมมือเป็นขบวนการ
ผู้เขียนเองเคยได้ยินมาบ้างเหมือนกันแต่ไม่ได้ใส่ใจเท่าที่ควร อีกทั้งคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวไม่สำคัญเท่าไหร่ในความรู้สึกนึกคิด แต่เมื่อได้ยินบ่อยครั้งเข้าเริ่มฉุกคิดว่ากลุ่มขบวนการโจรใต้มีการแบ่งมอบหน้าที่ในการก่อเหตุอย่างไร โดยเฉพาะการประกอบระเบิดแสวงเครื่องของกลุ่มขบวนการโจรใต้ และสิ้นสุดด้วยการนำไปใช้ในการก่อเหตุลอบทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์
การก่อเหตุสร้างสถานการณ์ของกลุ่มขบวนการโจรใต้เกิดจากอะไร ศรัทธา” “ความเชื่อหรืองมงายในสามคำนี้  ศรัทธามีศักดิ์ศรีเหนือกว่าคำอื่นทั้งหมด ส่วนความเชื่อมีศักดิ์ศรีน้อยกว่า ศรัทธา ส่วน งมงาย เป็นคำที่มีศักดิ์ศรีต่ำสุด
แต่ไม่น่าเชื่อว่าแกนนำกลุ่มขบวนการได้ใช้ ศรัทธา ของผู้คนที่นับถือศาสนาอิสลามเป็นเครื่องมือโดยการบิดเบือนหลักคำสอน ใช้ ความเชื่อ ว่าดินแดนปาตานีถูกรุกรานจากสยามและถูกยึดครอง และสุดท้ายเมื่อมี ศรัทธาและความเชื่อ ย่อมส่งผลให้สมาชิกแนวร่วมเกิดความ งมงายทำการเข่นฆ่าผู้คนแล้วจะได้ขึ้นสวรรค์
ถึงแม้ยุคสมัยนี้เทคโนโลยี หรือความทันสมัยได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตมากขึ้นในชีวิตประจำวันแต่มิได้ช่วยให้มนุษย์เลิก งมงายได้เลย กลับกลายเป็นช่องทางในการปลุกระดมบ่มเพาะสมาชิกแนวร่วมกลุ่มใหม่ๆ ขึ้นมา ก่อเหตุสร้างสถานการณ์สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน
เมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่าน เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมมือระเบิดรายหนึ่งได้ในพื้นที่จังหวัดปัตตานี (ขอสงวนชื่อ นามสกุล) ผลการซักถามให้การยอมรับว่าเป็นสมาชิก ผกร. ฝ่ายซัมปูตัส หรือฝ่ายสนับสนุนด้านระเบิด ทำหน้าที่ในส่วนมาเซาะ ผลิตตัวระเบิดแสวงเครื่องใช้ในการก่อเหตุในพื้นที่จังหวัดปัตตานี อีกทั้งได้มีการสาธิตการประกอบระเบิดแสวงเครื่องให้ดู

สมาชิกโจรใต้ฟาตอนีรายนี้ได้เล่าว่าถูกชักชวนให้เข้าร่วมเป็นสมาชิก ผกร.เมื่อปี 2546 ก่อนเกิดเหตุการณ์ปล้นปืนพันพัฒนา 4 ฟังการบรรยายประวัติศาสตร์รัฐปัตตานี ได้ผ่านขั้นตอนการสาบานตน (ซูมเปาะห์) เพื่อเข้าร่วมเป็นสมาชิกอย่างเต็มตัว โดยอุสตาซยา ซึ่งได้เสียชีวิตเมื่อ 28 เม.ย.47 ได้ผ่านการฝึกหลักสูตรหน่วยจรยุทธ์ขนาดเล็ก หรือหลักสูร RKK หลังจบการฝึกถูกจัดให้อยู่ในชุดปฏิบัติการของแกนนำในพื้นที่คลองใหม่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
ส่วนความเป็นมาในการผันตัวเองมาเป็นชุดปฏิบัติการฝ่ายซัมปูตัส หรือฝ่ายสนับสนุนด้านระเบิดให้กับกลุ่ม ผกร.ในพื้นที่ ได้รับคำสั่งจากแกนนำให้ไปเข้ารับการฝึกหลักสูตรการทำระเบิดแสวงเครื่อง ซึ่งรูปแบบการฝึกมี 2 ฝ่าย คือฝ่ายเทคนิค (วงจร) กับฝ่ายมาเซาะ (ผสมและประกอบระเบิดแสวงเครื่อง) และสมาชิกโจรใต้ฟาตอนีรายนี้เลือกฝึกในฝ่ายผสมและประกอบระเบิด โดยใช้บริเวณสนามฟุตบอลบ้านเปี๊ยะ ต.ดาโต๊ะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ทำการฝึกฝนร่วมกับสมาชิกอีก 2 คน
หลังจากทำการฝึกจบด้วยการปฏิบัติจำนวน 5 ครั้ง ต่อมาในปี 2558 ระดับแกนนำได้สั่งการให้กลุ่มซัมปูตัส ไปช่วยกันผลิตระเบิดแสวงเครื่อง โดยใช้บริเวณสวนทุเรียนในพื้นที่บ้านออลอปีแน  ต.ดาโอ๊ะ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งมีสมาชิกฝ่ายสนับสนุนระเบิดร่วมกันปฏิบัติจำนวน 7 คน
ผู้ถูกจับกุมได้เปิดเผยว่าตั้งแต่ทำหน้าที่ผสมและประกอบระเบิดแสวงเครื่องได้ร่วมกับสมาชิกรายอื่นๆ ทำการผลิตระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 9 ทุ่น หลังจากผลิตเสร็จ มีผู้ทำการขนย้ายโดยใช้รถจักรยานยนต์พ่วงข้าง แต่ไม่ทราบว่าไปส่งให้กับผู้ใด ส่วนในการผลิตใช้เวลาประมาณ 30 นาที ต่อ 1 ทุ่น
จากคำบอกเล่าของผู้ถูกจับกุมเมื่อถูกซักถามบวกกับข่าวในร้านน้ำชาจะเห็นได้ว่ากลุ่มขบวนการโจรใต้มีการแบ่งมอบหน้าที่แต่ละส่วนงานแยกจากกัน โดยมีการตัดตอน แต่ละคนจะทราบเฉพาะแค่บทบาทหน้าที่ของตนเองเท่านั้นซึ่งเป็นยุทธวิธีในการที่จะป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่สาวไปถึงตัวผู้บงการชักใยอยู่เบื้องหลังในการกระทำความชั่ว โดยใช้ ศรัทธา” “ความเชื่อและ งมงายหลอกใช้ให้สมาชิกทำการก่อเหตุ มีการซูมเปาะห์ หรือสาบานตนให้เกรงกลัว สิบกว่าปีไฟใต้กี่พันชีวิตต้องสังเวย น้ำตาอีกกี่หยดถึงจะดับไฟใต้เพื่อไปสู่จุดหมายแห่งสันติสุข.

------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น