9/23/2562

ทำไมต้องจัดละหมาดฮายัต?


จากกรณีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นโรงเรียนสอนศาสนาแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา ซึ่งสืบเนื่องมาจากการควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในในพื้นที่ และได้ให้การซัดทอดว่าใช้โรงเรียนสอนศาสนาดังกล่าวเป็นที่หลบซ่อนตัวในช่วง 3-4 เดือน (อ่านข่าวเพิ่มเติม https://www.southernreports.org/2019/09/15/13615-2/)

ล่าสุดโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาดังกล่าว ทำหนังสือเกณฑ์คนเข้าร่วมละหมาดฮายัตขอดุอาอ์จากอัลลอฮ์ (ซ.บ.) ให้เกิดความปลอดภัยจากฟิตนะฮ์ทั้งหลาย โดยให้เหตุผลว่า การตรวจค้นโรงเรียนที่ผ่านมา ไม่พบผู้ต้องสงสัยหรือหลักฐานใดๆ เกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว ทำให้ส่งผลกระทบต่อโรงเรียนในด้านภาพลักษณ์ ร่วมไปถึงสภาพจิตใจของคณะครู บุคลากร นักเรียนตลอดจนผู้ปกครองที่อยู่ทางบ้าน ในวันพุธที่ 25 กันยายน 2562 เวลา 10.00 น. ณ โรงเรียนดังกล่าว

การจัดละหมาดฮายัตในครั้งนี้ เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องราว หรือมีเจตนาอะไรแอบแฝงหรือไม่? การดำเนินการตรวจค้นของ จนท.เป็นไปตามกระบวนการตามกฎหมาย ในเมื่อผู้ต้องหาให้การตรงกันและยอมรับสารภาพว่า พวกตนทั้ง 4 คน ได้อาศัยหลบซ่อนตัวในโรงเรียนดังกล่าวเป็นระยะเวลา 3-4 เดือน จึงนำไปสู่การตรวจค้น โดยผู้ต้องหาได้ชี้ห้องพักในโรงเรียน ซึ่งเป็นที่หลบซ่อนได้ถูกต้องทั้ง 2 คน

มีความเป็นไปได้หรือไม่ว่า อาจมีการช่วยเหลือจากบุคคลภายในโรงเรียนเอง โดยทางโรงเรียนไม่ทราบ แต่ระยะเวลาถึง 3-4 เดือน ทางโรงเรียนจะ ไม่รู้ ไม่เห็น ก็คงปฏิเสธได้ยาก หรือบุคคลภายนอกก็สามารถเข้าออกโรงเรียนได้ตามอำเภอใจ ก็คงเป็นอะไรที่แปลก เหตุการณ์นี้เป็นที่สงสัยเพราะท่าทีของทางโรงเรียน ประกอบกับในอดีตก็มีเหตุการณ์ซ้ำๆ ที่โรงเรียนสอนศาสนาบางแห่งให้ที่พักพิงแก่กลุ่มแนวร่วม เป็นที่ซ่องสุ่มอาวุธ เพื่อก่อเหตุในพื้นที่เหมือนในอดีตที่ผ่านมา 

การแสดงท่าทีชิงความได้เปรียบ โดยการจัดละหมาดฮายัตของทางโรงเรียน เพื่อขอความเห็นอกเห็นใจ และปลุกอารมณ์ร่วมของคนในพื้นที่ ทั้งๆที่คดีก็ยังอยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน ยังไม่ได้แจ้งข้อหาใดๆ ดูเหมือนว่าจะ กินปูนร้อนท้อง แสดงอาการออกมาอย่างชัดเจน คนนอกดูยังไงก็จับพิรุธได้ ถึงแม้จะไม่มีหลักฐานให้เห็นตำตา หรือจับได้คาหนังคาเขาก็ตาม แนะนำให้ทางโรงเรียนเชิญชวนละหมาดฮายัต เพื่อไม่ให้มีผู้มีพฤติกรรมเป็นอาชญากรเพียงแค่ไม่กี่คน เข้ามาพักพิงอาศัย ทำให้โรงเรียนเดือดร้อนวุ่นวาย ยังจะเข้าท่าเข้าทางมากกว่าเกณฑ์คนมาละหมาดกดดัน จนท. สะอีก

.........................................

9/17/2562

โจรใต้ใช้โรงเรียนสอนศาสนาเป็นที่หลบซ่อนตัว



          โรงเรียนสอนศาสนาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และ 4 อำเภอใน จ.สงขลา กลับมาอื้อฉาวอีกครั้ง หลังจากก่อนหน้านี้ได้ตกเป็นข่าวมีการทุจริต เบิกเงินรายหัวนักเรียนซ้ำซ้อน อมเงินค่าตอบแทนครู เมื่อทำการสาวลึกพบมีความเชื่อมโยงกับขบวนการโจรใต้สนับสนุนในการก่อเหตุ จนกระทั่งมีการปูพรหมตรวจสอบโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาทั้งระบบพบมีความผิดเข้าข่ายทุจริตหลายร้อยโรง

          กรณีเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นโรงเรียนสอนศาสนาแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 15 กันยายนที่ผ่านมา สืบเนื่องมาจากการควบคุมตัว 2 ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุในชายแดนใต้ และได้ให้การซัดทอดว่าใช้โรงเรียนสอนศาสนาดังกล่าวเป็นที่หลบซ่อนตัวในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา

          โจรใต้ที่ถูกควบคุมตัวได้รับแจ้งจากประชาชนในพื้นที่ว่าเข้ามาหลบซ่อนตัวในพื้นที่ อ.จะนะ จ.สงขลา เจ้าหน้าที่ได้ติดตามหาข่าวจนกระทั่งพบเป้าหมายใช้รถยนต์ฮอนด้า ซีวิค สีบรอนซ์ทอง หมายเลขทะเบียน กฉ 9154 สงขลา ขับมาบนถนนสายเอเชีย และขับไปจอดที่ร้านสะดวกซื้อในพื้นที่ ต.ลำไพล อ.เทพา จ.สงขลา จึง เข้าตรวจค้น แต่คนในรถยนต์ จำนวน 4 คน ไหวตัววิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่จับกุมได้ 2 คน

          สำหรับผู้ที่ถูกจับกุมทราบชื่อคือ นายเดะแว อาแว เป็นผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลอบยิงสำนักสงฆ์ชะเมา อ.โคกโพธิ์ จ.เทพา และนายสาการียา อาแวลาเตะ มีพฤติกรรมต้องสงสัยเกี่ยวข้องกับการวางระเบิดก่อวินาศกรรมเสาไฟฟ้าใน อ.ควนเนียง อ.บางกล่ำ จ.สงขลา เมื่อปลายปี 2561

          สำหรับผู้ที่วิ่งหนีการจับกุมคือ นายอับดุลเลาะ บาเฮง และ นายฮาฟิส โต๊ะแวมะ ซึ่งเจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเกี่ยวข้องกับคดีต่างๆ ในพื้นที่หรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นพบว่า บุคคลทั้ง 2 คนที่หลบหนีไป เป็นสมาชิกระดับปฏิบัติการของกลุ่มอาร์เคเค มีหมายจับ พ.ร.ก.ติดตัวอยู่หลายหมายด้วยกัน

          จากการตรวจสอบรถยนต์ที่ใช้เป็นพาหนะ พบกระสุนปืนขนาด .5.56 มม.จำนวน 90 นัด อุปกรณ์ที่ใช้ดำรงชีพในป่า เสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ และอื่นๆ รวม 44 รายการ จึงยึดไว้เป็นหลักฐาน โดยผู้ที่ถูกควบคุมตัวทั้ง 2 ได้ปฏิเสธว่าไม่ใช่เจ้าของอุปกรณ์ทั้งหมดภายในรถยนต์ และอ้างว่าเป็นของเพื่อนทั้ง 2 คนที่หลบหนีไป

          เป็นไปตามคาดคราวใดที่โจรใต้เหล่านี้ถูกจับกุมจะปฏิเสธ ไม่เคยก่อเหตุ ไม่เคยยิง เป็นแค่คนดูต้นทาง ผู้ชี้เป้า เช่นเดียวกับหลักฐานภายในรถอ้างเป็นของผู้ที่หลบหนี จากการสอบสวนผู้ถูกควบคุมตัวทั้ง 2 ราย ให้การตรงกันว่า พวกตนทั้ง 4 คน ได้อาศัยอยู่ในโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา เป็นเวลา 3-4 เดือนแล้ว

          ต่อมาเมื่อ เวลา 21.00 น. ตามหมายค้นของศาลจังหวัดนาทวี เจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายเดะแว อาแว และ นายซาการียา  อาแวปูเต๊ะ เข้าชี้ห้องพักในโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิสงขลา ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งใช้เป็นที่หลบซ่อนพักพิง ทำการเก็บดีเอ็นเอและหลักฐานอื่นๆ เพื่อสืบสวนสอบสวนถึงผู้เกี่ยวข้องต่อไป

          ในส่วนของโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ ซึ่งเป็นผู้ให้ที่พักพิง ในเบื้องต้น ยังไม่ได้แจ้งข้อหาการให้ที่พักพิงแต่อย่างใด ซึ่งหากการสอบสวนพบรู้เห็นกับการใช้โรงเรียนเป็นแหล่งหลบซ่อนตัวของโจรใต้ซึ่งมีหมาย ป.วิอาญา เป็นผู้ให้การสนับสนุน ถือว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย ซึ่งนอกจากจะได้รับโทษในฐานให้ที่พักพิง ซึ่งได้กำหนดอัตราโทษสูงสุดให้จำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 40,000 บาทแล้ว ยังอาจได้รับโทษฐานมีส่วนร่วมหรือการสนับสนุนการกระทำความผิด ซึ่งมีโทษที่สูงขึ้นอีกด้วย

          การใช้โรงเรียนสอนศาสนาเป็นที่หลบซ่อนตัว ซุกซ่อนอาวุธ หรือแม้กระทั่งผลิตระเบิดมีข่าวให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นสิ่งยืนยันชัดเจนกลุ่มโจรใต้ 4 คน หลบซ่อนตัวอยู่ในโรงเรียนธรรมวิทยามูลนิธิ 3-4 เดือน เป็นไปได้อย่างไร? คณะผู้บริหารไม่เคยระแคะระคายบ้างหรือ? ที่มีคนแปลกหน้าเข้ามาอาศัย

          การเข้าทำการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนา หรือปอเนาะ มีกลุ่ม NGOs และกลุ่มนักศึกษาเคลื่อนไหวกล่าวหาเจ้าหน้าที่ละเมิดคุกคามสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ใช้กำลังเกินกว่าเหตุ รังแกผู้นับถือศาสนาอิสลามและเป็นการสร้างเงื่อนไข เช่นการปิดล้อมตรวจค้นสถานศึกษาปอเนาะมัดรอลาดุลฟาละห์ ม.4 ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี ควบคุมตัว 13 ราย จัดเก็บ DNA ลายนิ้วมือ 25 ราย

          ซึ่งหลายเหตุการณ์กลุ่มโจรใต้ที่หลบซ่อนตัวในโรงเรียนเอกชนสอนศาสนามีการซ่องสุมกำลังวางแผนเตรียมก่อเหตุ หรือแม้กระทั่งก่อเหตุเสร็จกบดานในโรงเรียนเนื่องจากปลอดภัยเจ้าหน้าที่ไม่กล้าติดตาม เนื่องจากมีเกราะจากของบุคคลบางกลุ่มคอยคุ้มกัน

          คงตอบคำถาม NGOs บางกลุ่มเหตุผลทำไม? เจ้าหน้าที่ทหารต้องเข้าทำการปิดล้อมตรวจค้นปอเนาะหลายแห่งที่ผ่านๆ มา ไม่ว่าจะเป็นการปิดล้อมตรวจค้นสถาบันปอเนาะแห่งหนึ่งใน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี กระทั่งสามารถยึดอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวน 1 กระบอก เครื่องกระสุนและของกลางจำนวนมากในปี 58, การปิดล้อมมูลนิธิสมบูรณ์ศาสน์ (ปอเนาะดาลอ) ตั้งอยู่หมู่ 5 ต.มะนังหยง อ.ยะหริ่ง หลังจากสืบทราบว่ามีคนร้ายเข้ามาหลบซ่อนตัวภายในปอเนาะเพื่อเตรียมก่อเหตุในพื้นที่เกิดการปะทะใต้เสียชีวิต 1 ราย จับเป็น 3 ราย เมื่อปี 51, เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าติดตามบุคคลเป้าหมายโรงเรียนปอเนาะยุวะอิสลามวิทยามูลนิธิ อ.มายอ จ.ปัตตานี เกิดการยิงปะทะเป็นเหตุให้คนร้ายถูกวิสามัญ 2 คน จับกุมได้ 5 คน เมื่อปี 61
----------------

9/03/2562

معومومكن اوليه جواتنكواسافرليندوغن حق اساسي مأنسي اكن حاصيل فثياستن كماتين عبد الله عيسى موسى










Mengumumkan oleh Jawatankuasa Perlindungan Hak Asasi Manusia akan hasil penyiasatan kematian Abdullah Isa Musa.


Pada 27 Ogos 2019 pukul 05.10 petang, di Pusat Kerajaan Wilayah Sempadan Selatan, Daerah Muang, Wilayah Jala. Telah mengumumkan oleh Jawatankuasa Perlindungan Hak Asasi Manusia akan hasil siasatan kes Abdullah seperti berikut:
Daripada kes Abdullah Isa Musa, Saspek keselamatan, Tidak sedarkan diri di dalam Unit Soal Siasat, Unit Tertentu Tentera Hitam 43, Kem Ingkhayutthaborihan. Telah berlakukan kejadian ini pada 21 Julai 2019 pada kira–kira jam 03.00 malam. Dan pada masa ini meninggal dunia ia pada jam 04.30 pagi pada hari Ahad 25 Ogos 2019 di Hospital Songkhla Nakarin dengan paru–paru jangkitan teruk dan keracuan yang disebabkan oleh jangkitan. Butirannya di tunjukkan di dalam pernyataan Hospital Songkhla Nakarin.
Hal yang tersebut. Jawatankuasa Perlindungan Hak Asasi Manusia Di Wilayah Sempadan Selatan yang telah Melentikkan dia dengan kakitangannya dengan mereka – mereka yang diterimakan oleh masyarakat yang terdiri ia daripada wakil–wakil organisasi hak asasi manusia dan organisasi masyarakat madani dan organisasi keagamaan dan ahli akademik dan sektor awam dan pegawai dengan kewajipan mereka itu adalah untuk menyiasatkan akan kebenaran secara bebas dan telus untuk memastikan keadilan bagi semua pihak dengan memeriksakan ia akan tempat siasatan dan menjemputkan ia akan pegawai yang berkaitan untuk bertanya soal dan memberikan maklumat dan memeriksakan oleh mereka itu akan maklumat sekitar yang berkaitannya. Ringkasan operasi seperti berikut:
1.Menjalankan pemeriksaan akan operasi pegawai dan membuat pertanyaan akan pegawai yang terlibat dengan kejadian ini dan mendapatikan oleh kami akan bahawasanya telah mengambilkan oleh pegawai akan pelbagai perbuatan yang betul di dalam semua aspek. Daripada pertanyaan peribadi, Tidak terdapatkan seberang ketidakbiasaan.
2.Menjalankan pemeriksaan di tempat soal siasat itu adalah memenuhi ia akan piawai tetapi tidak boleh digunakan akan kamera pengawasan. Dan daripada memeriksakan akan bangunan itu, baru selesai ia. Dan mula digunakan dia pada Mei 2019. Dan sudah dipasangkan akan kamera pengawasan tetapi belum diserahkan dia. Maka tidak boleh digunakannya. Kemudian telah menyuruhkan oleh Pejabat Keselamatan Dalam Negeri, Wilayah Ke 4 (Bahagian Dihadapan)akan syarikat untuk selasai menyampaikan dan membenarkan ia untuk memeriksakan oleh organisasi akan piawai Unit Soal Siasat pada bila-bila masa.
3.Pemantaun maklumat peribadi dan maklumat perubatan daripada doctor yang ber kaitan maka mendapatikan akan bahawasanya
    3.1 Penyebab kematian adalah berasal daripada radang paru-paru yang teruk (severe pneumonia) dan keracuan yang disebabkan oleh jangkitan (septic shock) yang adalah ia menjadi punca utama pada setrok iskimia dan hipoksia (hypoxic ischemic encephalopathy)menurut lapuran doktor.
    3.2 Adapun isu yang mencarikan oleh social akan punca hipoksia sirebral dan idimia sirebral itu. Telah mengumpulkan oleh jawatankuasa akan kebenaran daripada penjelasan pendapat pasukkan perubatan yang mengenai dengan rawatan. Maka boleh membuat kesimpulan akan bahasanya kekurangan oksigen pada otak itu boleh berlaku ia daripada
           3.2.1 Memukul yang kuat daripada luaran yang terjejas ia akan otak sehingga terdapat kesakitan dalaman yang teruk yang telah memeriksakan oleh pasukkan perubatan dengan halus sama ada ia pada pemeriksaan luaran x-ray dan x-ray computer maka tidak menemuikan ia akan mana-mana lebam tisu atau mana-mana tulang yang patah yang menjadikan bukti pada pukulan luaran sama ada ia pada hal dipukulkan oleh objek luaran atau daripada kemalangan jatuh dan bentur ke atas seberang bahan yang keras.
           3.2.2 Pecah saluran darah diotak. Boleh terjadi ia daripada penyakit aniurismi(aneurysm) yang tidak menunjukkan ia akan seberang gejala semasa berkehidupan dan mungkin tidak mempunyai gejala sebelum pecahnya. Berdarah di dalam otak seperti ini boleh memberi kesan yang teruk ke atas otak dan daripada x-ray otak maka didapatikan akan bahawasanya berdarah ia di bawah lapisan kortikal otak yang di salutkan dengan daging otak arachnoid (subarachnoid hemorrhage) dan tidak ditemuikan akan berdarah di dalam kortikal otak luar yang jika ada pukulan daripada luaran maka aka nada pendarahan di kortikal otak terlebih dahulu. Oleh itu, Dapat difahamikan akan bahawasanya pembengkakkan adalah hasil daripada artius kelerusis di otak dan berpcah dan berdarah di bawah lapisan kortikal otak yang di salutkan dengan tisu otak yang mengakibatkan pada kekurangan oksigen dan bengkok otak. Dan telah meusahakan oleh pasukkan perubatan untuk membuat diaknosis jelas dengan menyuntikkan radiasi serta dengan x-ray computer tetapi tidak dapat memasukkikan ia kepada otak kerana kekurangan aliran darah di dalam otak maka tidak boleh mengasahkan dengan jelas. Dan pada hal ini, Jika hendak memeriksakan dengan jelas. Maka boleh di lakukan dia dengan kaedah otopsi. Dan setelah daripada kematian Abdullah. Tidak dibenarkan untuk melakukan otopsi kerana proses otopsi untuk hal ini mungkin mengambil masa yang panjang mengikut prosedur perubatan. Maka tidak dapat mengasahkan diagnosis di atas.
           3.2.3 Kekurangan oksigen untuk memberi makan kepada otak. Maka berlaku ia pada banyak hal seperti mungkin dibuatkan oleh orang lain akan pesakit seperti yang dikatakan aka nada menutup akan kepala dengan plastic dan menutupkan akan muka dengan kain basah kemudian mencorahkan air atau tidak sedarkan diri oleh pesakit dan mempunyai keadan penyekatan pernapasan dan tidak di bantukan dia dengan masa yang munasabah. Dan daripada mengadakan pertemuan dengan pasukkan perubatan yang berkaitan di dalam kes ini. Maka menunjukkan oleh doctor akan bahawasanya jika berlakulah ia dengan sebab yang tersebut maka perlu ada pertitikkan pendarahan seperti dapat menyatakan dengan jelas di mata seperti pecahlah kortikal saluran darah dan ber darah di mata dan gusi dan akan gelapkan bibir mulut dan akan di koyakkan kortikal dan bengkak muka. Orang yang kekurangan oksigen boleh menunjukkan ia dengan jelas di bibir mulut. Dan pada kes Abdullah, Tidak menemuikan ia akan sifat yang tersebut.
4. Penyakit yang menyebabkan kematian Abdullah yang berada ia di bawah jagaan pegawai kerajaan itu. Maka bersetujulah oleh jawatankuasa akan bahawasanya hendaklah ada bantuan dengan akan mengumpulkan oleh jawatankuasa akan hasil pemeriksaan dan diagnosis doctor untuk melaporkan kepada Pusat Pentadbiran Wilayah Sempadan Selatan untuk berbuat pertimbangan selanjutnya. Dan telah memutuskan oleh jawatankuasa akan bahawasanya hendak memberikan bantuan mengikut dasar kemanusiaan yang munasabah dengan di jemputkan akan isteri dan keluarga Abdullah untuk perbincangan.
Jawatankuasa Perlindungan Hak Asasi Manusia Di Wilayah Sempadan Selatan
27 Ogos 2019.

………………………………………..