10/25/2562

Hak asasi manusia di atas hujung hulu kapak.


          Menguatkuasakan undang-undang keselamatan di wilayah sempadan selatan Thailand itu. Maka orang awam yang tidak bersalah yang tidak terlibat dengan keganasan itu. Maka tidak menterjejaskan oleh undang-undang keselamatan akan mereka itu di atas kehidupan sehariannya. Mereka terus berkehidupan dengan cara yang normal seperti orang-orang di kawasan-kawasan yang lain di Thailand kerana mereka itu mempunyai kuasa yang sah dan mempunyai hak asasi manusia mengikut undang-undang. Adapun kumpulan ganas. Maka akan dibatasi akan pergerakan mereka itu yang menjadikannya lebih sukar atas melakukan pelbagai kejahatan.

          Daripada diperhatikan di atas usaha oleh kumpulan organisasi untuk tuntutan akan "Hak asasi manusia" di wilayah sempadan selatan Thailand itu. Yang lalunya, Bertujuan oleh mereka itu untuk membuat tuntutan untuk pesalah dan mereka yang terlibat dengan kesalahan yang mati dengan akibat berjuang akan pegawai dan mereka yang ditangkapkan dan suspek yang dijemputkan untuk memberikan bukti. Sebaliknya, Tidak pernah membantukan oleh kumpulan-kumpulan yang menyerukan hak asasi manusia ini untuk pegawai yang cedera atau yang terbunuh daripada tugas mereka itu dan tidak pernah membantukan oleh mereka itu akan orang yang tidak bersalah yang menjadi mangsa, terutamanya orang Buddha Thailand.


……………………………..……….

สิทธิมนุษยชนบนปลายด้ามขวาน (ภาษามลายู)


10/22/2562

สิทธิมนุษยชนที่ชอบธรรม กับ การเลือกปฏิบัติ


สิทธิมนุษยชนที่ชอบธรรมกับองค์กรสิทธิฯ ที่ไร้เงาและเงียบงันในการทำหน้าที่ปกป้องชาวบ้าน..

จากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นปัญหาที่สร้างความเดือดร้อน มีผลกระทบต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน  แต่กลับกลายเป็นว่าได้สร้างงานสร้างอาชีพใหม่ให้กับคนบางกลุ่ม ได้มีการจัดตั้งองค์กร NGOs ทั้งที่จดทะเบียนและไม่ได้จดทะเบียนมากกว่า 500 องค์กรขึ้นมา เพื่อดึงเงินทุนสนับสนุนจากต่างชาติ แต่แทบทุกครั้ง ที่มีการออกมาเคลื่อนไหวของกลุ่มองค์กร  ได้สร้างปัญหาและขัดขวางการแก้ไขปัญหาและการพัฒนาของชาติอย่างชัดเจน  มีพฤติกรรมอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ในพื้นที่  ไม่ว่าจะเป็นผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต  กลุ่มองค์กรสิทธิมนุษยชนเหล่านี้กลับนิ่งเฉยธุระไม่ใช่  ในขณะที่ฝ่ายบ้านเมือง/เจ้าหน้าที่ผู้บังคับใช้กฎหมาย  ได้ทำงานเพื่อความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการติดตามจับกุมสมาชิกแนวร่วมขบวนการที่ทำการก่อเหตุ หรือเมื่อเกิดการปะทะจนมีความสูญเสีย   องค์กรที่อ้างตนเป็นนักสิทธิมนุษยชนเหล่านี้จะต้องออกมาแสดงบทบาทมีการเคลื่อนไหวในการต่อต้านการทำงานของเจ้าหน้าที่อยู่ร่ำไป  แสดงให้เห็นอย่างชัดแนวความคิดของกลุ่มองค์กรได้อย่างชัดเจนว่า มุ่งปกป้องสิทธิมนุษยชนให้แก่กลุ่มโจรผู้ที่ทำร้ายพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์  แต่เมื่อใดที่ประชาชนผู้บริสุทธิ์ตกเป็นเหยื่อ หรือทางฝ่ายเจ้าหน้าที่เป็นผู้สูญเสีย  กลุ่มองค์กรเหล่านี้ก็จะเงียบเฉย ไม่รู้ไม่เห็นกับสิ่งที่เกิดขึ้น

สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอันได้แก่ สิทธิ-เสรีภาพ ที่ทุกคนได้รับอย่างเสมอภาคและเป็นธรรม ในฐานะที่เกิดมาเป็นมนุษย์ ไม่ว่าจะมีความแตกต่างกันทางด้านชาติกําเนิด เชื้อชาติ ศาสนา วัฒนธรรม ภาษา วิถีชีวิต เพศ รูปลักษณ์ภายนอก อายุ และสติปัญญา หรือมีความไม่เท่าเทียมกันในฐานะทางเศรษฐกิจและสังคมมากน้อยเพียงใดก็ตาม  เป็นสิ่งที่องค์กรสิทธิ์ทั้งหลายจะต้องตระหนักให้ความสำคัญไม่ใช่หรือ..  ที่ผ่านมาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อมีเหตุการณ์ร้ายต่างๆ เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใด   ทุกคนต้องได้รับ สิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานอย่างเท่าเทียมกันไม่ใช่หรือ..  การเลือกปฏิบัติจากผู้ที่ทำหน้าที่และอ้างตนว่าเป็น นักสิทธิ์มันถูกต้องเหมาะสมแล้วหรือ..


การอาศัยสถานการณ์เพื่อทำการเคลื่อนไหว (หาประโยชน์ให้ตัวเอง)  และใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเพื่อลดความน่าเชื่อถือในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่รัฐ  โดยพยายามชี้นำให้เห็นถึงความขัดแย้งต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อสร้างผลงานและรายงานไปยังองค์กรระหว่างประเทศ เพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์  โดยไม่สนใจความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับบ้านเมืองประเทศชาติและพี่น้องประชาชน  เพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์จากผู้ให้การสนับสนุน ทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงกลุ่มการเมือง โดยใช้ชีวิตประชาชนเป็นเดิมพัน   สิบหาปีที่ผ่านมาคงตอบคำถามในใจประชาชนได้แล้วว่า เรามีกลุ่มองค์กรสิทธิ์ไว้ทำไม..! และเพื่ออะไร..?! ทำไมองค์กรสิทธิ์จึงไม่ทำหน้าที่ที่ควรจะทำ..  หรือว่า การเลือกปฏิบัติ และออกหน้าแทนกลุ่มผู้ก่อเหตุนั้น คือจุดยืนขององค์กรฯ ใช่หรือไม่….

..................................................

10/21/2562

สิทธิมนุษยชนบนปลายด้ามขวาน


เหตุการณ์ความรุนแรงต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้  แต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบัน มีสถิติเหตุรุนแรงทุกประเภททั้ง  ยิง  เผา  ระเบิด  โจมตีเจ้าหน้าที่ และอื่นๆ  เกิดขึ้นรวม 10,076 เหตุการณ์ มีผู้เสียชีวิต 4,054 ราย บาดเจ็บอีกหมื่นกว่าราย มาถึงวันนี้แม้ว่าสถานการณ์ความรุนแรงต่างๆ จะลดลงและดีขึ้นมากกว่าเมื่อก่อนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่ได้สงบจบสิ้นอย่างแท้จริง โดยเฉพาะยังคงมีความพยายามจุดกระแส สร้างความสับสนของกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมบางกลุ่ม ผสมโรงด้วยกลุ่มการเมืองทั้งในระดับประเทศและท้องถิ่น ที่พยายามหยิบยกคำว่า “สิทธิมนุษยชน” ขึ้นมาเป็นเครื่องมือในการสร้างกระแสอยู่ในเวลานี้

สิทธิมนุษยชน แยกคำเป็น 2 คำ คือคำว่า  “สิทธิ” หมายถึง อำนาจอันชอบธรรมตามกฎหมาย กับคำว่า “มนุษยชน” หมายถึง บุคคลทั่วไป เมื่อรวมกันจึงหมายถึง อำนาจอันชอบธรรมตามกฎหมายของบุคคลทั่วไป  เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทำให้มนุษย์สามารถมีชีวิตอยู่ได้ ได้รับการคุ้มครองให้ปลอดภัย และได้รับการตอบสนองตามความต้องการขั้นพื้นฐานของชีวิตตามกฎหมายของแต่ละประเทศ

การบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ประชาชนผู้บริสุทธิ์ทั่วไปซึ่งไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ก่อเหตุฯ จะไม่ได้รับผลกระทบในการใช้ชีวิตประจำวันแต่ประการใด ยังคงใช้วิถีชีวิตได้อย่างปกติสุข เช่นเดียวกับพื้นที่อื่นๆ ในประเทศไทย เพราะ มีอำนาจอันชอบธรรม/มีสิทธิมนุษยชนตามกฎหมาย  ในขณะที่กลุ่มผู้ก่อเหตุฯ จะถูกจำกัดความเคลื่อนไหว ทำให้โอกาสในการก่อเหตุร้ายทำได้ยากขึ้น  

เป็นที่น่าสังเกตว่า ความพยายามของกลุ่มองค์กรฯ ที่เรียกร้อง “สิทธิมนุษยชน” ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่ผ่านมานั้น  มุ่งที่จะเรียกร้องให้แก่ผู้ที่กระทำความผิดและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการก่อเหตุร้าย ที่เสียชีวิตจากการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่  ผู้ที่ถูกเจ้าหน้าที่จับกุม และผู้ต้องสงสัยที่ถูกเชิญตัวเพื่อให้ปากคำ แทบทั้งสิ้น  ในทางตรงกันข้าม กลุ่มองค์กรฯ ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิมนุษยชนเหล่านี้ ไม่เคยได้ยื่นมือเข้าช่วยเหลือหรือเรียกร้องสิทธิใดใดให้กับเจ้าหน้าที่ที่บาดเจ็บ/เสียชีวิตจากการปฏิบัติหน้าที่ และประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ตกเป็นเหยื่อโดยเฉพาะพี่น้องไทยพุทธ บ้างเลย

คนส่วนใหญ่ในสังคมได้มองเห็นและมีความเคลือบแคลงสงสัยแล้วว่า.. กลุ่มคนที่ออกมาเรียกร้อง “สิทธิมนุษยชน” และเรียกร้องให้ยกเลิกกฎหมายความมั่นคงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เขาต้องการอะไรกันแน่..  ต้องการช่วยเหลือกลุ่มผู้ก่อเหตุฯ ให้ไม่สามารถก่อเหตุรุนแรงได้อย่างเสรี.. หรือว่าทำเพื่อให้กลุ่มตัวเองได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มองค์กรฯ ที่มีแนวคิดในการแทรกแซงก้าวกายกิจการภายในและความมั่นคงของประเทศไทย.. ใช่หรือไม่..  


............................

10/02/2562

“ก้าวผิดชีวิตเปลี่ยน” วงการนี้เข้าง่าย “อยู่ยาก”


จากเหตุการณ์ จนท.ฝ่ายความมั่นคง ทหารชุดจรยุทธ์ ร้อย ทพ.4809 ปะทะกลุ่มโจรใต้ เมื่อช่วงเย็นของวันที่   1 ตุลาคม 2562 โดย จนท.สืบทราบจากแหล่งข่าวในพื้นที่ และได้รับความร่วมมือจากประชาชนในการแจ้งเบาะแส ว่ามีกองกำลังติดอาวุธกลุ่มของ นายตอเย็บ แมทารง เคลื่อนไหวบนเทือกเขาหลังหมู่บ้านสือแด หมู่ 7 ต.สากอ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส จึงจัด จนท.ชุดจรยุทธ์ ร้อย ทพ.4809 จำนวน 1 ชุดปฏิบัติการ นำกำลังขึ้นพิสูจน์ทราบ

ในระหว่างที่ จนท.ทหารกำลังเดินลาดตระเวนในสวนยางพาราของชาวบ้านที่ปลูกไว้ที่เชิงเขา ซึ่งเป็นทางขึ้นน้ำตกสือแดอยู่นั้น จนท.ทหารได้พบกับกองกำลังติดอาวุธกลุ่มนายตอเย็บ ซึ่งมีกำลังจำนวน 5-6 คน ที่กำลังเดินลงจากเทือกเขา ซึ่งกองกำลังของนายตอเย็บก็เห็น จนท.เช่นกัน จึงเปิดฉากยิงใส่ จนท. ทำให้ทั้งสองฝ่ายยิงปะทะกันนานกว่า 10 นาที จากนั้นกลุ่มคนร้ายได้ใช้ความชำนาญพื้นที่ และใช้อาวุธปืนยิงเบิกทางหลบหนีไปเข้าเขตรอยต่อบ้านดอเฮะ หมู่ 3 ต.ริโก๋ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส โดยที่สองฝ่ายไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต

นายตอเย็บ แมทารง แกนนำที่เคลื่อนไหวก่อเหตุอยู่ในพื้นที่ เขตรอยต่อของพื้นที่ 4 อำเภอ คือ อ.ระแงะ อ.จะแนะ อ.เจาะไอร้อง และ อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส มีหมายจับ ป.วิอาญา คดีความมั่นคงติดตัวอยู่หลายคดีรวมถึงคดีซุ่มยิง อส.สุไหงปาดี ขณะขี่รถจักรยานยนต์ปฏิบัติหน้าที่ รปภ.ครู เสียชีวิต 2 นาย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2561

นายตอเย็บ แมทารง ยังเป็นแกนนำปลุกระดมแนวร่วมในพื้นที่ โดยใช้วิธีบิดเบือนหลักคำสอนศาสนา กลายเป็นกลุ่มแนวร่วมรุ่นใหม่ที่เป็น “เยาวชนชาย” จนชาวบ้านในพื้นที่เอือมระอาต่อพฤติกรรมดังกล่าว      ทั้งการก่อเหตุแบบสุดโต่ง ลอบทำร้าย จนท. สังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์ รวมไปถึงหลอกล่อลูกหลานเข้าสู่ขบวนการ

การปฏิบัติการพิสูจน์ทราบของ จนท.ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นประสิทธิภาพงานด้านการข่าวของฝ่ายความมั่นคง และความเชื่อมั่นของประชาชนที่มีต่อ จนท. ในการแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหวของกลุ่มแนวร่วม รวมทั้งการจัดกำลังจรยุทธ์เข้ากดดัน เพื่อจำกัดเสรีผู้ก่อเหตุรุนแรงในทุกพื้นที่

ฝากถึงแนวร่วมที่ยังเคลื่อนไหวและหลบซ่อนตัวอยู่ในขณะนี้ ยังมีเวลากลับตัวกลับใจ หันหลังให้กับขบวนการ กลับมาใช้ชีวิตอย่างปกติสุข อยู่กับครอบครัวอันเป็นที่รัก ดีกว่าใช้ชีวิตเร่ร่อน อดมื้อกินมื้อ แถมตกเป็นเครื่องมือของแกนนำที่เสวยสุขอยู่ต่างประเทศ บทเรียนที่ผ่านมาก็มีให้เห็นเยอะแยะ ชีวิตเมื่อเข้าสู่วงการนี้ นอกจากไร้ที่ซุกหัวนอนแล้ว ไม่ตายก็คุก!!

.........................................