"Ibrahim"
“อัญชนา หีมมิน๊ะ” ประธานกลุ่มด้วยใจ
โพสต์ข้อความผ่านเฟสบุ๊คส่วนตัว เกี่ยวกับความท้าทายของกระบวนการสันติภาพในระดับรากหญ้า
ระดับพื้นที่ และชุมชนว่า“สภาวะแวดล้อมที่เอื้อให้คนมีความปลอดภัย และมีเจตนารมณ์ร่วมกันในการสร้างพื้นที่ปลอดภัย”ดังนั้น “พื้นที่ปลอดภัย”
ผู้ที่มีอำนาจ ผู้ที่ถืออาวุธจะต้องพิจารณาให้รอบด้าน มองในหลายมิติ
สื่อสารกันให้มาก รับฟังความคิดเห็นของประชาชนในชุมชนให้มาก
แต่ She มิวายที่จะแขวะการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ในการติดตามจับกุมบุคคลต้องสงสัยกรณีเหตุระเบิดในพื้นที่
7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนกับการใช้กฎหมายพิเศษ
การแสดงความคิดเห็นของ“อัญชนา หีมมิน๊ะ”ประธานกลุ่มด้วยใจ เกี่ยวกับ “การสร้างพื้นที่ปลอดภัย”ที่ทุกฝ่ายกำลังตื่นตัวและเรียกร้องในระดับเวทีการพูดคุยสันติสุข
และเรียกร้องให้รับฟังความคิดเห็นให้มาก
ในมุมมองของผู้เขียน“อัญชนา หีมมิน๊ะ”ยังมีเรื่องที่ค้างคาใจอยู่หลายประเด็น
เกี่ยวกับพฤติกรรมที่ผ่านมา โดยเฉพาะการนำประเด็นที่สำคัญมาบิดเบือน เช่นประเด็น “การซ้อมทรมาน”กล่าวหา เจ้าหน้าที่รัฐกระทำการทารุณกรรม
ที่จริงไม่อยากจะฟื้นฝอยหาตะเข็บสักเท่าไหร่
กล่าวถึงเรื่องนี้ทีไรบอกได้เลยคำเดียว She เป็นพวก Ultras BRN (ยิ่งกว่า BRN) ก็สมควรแล้วที่หน่วยงานความมั่นคงฟ้องร้องเอาผิดกับองค์กรเหล่านี้
ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม
องค์กรภาคประชาสังคมที่มีมากกว่า
520 องค์กร ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ จชต. หากคิดดีทำดีจิตบริสุทธิ์ ช่วยกันคิดช่วยกันแก้ไขปัญหาไฟใต้ก็สมควรยกย่อง
แต่ในขณะเดียวกันมีกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมจำนวนไม่น้อยในพื้นที่ จชต. ที่มีแนวความคิดตรงข้ามกับภาครัฐ
คอยจับผิดซ้ำเติมข้อผิดพลาดจากการปฏิบัติงาน นำไปขยายผลรายงานไปยังองค์กรต่างประเทศ
เสมือนหนึ่งไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้วกลับคอยราดน้ำมันลงในกองเพลิง เพื่ออะไร? มิทราบ
ซึ่งมีองค์กรที่มีพฤติกรรมเช่นนั้นจริง และหนึ่งในนั้นคือ กลุ่มด้วยใจของ “อัญชนา หีมมิน๊ะ”และ มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ของ “พรเพ็ญ คงขจรเกียรติ”
นอกจากนี้ยังมีองค์กรประเภทอีแอบ
คอยจัดเวทีเสวนาโน่นนี่ ซึ่งรูปแบบการจัดกิจกรรมก็จะเป็นไปในลักษณะปิดลับ โดยเฉพาะที่ผ่านมา วิทยาลัยประชาชน ซึ่งมี นายอิสมาแอล แนแซ เป็นผู้อำนวยการ จะมีพฤติกรรมเยี่ยงนี้ ไม่ได้เชิญบุคคลทั่วไปเข้าร่วมมีการจำเพาะเจาะจงผู้ที่มีอุดมคติเดียวกัน
และที่สำคัญไม่ได้เชิญเจ้าหน้าที่รัฐเข้าร่วมแต่อย่างใด? แต่ก็มีบางองค์กรที่สามารถทำงานร่วมกับภาครัฐได้อย่างลงตัวเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหา
จชต.อย่างแท้จริง
อยากจะให้ “อัญชนา หีมมิน๊ะ”
ดูแบบอย่าง NGOs ที่ดีอย่างเช่น “Miss Cynthia Petrigh” ผู้ก่อตั้ง Beyond Peace, French และ International
Monitoring yeam in Mindanao ซึ่งเป็นองค์กรภาคประชาสังคมที่ทำงานร่วมกับภาครัฐและทหารที่ทำงานร่วมกันทั่วโลก
ซึ่งองค์กรนี้มีแนวความคิดที่ค่อนข้างจะเป็นกลาง และพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ
พูดแบบชาวบ้านคือใจกว้าง ไร้อคติเอนเอียง
ส่วนกรณีที่เจ้าหน้าที่รัฐ
ติดตามจับกุมบุคคลต้องสงสัยกรณีเหตุระเบิดในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน โดยใช้กฎหมายพิเศษ
She ได้กล่าวพาดพิง
ไม่อยากให้เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายกับผู้กระทำผิดหรือไร?
ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประเทศชาติไม่สามารถประเมินค่าได้
อีกทั้งในเรื่องความมั่นใจของนักการค้า การลงทุนต้องหดหาย
นี่มันอะไรกันจะปล่อยให้คนชั่วลอยนวลทำการก่อเหตุได้ตามอำเภอใจ
ต้องการแบบนั้นหรือ?
การรายงานข้อเท็จจริงขององค์กรภาคประชาสังคมไปยังต่างประเทศก็เช่นกัน
มีการตกแต่งบิดเบือนข้อมูล เป็นข้อมูลด้านเดียวจนกระทั่งฝรั่งต่างชาติมองปัญหา
จชต.ติดลบ ขอยกคำพูดของ Miss
Cynthia Petrigh ที่ได้มีโอกาสเดินทางเข้ามาในพื้นที่ จชต. ครั้งแรก
และได้ลงไปเยี่ยมเยียนสัมผัสรับรู้ปัญหาจริงๆ ถึงกับกล่าวว่า “สถานการณ์ จชต. มิได้ย่ำแย่ตามที่เป็นข่าว
แปลกใจที่เคยได้ยินเรื่องปัญหาจากประวัติศาสตร์ และวัฒนธรรม
แต่แปลกใจเมื่อตนลงพื้นที่กลับพบว่าประชาชนที่นี่ได้รับครบถ้วนมิได้ขาด ในเรื่องการประกอบศาสนกิจไม่ว่าจะเป็นการคลุมฮิญาบ
หรือการละหมาด
นั่นคือมุมมององค์ภาคประชาสังคมต่างประเทศที่ทำงานร่วมกับรัฐ
และทหารทั่วโลก ที่องค์กรนี้ไปตั้งสำนักงานอยู่ประเทศไหนก็จะยึดแนวความคิดที่เป็นกลาง
และพร้อมรับฟังข้อเสนอแนะ หันกลับมามององค์กรภาคประชาสังคมในประเทศไทยเรา!! โดยเฉพาะองค์กรที่เคลื่อนไหวในพื้นที่
จชต. เคยทำประโยชน์ และตอบแทนบุญคุณผืนแผ่นดินเกิดหรือยัง!! หรือมีแต่คอยบิดเบือนข้อมูลทำลายประเทศชาติให้ฉิบหายต่อไป...
-------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น