12/19/2559

เรื่องเล่า‘เหตุทำลายพระพุทธรูป’ในวัดถัมภาวาสที่ปะเสยะวอ

"Ibrahim"

จากกรณีเมื่อช่วงบ่ายวันนี้ 12 ธ.ค.59 เกิดเหตุสะเทือนใจสำหรับชาวพุทธ เมื่อมีมือดีบุกเข้าทำลายพระพุทธรูป และทำลายโกศใส่กระดูก ภายในวัดถัมภาวาส ต.ปะเสยะวอ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี ได้รับความเสียหาย
        ทันทีที่ข่าวนี้ได้แพร่กระจายออกไปได้มีการแชร์ต่อกันในวงกว้าง ผู้คนต่างวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่างๆ นาๆ บางรายถึงกับประณามการกระทำดังกล่าว และโกรธแค้นกลุ่มเยาวชนที่ทำการก่อเหตุดังกล่าว เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นเรื่องศาสนา ที่มีต่อความคิดความเชื่อ ซึ่งมีผลต่อความรู้สึกของผู้นับถือพุทธศาสนา
      ในเวลาต่อมาได้มีการสืบทราบว่ามือทำลายพระพุทธรูป และทำลายโกศใส่กระดูก ภายในวัดถัมภาวาส เป็นเยาวชนในหมู่บ้าน เหตุที่ทำเพราะจดจำพฤติกรรมจากสื่อ และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ผู้หลักผู้ใหญ่มุสลิมในหมู่บ้าน ได้ออกมากล่าวขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ขอให้คนชาวไทยพุทธที่โกรธแค้นให้อภัยแก่เยาวชนเหล่านี้ เพราะเป็นลูกหลานชาวปะเสยะวอด้วยกัน เคยอยู่ร่วมกันแบบพหุวัฒนธรรมกันมาช้านาน และจะอบรบบ่มนิสัยให้เยาวชนเหล่านี้อยู่ในลู่ทางที่ดี และขอให้ทุกฝ่ายเรียนรู้การให้อภัยจดจำเป็นบทเรียน เป็นอุทาหรณ์สอนใจ ไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีกซ้ำรอยอีก!

        ขอพูดแบบเป็นกลางถึงสื่อสังคมออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นเพจมุสลิมหลายๆ เพจ ที่นำเสนอความรุนแรง ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศไม่ว่าจะเป็นในพม่า ซีเรีย หรือ ISIS ควรนำเสนอให้เหมาะสมและให้ข้อคิดแก่เยาวชน มิเช่นนั้นปัญหาแบบนี้ตามมา เพราะสื่อสังคมออนไลน์เข้าถึงง่าย เยาวชนจดจำพฤติกรรมและเลียนแบบโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์


เรื่องเล่าของคนใกล้วัด


        บ้านในปัจจุบันของผมอยู่ตรงข้ามวัด ซึ่งคือวัดถัมภาวาส ตำบลปะเสยะวอ ที่กำลังเป็นข่าวเด็กไปทุบพระพุทธรูปกับโกศใส่กระดูก วัดแห่งนี้ตั้งอยู่มานมนานแล้ว แวดล้อมด้วยชุมชนมุสลิม ตอนเด็กๆ เด็กชายมุสลิมอย่างผมก็วิ่งเล่นกับเพื่อนในวัดเนี๊ยแหละ!! ตาผมก็เป็นครูโรงเรียนวัดที่นั้น บ้านพักตาผมก็อยู่ในรั้ววัด บ้านย่าผมก็อยู่ข้างวัด จะเรียกผมเด็กวัดก็ไม่ผิด เพราะบริเวณวัดคือที่วิ่งเล่นของผมทั้งวันเล่นสนุกกันในวัด แค่ไม่ได้กินข้าววัดเท่านั้นเอง

          อยากได้ตังซื้อขนม ก็ไปดักจับแย้ในวัดพอได้มาก็เอาไปขายที่บางตะโล๊ะ (ชุมชนชาวพุทธ) แลกค่าขนม ถึงฤดูเล่นปืนแก๊ป เราก็ซุกซนน่ะเอาปืนไปยิงหมาในวัด บางครั้งซุกซนจนเกินเลย ยิงโน่นยิงนี่ในวัดไปเรื่อย ด้วยเพียงเพราะยังเยาว์วัย พวกผมวิ่งหนีเจ้าอาวาสเกือบทุกวัน บางวันท่านก็แท็กทีมกับเปาะจิเมาะจิขาประจำที่มานั่งเสวนาจิบชาในศาลาวัด ไล่ต้อนพวกผมแก๊งเด็กซนที่มาก่อกวนในวัด ตอนนั้นเนื่องจากพวกเรายังเป็นเด็กแยกไม่ออกหรอกว่า วัด คืออะไร? มัสยิด คืออะไร? ที่ไหนที่เราเล่นสนุกได้มันคือที่ที่ของเรา พวกผมเข้าวัดบ่อยกว่าเพื่อนชาวพุทธบางคนเสียด้วยซ้ำ ตอนนั้นเราก็อยู่กันอย่างนี้แหละ!! ปัจจุบันอาจจะเปลี่ยนไปบ้าง ตอนยังเด็กกำแพงรั้ววัดไม่เคยเป็นอุปสรรคในการจะข้ามไปเล่น แต่ตอนนี้รู้สึกมันสูงมาก จนมองไม่เห็นคนที่อยู่หลังกำแพง ประตูวัดที่เข้าออกเป็นว่าเล่น ตอนนี้กลับรู้สึกไม่คุ้นเคย เพราะมีคนที่ไม่คุ้นพูดสำเนียงอีสานบ้างสำเนียงใต้ตอนบนบ้าง สวมชุดดำ ยืนหน้าประตูวัดในมือถืออาวุธหนัก มีรั่วหนามล้อมรอบ ยืนต้อนรับ แต่ก็ดีที่ผมยังมีความทรงจำดีๆ ว่าที่นี้ก็เคยเป็นสนามเด็กเล่นของผม

        กลับมาเรื่องเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกรณีเด็กๆ ที่ก่อนเหตุ ทุบทำลายโกฐใส่กระดูกและพระพุทธรูป ผมก็เคยเห็นหน้าเห็นตาส่วนใหญ่ก็เป็นประถมปลาย หลายๆ ครั้งก็มาซุกซนในรั้วบ้านผม ตามประสาเด็ก ตอนนี้ก็รู้ตัวเด็กๆ ที่ก่อเหตุกันทุกคน ด้วยการที่กลัวผลของการกระทำความผิดของตัวเองเด็กมีอาการตื่นกลัวเป็นอย่างมาก ถามอะไรบอกหมดพอถามว่าทำไม? ทำอย่างนี้ และรู้ได้อย่างไรว่าในนั้นมีเงิน เด็กๆ ก็บอกว่าดูจากละคร ก็ว่ากันไปผิดกว่าด้วยผิดคนชุมชุมที่นั้นก็คงมีวิธีการจัดการในแบบของเขา ก็คงควรเป็นเรื่องของคนในมากกว่าคนนอก ส่วนพี่น้องชาวไทยพุทธที่นั้นจะโกรธแค้นใจ ก็ไม่ผิดแต่ผมก็เชื่อพอเขาได้รู้ว่าเด็กๆเป็นลูกเป็นหลานคนในชุนชนที่รู้จักเป็นผู้ก่อเหตุอารมณ์ความโกรธก็คงลดลงบ้าง และก็คงให้อภัยกัน ส่วนต่อไปก็ควรเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ในชุมชนมาพูดคุยมาเยียวยาจิตใจกัน เหตุการณ์ในลักษณะเช่นนี้ไม่ว่าจะเป็นชุมชนชาวไทยพุทธหรือชุมชนชาวไทยมุสลิมเราก็ควรเรียนรู้การให้อภัยซึ่งกันเช่นกัน


หน่วยงานต่างๆ เร่งสร้างความเข้าใจฟื้นเสริมสร้างการอยู่ร่วมพหุสังคม
        หลังจากเหตุการณ์เยาวชนมุสลิมเข้ามาทำลายพระพุทธรูปและโกศเสียหาย เมื่อวันที่17.ธ.ค.59 ชาวบ้านในพื้นที่ทั้งชาวไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิมมาช่วยกันบูรณะวัด เสริมสร้างความรักแบบพหุสังคม

     ซึ่งในการทำกิจกรรมในครั้งนี้ได้มี นายโอม เชื้อแหลม นายอำเภอสายบุรี พร้อมด้วย ผบ.ฉก.ทพ.44 ผู้แทน ผกก.สภ.สายบุรี กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ตำบลปะเสยะวอ เจ้าอาวาสวัดถัมภาวาส และชาวปะเสยะวอ ได้ร่วมกันเสริมสร้างการอยู่ร่วมสังคมพหุวัฒนธรรมนำสู่สันติสุข ร่วมกันพัฒนาทำความสะอาดบริเวณวัด ทาสีกำแพงวัดและซ่อมแซมรั้วให้มีความมั่นคงแข็งแรง โดยมีคณะครูและนักเรียนโรงเรียนวัดถัมภาวาสเข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย


       ส่วนเด็กนักเรียนที่ทำการก่อเหตุรู้สึกสำนึกผิดและจะแก้ไขเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเอง จะไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ จากเหตุการณ์ที่พวกตนได้ทุบที่เก็บอัฐิและพระพุทธรูปในวัดถัมภาวาสจนได้รับเสียหาย เพราะคิดว่าข้างในเก็บของมีค่าและต้องการเอาเงินไปซื้อขนม

       นั่นคือเรื่องราวที่เกิดขึ้น และเรื่องเล่าในวัดถัมภาวาสที่ปะเสยะวอของการอยู่ร่วมสังคมพหุวัฒนธรรมที่มีมาตั้งแต่ครั้งในอดีต เมื่อมีการกระทบกระทั่งกันไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก หรือเรื่องใหญ่ทางออกของปัญหาที่ดีที่สุดคือการพูดคุยสร้างความเข้าใจซึ่งกันและกัน การให้อภัยซึ่งกันและกันซึ่งจะนำไปสู่การอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข ลดความขัดแย้งความหวาดระแวงต่อกันของการอยู่ร่วมของผู้คนในสังคม
----------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น