ข่าวการหลั่งไหลเข้ามาทางภาคใต้ประเทศไทยอย่างต่อเนื่องชาวมุสลิมโรฮิงญา
ชนกลุ่มน้อยซึ่งอาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ซึ่งเป็นรัฐหนึ่งทางภาคตะวันตกของเมียนมาร์ พร้อมกับภาพเรือมนุษย์ลำน้อยที่แออัดยัดทะนานลอยลำอยู่กลางทะเลมาขึ้นฝั่งในหลายพื้นที่ทางตอนใต้ของไทย และได้ถูกเจ้าหน้าที่
ตม. ไทยจับกุมในข้อหาเป็นผู้หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฏหมาย โดยให้อาศัยอยู่ในพื้นที่ควบคุมในพื้นที่ทั้ง
อ.สะเดา จ.สงขลา จำนวนกว่าหนึ่งพันคน บางส่วนได้ถูกนำมาดูแลในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทยในขณะนี้นั้น กำลังเป็นจับตามองของหลายฝ่ายทั้งในและนอกประเทศว่ารัฐบาลไทยจะทำอย่างไรกับโรฮิงญากลุ่มนี้
ภายใต้กระแสการวิพากษ์ในมุมมองต่างๆ
พร้อมเสนอแนวทางออกรวมทั้งการตั้งข้อเรียกร้องหลายประการจากองค์กรต่างๆ
โดยเฉพาะองค์กรของพี่น้องมุสลิมว่าต้องให้การดูแลช่วยเหลือ ไม่เว้นแม้แต่ชาวมุสลิมโรฮิงญาที่หลบหนีเข้าเมืองมาเองที่ยังร้องขอต่อรัฐบาลไทยว่าอย่าส่งกลับไปเมียนมาร์ ด้วยเหตุผลว่า
ถ้าส่งกลับไปพวกเขาต้องถูกฆ่าตาย
แน่นอนว่าจากแรงกดดันข้างต้นจะส่งผลให้รัฐบาลไทยในวันนี้อยู่ภาวะ
“กลืนไม่เข้าคลายไม่ออก” เพราะขนาดเมียนมาร์เองยังบอกว่าชาวโรฮิงญาไม่ใช่ชนกลุ่มน้อยของตน แต่เป็นพวกที่หลบหนีเข้ามาจากบังคลาเทศ ขณะที่บังคลาเทศก็ไม่ยอมรับว่าเป็นพลเมืองของตน
ซึ่งก็คงต้องหาทางออกที่เหมาะสมกันต่อไปเพราะรัฐบาลไทยเองนั้นก็เคยประสบปัญหาใกล้เคียงในลักษณะนี้มาแล้วไม่ว่าจะเป็นม้งอพยพหรือเขมร แต่ที่แน่ๆ
ถึงตอนนี้ภาระรับเลี้ยงดูคนกลุ่มนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่ในเรื่องร้ายๆ
เกี่ยวกับชะตากรรมของชาวโรฮิงญาก็มีแง่มุมดีๆ ที่เกิดขึ้นก็คือ น้ำจิตน้ำใจของคนไทยที่ร่วมกันบริจาคอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรคเพื่อช่วยเหลือชาวโรฮิงญากลุ่มนี้ได้หลั่งไหลมาจากทุกทิศทาง ภาพของเด็กนักเรียนชาวไทยนำอาหารไปมอบให้กับพวกเขาตั้งแต่วันแรกๆ ของการถูกควบคุมตัวซึ่งถูกนำเสนอโดยสื่อมวลชนได้สร้างความประทับต่อผู้ได้พบเห็น ไม่เพียงเท่านั้นยังมีกลุ่มบุคคล หน่วยงานของรัฐและองค์กรต่างๆ
ยื่นมือเข้ามาร่วมกันอย่างพร้อมเพรียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องมุสลิมจากชายแดนใต้
ที่ให้ความช่วยเหลือโดยการตั้งจุดรับบริจาคในหลายจุดทั่วพื้นที่
ภาพเหล่านี้ได้บ่งบอกให้สังคมทั่วไปและสังคมโลกได้รับรู้ถึงความเป็นคนไทยที่มีจิตใจโอบอ้อมอารีมีความเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ที่หนีร้อนมาพึ่งเย็นโดยไม่แบ่งแยกเชื้อชาติและศาสนา
อีกภาพหนึ่งที่สวยงามคือ ในยามที่เกิดความขัดแย้งหรือความเดือดร้อนในกรณีใดๆ เมื่อถึงเวลาที่จะต้องร่วมมือร่วมใจโดยใช้พื้นฐานของความเป็นคนไทยด้วยกันแล้ว
การร่วมแรงร่วมใจกันของทุกฝ่ายจะเกิดขึ้นเสมอโดยลืมความขัดแย้งนั้นไปจนหมดสิ้น เฉกเช่นเดียวกับที่กำลังเกิดขึ้นในภาคใต้ของประเทศไทยในเวลานี้ ที่ทั้งชาวไทยพุทธและมุสลิมต่างร่วมใจกันให้ความช่วยเหลือชาวโรฮิงญาด้วยความเมตตาสงสารอย่างน่าชื่นชม
สำหรับชาวโรฮิงญาแล้วนี่อาจเป็น “ฝันดี” ของพวกเขาในช่วงเวลาหนึ่ง เพราะเขาเหล่านั้นยังอยู่ในฐานะของ ผู้หลบหนีเข้าเมือง ไม่ใช่
ผู้ลี้ภัยสงคราม และตามกฏหมายแล้วต้องถูกผลักดันออกจากประเทศไทยภายใน
3 เดือนซึ่งเป็นได้สองทางคือ
กลับไปยังประเทศต้นทางหรือส่งไปประเทศที่สาม โดยเป็นเรื่องที่รัฐบาลไทยต้องดำเนินการแก้ปัญหาให้ถูกทางต่อไป และไม่ว่าผลออกมาจะดีหรือร้ายก็เป็นเรื่องที่ชาวโรฮิงญาต้องยอมรับมัน
เห็นภาพของความร่วมมือร่วมใจของพวกเราคนไทย โดยเฉพาะพี่น้องทั้งไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่
ณ เวลานี้แล้ว
ส่วนตัวผู้เขียนเองอยากให้ภาพความรัก
ความเอื้ออาทร
ความร่วมมือกันในลักษณะนี้ของคนในพื้นที่คงอยู่ในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ของเราต่อไปอีกตราบนานเท่านาน เพราะมันจะช่วยทำให้ “ฝันร้าย” ของคนในพื้นที่นี้จบลงเสียที
เพราะประชาชนเบื่อหน่ายกับการก่อเหตุรุนแรงจนเกินจะทนแล้ว เห็นด้วยมั้ย
ซอเก๊าะ นิรนาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น