"แบมะ ฟาตอนี"
สถานการณ์ไฟใต้ที่เริ่มก่อตัวเมื่อ 14 ปีที่แล้ว
มาถึงวันนี้หลายๆ ฝ่ายต่างยืนยันว่าเริ่มปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น บ่งบอกถึงความขัดแย้งที่ซ่อนเงื่อนมาหลายสิบปีเริ่มคลี่คลาย เสมือนหนึ่งเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ
ประจวบเหมาะกับการทุ่มเททั้งกำลังคนจัดกระบวนทัพดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน
การอนุมัติงบประมาณผ่านแผนงานและโครงการต่างๆ ของรัฐบาล เพื่อพัฒนาพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี
ควบคู่กับการขับเคลื่อนโครงการต่างๆ ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าซึ่งเห็นผลเป็นรูปธรรมและได้รับการตอบรับโดยเฉพาะโครงการพาคนกลับบ้านมีผู้เห็นต่างรายงานตัวแสดงตนเข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนมาก
อะไรคือตัวชี้วัดว่าสถานการณ์ไฟใต้ดีขึ้นหากย้อนไปดูสถิติการก่อเหตุของผู้ก่อเหตุรุนแรงในแต่ละเดือน รายไตรมาส หรือในรายปี
พบว่าเมื่อเปรียบเทียบสถิติการก่อเหตุ ซึ่งเป็นปัจจัยนำไปสู่การสูญเสีย
สถิติผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บลดลงอย่างชัดเจน
โดยเฉพาะการก่อเหตุในห้วงเดือนรอมฎอน เดือนแห่งบุญของพี่น้องชาวไทยมุสลิมที่หลายๆ หน่วยงานความมั่นคงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างเป็นห่วงสถานการณ์
เนื่องจากมีการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนาของกลุ่มผู้คิดต่าง มีการปลุกระดมให้สมาชิกทำการก่อเหตุ
เข่นฆ่าผู้คนแล้วได้บุญหลายเท่ามากกว่าในห้วงเวลาปกติแต่สถิตอกลับลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นเดียวกัน
ในขณะที่มีผู้เห็นต่างจำนวนมากทยอยเข้ารายงานตัวแสดงตนต่อแม่ทัพภาคที่
4 เพื่อเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน
แต่กลับมีสมาชิกบางส่วนที่ยังคงทำการก่อเหตุในพื้นที่ เนื่องจากความเชื่อผิดๆ
ที่ได้รับการปลูกฝังมา ทำการเข่นฆ่าคนต่างศาสนา หรือแม้กระทั่งพี่น้องผู้นับถือศาสนาเดียวกัน
กระทำต่อเด็ก สตรีและคนชรา
เพื่อต้องการแสดงความมีตัวตนและคงสถานการณ์ความรุนแรงไว้
เจ้าหน้าที่รัฐต้องการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยแนวทางสันติวิธี
หลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง บังคับใช้กฎหมายในการติดตามจับกุมผู้มีหมายจับเพื่อนำตัวมาลงโทษดำเนินคดีตามกฎหมาย
สิ่งที่ทุกฝ่ายไม่อยากให้เกิดขึ้นคือความสูญเสียไม่ว่าต่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
แต่แล้วเมื่อค่อนรุ่งของวันที่ 20 มิถุนายน 2561 เกิดเหตุการปะทะกันขึ้นระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับผู้ก่อเหตุรุนแรง
ส่งผลให้โจรใต้ฟาตอนีเสียชีวิต 1 รายในที่เกิดเหตุพร้อมอาวุธปืนคู่กาย อีกทั้งยังควบคุมตัวเจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุไปทำการซักถามขยายผล
ลำดับเหตุการณ์ในการเข้าปฏิบัติการในครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่รัฐ
ได้เข้าพื้นที่พร้อม นายนิอานูวา แต ซึ่งเป็น
ผรส. อีกทั้งยังเป็นพยานในการเข้าทำการตรวจค้นบ้านเป้าหมายหลังเกิดเหตุ ซึ่งเป็นบ้านเลขที่
6 บ้านกำปงบารู ม.3 ต.กะลุบี อ.กะพ้อ
จ.ปัตตานี ในขณะที่กำลังเรียกบุคคลที่เหลืออยู่ภายในบ้าน
พบว่ามีผู้ต้องสงสัยกำลังหลบหนีไปทางหลังบ้าน
พร้อมใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่จำนวน 1 นัด เจ้าหน้าที่ทำการยิงตอบโต้
ทำให้คนร้ายเสียชีวิต ซึ่งทราบชื่อในเวลาต่อมาคือ นายสุไลมาน มูหะหมัด อายุ 37 ปี อาศัยอยู่บ้านเลขที่ 8 ม.4
ต.รือเสาะ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ในที่เกิดเหตุพบอาวุธปืนคาบิน ขนาด .30 มม. จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน จำนวน 1 ซอง และปลอกกระสุน จำนวน 1 นัด ประวัติของ นายสุไลมาน
มูหะหมัด ผู้เสียชีวิตเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อการร้ายระดับหัวหน้า Platong 2
Kopi 5 รับผิดชอบในพื้นที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส มีหมายจับของศาล จังหวัดนราธิวาส
จำนวน 1 หมาย ตามหมายจับที่ จ.388/52
จุดจบของโจรใต้ ไม่ตายก็ติดคุก
หรือไม่ก็หลบหนีไปอาศัยยังประเทศเพื่อนบ้าน ไม่มีโอกาสกลับมาดูแลครอบครัว
ลูกเมียต้องอยู่ตามลำพังผู้ที่กำลังหลบหนีอยู่มีจำนวนไม่น้อยต้องอยู่อย่างยากลำบาก
อาศัยหลับนอนในป่าภูเขา ขาดอาหาร ขาดยารักษาโรค
เจ็บไข้ได้ป่วยไม่สามารถไปโรงพยาบาลทำการรักษาได้ เพราะเกรงกลัวเจ้าหน้าที่จับกุม
นั่นคือสิ่งที่ผู้เห็นต่างเลือกทั้งที่ในความเป็นจริงรัฐได้เปิดช่องทาง
เปิดโอกาสให้แสดงตน พิสูจน์ตัวเอง และกลับมาต่อสู้คดีในชั้นศาลแต่กลับไม่เลือก
ไม่เห็นแก่ครอบครัวลูกเมีย สุดท้ายได้อะไร? นอกจากความตายที่ไม่อาจฟื้นคืนชีพ ต่างกับแกนนำอยู่สุขสบายในต่างแดนคอยสั่งการในห้องแอร์
ครอบครัวผู้หลงผิดกลับอยู่อย่างแร้นแค้นนี่คือความจริงที่หลายคนรู้ดี.. จึงได้ออกมามอบตัวเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมกับโครงการพาคนกลับบ้าน...
*****************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น