นอกเหนือจากภาพของเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงวางกำลังในรูปแบบของการตั้งจุดตรวจจุดสกัด
การลาดตระเวนไปตามท้องถนนทั้งโดยรถยนต์และการเดินเท้าอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศไทยแล้ว ภาพของเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ อาสาสมัครที่ลงพื้นที่เพื่อให้การช่วยเหลือชาวบ้านด้วยการบูรณะพัฒนาสิ่งสาธารณูปโภคต่างๆ ก็ยังเป็นภาพชินตาที่ประชาชนในพื้นที่ได้เห็นอยู่ทั่วไป
ขณะที่การก่อเหตุรุนแรงยังดำเนินไปพร้อมๆ
กับการชีวิตที่หลุดลอยไปของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นทีละน้อยๆ โดยเฉพาะในห้วงที่ผ่านมาซึ่งมีความถี่มากขึ้น
เหตุการณ์ล่าสุดเจ้าหน้าที่อาสาสมัครทหารพรานสังกัดหน่วยเฉพาะกิจทหารพรานที่ 22 จำนวน 4 นาย ออกปฏิบัติภารกิจช่วยก่อสร้างห้องน้ำให้กับมัสยิด
ในพื้นที่บ้านกอตอระนอ ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
โดยมีประชาชนในหมู่บ้านได้ช่วยทำการก่อสร้างอยู่ด้วยและหลังจากนั้นก่อนพักเที่ยง
เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ยังคงทำการก่อสร้างห้องน้ำอยู่ ได้มีคนร้ายจำนวน 7-8 คน ขับรถยนต์กระบะเป็นพาหนะขับมาจอดบนถนนลูกรังหน้าห้องน้ำที่กำลังก่อสร้าง
จากนั้นคนร้ายที่นั่งอยู่ท้ายกระบะใช้อาวุธปืนอาก้า และเอ็ม 16 กราดยิงใส่เจ้าหน้าที่ ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตบริเวณห้องน้ำ 3 นาย อีกนายได้ใช้อาวุธปืนยิงต่อสู้คนร้ายอย่างดุเดือด
ทำให้คนร้ายถูกยิงได้รับบาดเจ็บไป 2 ราย จนคนร้ายเห็นท่าไม่ดีจึงเร่งเครื่องหลบหนีไป
จากเหตุการณ์นี้ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตไปอีก
3 นายและได้รับบาดเจ็บอีก 1 นาย
แม้ว่าการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ในแต่ละครั้งนั้น
เหล่านักวิชาการจะออกมากล่าวในทำนองว่าเจ้าหน้าที่คือคู่ขัดแย้งกันกับกำลังติดอาวุธของขบวนการ
การเสียชีวิตจึงเป็นเรื่องธรรมดาของการสู้รบ แต่หากพิจารณาในอีกมุมหนึ่งจะพบว่าการลงมาปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่นั้นมิได้ลงมาทำการรบ
แต่มาเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนพร้อมๆ กับการช่วยพัฒนาพื้นที่ไปด้วย และหากต้องใช้อาวุธก็ต้องปฏิบัติตามกฎการใช้อาวุธอย่างเคร่งครัด
ซึ่งแตกต่างกับข้างฝ่ายขบวนการที่อาศัยช่องว่างจังหวะที่เจ้าหน้าที่กำลังพลั้งเผลอลอบทำร้ายจนบาดเจ็บและเสียชีวิตอยู่เนื่องๆ
และเช่นเดียวกันจากเหตุข้างต้นเป็นการลอบทำร้ายขณะเจ้าหน้าที่กำลังช่วยพัฒนาซ่อมสร้างห้องน้ำของมัสยิดเพื่อให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้ใช้ชำระล้างร่างกายก่อนประกอบศาสนกิจ
ประกอบกับมัสยิดเป็นสถานที่ศักสิทธิ์ที่สมควรให้ความเคารพ จึงถือเป็นเรื่องไม่สมควรอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่อ้างตนว่าเป็นมุสลิมแล้วมาทำร้ายคนในสถานที่ของพระเจ้า
ที่เห็นได้ชัดอีกประการเป็นความแตกต่างจากการกระทำของทั้งสองฝ่ายคือ
เจ้าหน้าที่ และข้างฝ่ายขบวนการ ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่นั้นทำหน้าที่ในการดูแลช่วยเหลือชาวบ้านพัฒนาในด้านต่างๆ
ที่ขาดแคลน แม้รู้ว่ากำลังตกเป็นเป้าสังหาร แต่ฝ่ายขบวนการนั้นมีหน้าที่เพียงขัดขวางและทำลาย
ต้องการให้ชาวบ้านขาดโอกาสในการพัฒนาในทุกด้าน
ข่มขู่ให้เกรงกลัวโดยใช้กระบอกปืนโดยมิได้คำนึงถึงผลใดๆ
หากเป็นแบบนี้ต่อไปภาพของการมีคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวบ้านที่นี่คงไม่มีทางได้เห็น
ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารพรานซึ่งได้เสียชีวิตไปมากมายขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่ ส่วนใหญ่ก็เป็นพี่น้องคนไทยเชื้อสายมลายู เขาเหล่านั้นก็คือลูกหลานของมลายูมิใช่หรือ และเพียงแค่ลูกหลานเหล่านั้นแต่งเครื่องแบบของเจ้าหน้าที่เพราะต้องการใช้บทบาทในการเป็นเจ้าหน้าที่รัฐมาดูแลท้องถิ่นของตนเอง
ก็ถึงกับปล่อยให้ฆ่าแกงกัน ทั้งๆ
ที่กำลังพัฒนาสถานที่ปฏิบัติกิจทางศาสนาของส่วนรวมได้เชียวหรือ
“สร้างสรรค์
กับ ทำลาย....” ชัดๆ แบบนี้พี่น้องประชาชนคงเลือกได้ไม่ยากว่าอยากมีชีวิตแบบไหนต่อไป
ขออัลเลาะฮฺได้โปรดเมตตาชี้ทางให้บ่าวด้วยเถิด....
ซอเก๊าะ นิรนาม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น