7/05/2561

มโนสำนึกสุดท้ายก่อนระดมทุนช่วยเหลืออาชญากร...


"แบมะ ฟาตอนี"

"สายใยน้ำใจพี่น้องช่วยเหลือผู้ประสบเหตุ"@บันนังสตา

เมือวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 ที่ผ่านมาทาง "คญธ" หรือ เครือข่ายญาติเพื่อการเข้าถึงความยุติธรรม ได้จัดงานเลี้ยงน้ำชาขึ้นที่ หมู่ที่ 2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งเพจ: Wartani ได้รายงานข่าวว่ามีพี่น้องประชาชน องค์กร หน่วยงานต่างๆ มาร่วมงานในครั้งนี้เป็นจำนวนมาก โดยวัตถุประสงค์หลักของงานเพื่อสมทบทุนในการต่อสู้คดีในชั้นศาล ค่าใช้จ่ายเรียกร้องความเป็นธรรมและเยียวยาให้แก่ครอบครัวจำเลยในคดีความมั่นคงซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์เผารถทัวร์ที่ผ่านมา ถึงแม้ว่างานดังกล่าวได้สิ้นสุดไปแล้วแต่ยังมีการประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องผ่านสื่อสังคมออนไลน์เพื่อขอรับเงินบริจาคผ่านบัญชีธนาคาร

การจัดกิจกรรมระดมทุนเพื่อการใดการหนึ่งก็ตามแต่ เป็นเรื่องที่กระทำได้ง่ายมากในพื้นที่ จชต. แห่งนี้ ซึ่งไม่เว้น "การระดมทุนช่วยเหลืออาชญากร" ที่มีพฤติกรรมอันเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ ต่อชีวิตและทรัพย์สินประชาชน แต่มีข้อยกเว้นในการช่วยเหลือหรือบริจาคให้กับ "คนต่างศาสนา" ซึ่งไม่สามารถกระทำได้

การระดมทุนช่วยเหลือเพื่อมนุษยธรรม เพื่อผู้ยากไร้ซึ่งมีความเดือดร้อนจริงๆ คงไม่มีใครไปก้าวล่วงและวิพากษ์วิจารณ์ แต่นี่กลับระดมทุนเพื่อช่วยเหลือคนร้าย ที่กระทำตัวสุดโต่งสร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมส่วนรวมเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรก หากย้อนกลับไปครั้งที่ศาลได้มีคำสั่งยึดทรัพย์ที่ดินปอเนาะ  ญีฮาด ซึ่งมีนายดูนเลาะ แวมะนอ เป็นครูใหญ่โรงเรียนญีฮาดวิทยาในขณะนั้นได้ใช้โรงเรียนเป็นแหล่งซ่องสุมฝึกปรือโจรใต้และมีความเกี่ยวพันกับขบวนการผู้ก่อเหตุรุนแรง ได้มีการจัดกิจกรรมกินข้าวยำซับน้ำตา มีการประชาสัมพันธ์เชิญชวนให้พี่น้องประชาชนให้ความช่วยเหลือลูกชายนายดูนเลาะฯ แกนนำโจรใต้ที่จำเป็นต้องย้ายออกจากที่ดินผืนดังกล่าว อีกทั้งยังมีการ Live สดผ่านสื่อออนไลน์ให้เห็นบรรยากาศการจัดงานซึ่งมีประชาชนนักการเมือง ผู้นำศาสนามาร่วมงานเป็นจำนวนมาก

การจัดกิจกรรมของเครือข่ายญาติเพื่อการเข้าถึงความยุติธรรมในการจัดเลี้ยงน้ำชาขึ้นที่ หมู่ที่ 2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ไม่ได้แตกต่างกับการจัดกิจกรรมกินข้าวยำช่วยเหลือปอเนาะญีฮาดสักเท่าไหร่ ดูแล้วเป็นการ Copy กิจกรรมกินข้าวยำในครั้งนั้นเป็นต้นแบบด้วยซ้ำ และความเหมือนที่ยากปฏิเสธคงหนีไม่พ้นการช่วยเหลืออาชญากร ช่วยเหลือผู้กระทำผิดที่ไม่น่าให้อภัยจากสังคม เป็นเพราะเหตุใด? กลับมีน้องประชาชน องค์กร หน่วยงานต่างๆ รวมทั้งนักการเมืองมาร่วมงานในครั้งนี้ สมองของคนเหล่านี้ผิดเพี้ยนหรืออย่างไร? รอยหยักสมองไม่สามารถแยกแยะผิดถูก สิ่งไหนควรหรือไม่ควร....

แต่....ที่ผมกล่าวมาทั้งหมด แสดงให้เห็นว่าคนกระทำผิดควรให้อภัยจากสังคมกระนั้นหรือ? ทั้งที่ในความเป็นจริงคนเหล่านี้ไม่เคยสำนึก และสำเหนียกตนเองว่าได้สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม ที่เคยทำลายชีวิตผู้คนไปแล้วกี่ชีวิต แต่ถึงคราวตนเองเดือดร้อนใช้ความเป็นมุสลิม ดราม่าบีบน้ำตากล่าวหาไม่ได้รับความยุติธรรม เรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตนเอง
ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมากลุ่มคนเหล่านี้ได้ทำลายสังคม ทำลายเศรษฐกิจ ชีวิตและทรัพย์สินอย่างประเมินค่ามิได้ ผู้ที่ได้รับผลกระทบ ผู้ที่สูญเสียเคยได้รับโอกาสออกมาเรียกร้องความเป็นธรรมบ้างมั๊ย!! ไม่เคยมีเลย.. มีแต่กลุ่มโจรใต้ที่ยัดเยียดให้ และไม่ได้นานๆ กระทำครั้ง แต่มันเดินหน้าสร้างความรุนแรงเกือบทุกวัน มันไม่ Mass แต่กลับมีคนบางกลุ่มกลับสวนกระแสกลับเรียกร้องความเป็นธรรมและระดมทุนช่วยเหลือให้แก่โจร ในขณะที่คนส่วนใหญ่เบื่อหน่ายความรุนแรงต้องการสันติสุข แต่กลับมีกลุ่มคนที่ลวงหลอก ด้วยความไม่เข้าใจ หรือต้องการสร้างความเกลียดชังให้อยู่ในสังคมต่อไป

ผมใช้เวลาเพื่อศึกษาที่มาว่า ต้นตอกระแสในการสร้างความจงเกลียดจงชังสร้างความรังเกียจเจ้าหน้าที่รัฐ หรือแม้กระทั่งคนต่างศาสนามาจากไหน ผมพบว่า ล้วน Bias ด้วยเพจหรือกลุ่มบุคคลที่ซ่อนเร้น ผู้ที่มีจุดยืนเดียวกับกลุ่มขบวนการ ซึ่งกลุ่มนี้เป็นปีกทางการเมืองบ้างเป็นพวกกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมที่กลุ่มขบวนการจัดตั้งขึ้นเพื่อขับเคลื่อนย้อนแย้งและดิสเครดิตรัฐ

ปัจจุบันการทำลายสังคม ทำลายรัฐ หรือแม้กระทั่งการทำลายตัวบุคคล มันทำได้ง่ายแค่คลิกปลายนิ้ว คนก็พร้อมจะหลงเชื่อโดยไม่เฉลียวใจในการตรวจสอบใดๆ ทำให้สังคม รัฐ หรือตัวบุคคลเหล่านั้นเสียหาย และขาดความน่าเชื่อถือ แต่การจัดกิจกรรมระดมทุนช่วยเหลือโจรใต้ วัตถุประสงค์เพื่อต้องการสื่ออะไรบางอย่าง ที่มีนัยแอบแฝงแน่นอน ไม่ใช่แค่เพียงการออกมาระดมทุนช่วยเหลือเพื่อสมทบทุนในการต่อสู้คดีในชั้นศาลค่าใช้จ่ายเรียกร้องความเป็นธรรมและเยียวยาให้แก่ครอบครัวจำเลยในคดีความมั่นคงซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์เผารถทัวร์ที่ผ่านมาเท่านั้น ประการแรกต้องการสื่อให้สังคมรับรู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่ยอมรับกฎหมายรัฐบาลไทย มุ่งทำการเคลื่อนไหวเพื่อย้อนแย้งรัฐ เคลื่อนไหวเรียกร้องขอความเป็นธรรมให้แก่จำเลยในคดีความมั่นคงและเยียวยาครอบครัวจำเลยในคดีความมั่นคงซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายพิเศษที่ไม่เป็นธรรม ในสายตาของประชาชนแล้ว "รัฐรังแกประชาชน" ซึ่งเป็นวิธีหนึ่งที่มักใช้ได้ผล คราใดที่มีการบังคับใช้กฎหมายติดตามจับกุมผู้กระทำความผิด

"มโนสำนึกสุดท้ายก่อนระดมทุนช่วยเหลืออาชญากร"สเตตัสนี้ผมไม่ได้เขียนเพื่อกีดกันไม่ให้มีการช่วยเหลือแต่ก่อนที่จะทำการช่วยควรจะคิดและสำนึกสักนิดหนึ่งเพราะสิ่งที่คนบางกลุ่มได้ทำนั้นย่อมหวังผลทางจิตวิทยาสังคม เพื่อต้องการให้ประชาชนด้วยกันย่อมเข้าใจคำว่า"เป็นหน้าที่ที่ต้องทำ"ในฐานะพี่น้องมุสลิมด้วยกันความเป็นเชื้อชาติศาสนาเดียวกันที่ถูกกระทำ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วบุคคลเหล่านี้ที่เราๆ ท่านๆ ช่วยเหลือนั้นเป็น"อาชญากร"และการช่วยเหลืออาชญากรสมควรหรือ? ผมตั้งใจเขียนเพื่อให้ทุกคนมีสติ ไม่ได้เขียนเพื่อมุ่งทำลาย แต่ให้ทุกคนคิดถึงผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของอาชญากรชั่วเหล่านี้บ้างในฐานะผู้ถูกกระทำ และมองให้รอบด้านให้เห็นแง่มุมอื่นบ้าง ไม่ควรสนับสนุนความรุนแรง.. แต่การช่วยกันบริจาคหรือระดมทุนเสมือนหนึ่งท่านยังต้องการคงความรุนแรงไว้ใช่หรือไม่อีกทั้งสวนกระแสไม่ต้องการสันติสุขที่คนส่วนใหญ่ต้องการ การดำเนินคดีต่อผู้กระทำผิดปล่อยให้กระบวนการยุติธรรมตัดสินไม่ใช่มาตั้งศาลเตี้ยเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับผู้ที่ถูกจับกุมซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยในเหตุการณ์เผารถทัวร์ กระบวนการยุติธรรมสามารถพิสูจน์ได้ใครถูกใครผิดตามพยานหลักฐาน หากไม่ผิดศาลมีคำสั่งยกฟ้อง แต่หากเป็นผู้กระทำผิดก็จะต้องไปชดใช้สิ่งที่ได้กระทำมาในเรือนจำ.... ดีกว่ามั๊ย!!
*****************

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น