"Ibrahim"
กรณีเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2560 เหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ใช้อาวุธปืนยิง นายสมชาย ทองจันทร์ อายุ 57 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.6 บ.ธรรมเจริญ ต.โตกสะตอ อ.รือเสาะ
จ.นราธิวาส ขณะขับรถยนต์เพื่อเดินทางมาประชุมประจำเดือนที่ อำเภอรือเสาะ โดยในขณะเดินทางมาถึงบริเวณที่เกิดเหตุ
ซึ่งเป็นเนินเขาได้ถูกกลุ่มคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามกราดยิงใส่ เป็นเหตุให้ นายสมชาย ทองจันทร์ และนางสน ทองจันทร์
เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ นางสาวรสิกา คาด้วง, เด็กชายธนกฤต
ทองจันทร์ เสียชีวิตที่ โรงพยาบาลรือเสาะ รวมเสียชีวิต 4 ราย นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก
2 ราย คือ เด็กหญิงศิรภัสสร ทองจันทร์ อายุ 12 ปี และ เด็กหญิงญานิศา ศรีสุวรรณ อายุ 6 ขวบ
การกระทำของกลุ่มคนร้ายเป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม
สุดโต่ง ไม่แยกแยะเป้าหมาย โดยเฉพาะเป้าหมายอ่อนแอที่ไม่มีทางต่อสู้ เด็กและสตรี
เหตุการณ์ดังกล่าวนำมาซึ่งความเศร้าสลดเสียใจของคนในพื้นที่และประชาชนชาวไทยทั้งประเทศต่อการกระทำที่รุนแรงไม่เว้นแม้กระทั่งเด็กเล็กๆ
ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยกับความขัดแย้งของผู้ใหญ่
กลับต้องตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงสังเวยไฟใต้
หลังเกิดเหตุมีการกล่าวถึงสาเหตุการดักลอบสังหารโหดในครั้งนี้
โดยมุ่งเป้าไปที่ปัญหาเรื่องส่วนตัวของ นายสมชาย ทองจันทร์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่
6 บ้านธรรมเจริญ ต.โคกสะตอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส โดยสำนักสื่อบางสำนักถึงกับกล่าวอ้างถึงภูมิหลังบ้านธรรมเจริญ
เดิมเป็นพื้นที่ “นิคมสร้างตนเอง” ส่งผลให้มีคนจากต่างถิ่นเข้ามาตั้งรกรากอยู่อาศัย
แต่ที่ผ่านมามีปัญหาความขัดแย้งเกี่ยวกับการเมืองท้องถิ่นค่อนข้างรุนแรง ทั้งจากการเลือกตั้ง
และการหักหลังกันในเรื่องการบริหารงาน อีกทั้งยังฟันธงสาเหตุการตายดังกล่าวมีการยืมมือแนวร่วมผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ลงมือก่อเหตุ
อีกทั้งยังมโนไปถึงวิธี “ยืมปืน”
ของแนวร่วมขบวนการทำการก่อเหตุเพื่อเบี่ยงประเด็นการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นั่นคือการวิเคราะห์ของสื่อถึงสาเหตุการเสียชีวิตของ
นายสมชาย ทองจันทร์ และครอบครัว มีความพยายามโยงให้เห็นว่าเป็นประเด็นความขัดแย้งทางการเมืองท้องถิ่น
และปัญหาส่วนตัว ถึงขนาดมีการชี้นำทางความคิดให้เห็นถึงวิธีการ“ยืมมือ”กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง หรือแม้กระทั่งความคิดสุดโต่งถึงขนาด“ยืมปืน”ของแนวร่วมขบวนการทำการก่อเหตุ
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่เจ้าของคดียังเขียนสำนวนยังไม่ทันเสร็จสรรพ
แต่ก็เป็นที่แปลกใจทำไมกระแสข่าวการเสียชีวิตของชาวไทยพุทธรือเสาะมีการโยงไปต่างๆ
นาๆ จนเกิดความสับสน ที่แท้เกิดจากสาเหตุใดกันแน่!! อีกทั้งกระบวนการตรวจพิสูจน์หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ของศูนย์พิสูจน์หลักฐาน
10 (ศพฐ.10)
ทำการตรวจปลอกกระสุนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุซึ่งมีการตรวจหาความเชื่อมโยงของคดีสำคัญยังไม่เป็นที่เปิดเผย
ก็มีการเขียนในเชิงชี้นำสังคมไปก่อนแล้วว่าเป็นเรื่องส่วนตัว
ล่าสุดเมื่อผลพิสูจน์ปลอกกระสุนของศูนย์พิสูจน์หลักฐาน
10 (ศพฐ.10) ทำการตรวจปลอกกระสุนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุซึ่งเป็นกระสุนปืนเล็กกล
ขนาด .223 (5.56 มม.)
จำนวน 32 ปลอก และปลอกกระสุนปืนออโตเมติก ขนาด 9 มม. LUGER จำนวน
11 ปลอก พบว่ามีความเชื่อมโยงคดีสำคัญถึง 23 คดี มีผู้เสียชีวิต 13 ราย
ปลอกกระสุนปืนเล็กกล ขนาด .223 (5.56 มม.) จำนวน 32 ปลอก พบว่าคนร้ายใช้ยิงมาจากอาวุธปืน 2 ชนิดด้วยกัน
จำนวน 5 กระบอก คือ อาวุธปืน เอ็ม.16
จำนวน 3 กระบอก และ อาวุธปืน เอชเค.33
จำนวน 2 กระบอก
ที่สำคัญทั้งอาวุธปืน เอ็ม.16 อาวุธปืน เอชเค.33 ทั้ง 5
กระบอก คนร้ายเคยใช้ก่อเหตุถึง 21 คดี ซึ่งเป็นคดีสำคัญแทบทั้งสิ้น
อีกทั้งยังพบอีกว่า คนร้ายใช้อาวุธปืนดังกล่าวร่วมกันก่อเหตุ ซึ่งคาดว่ากลุ่มคนร้ายกลุ่มนี้เป็นกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ จนกระทั่งล่าสุดมาทำการก่อเหตุยิงนายสมชาย
ทองจันทร์ และครอบครัว
ผลจากการตรวจพิสูจน์ปลอกกระสุนของศูนย์พิสูจน์หลักฐาน
10 (ศพฐ. 10)
และระบบ FIDS หรือระบบเชื่อมโยงฐานข้อมูลนิติวิทยาศาสตร์
(Forensic Integrated Database System)
บ่งชี้ชัดเจนถึงความเชื่อมโยงของคดี
เมื่อหลักฐานการพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์ที่มีความเที่ยงตรง
และมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับในกระบวนการและขั้นตอนออกมาเช่นนี้..ปักใจเชื่ออย่างเหลือเกินว่าเป็นการกระทำของของกลุ่มโจรใต้
การออกมาบิดเบือนเบี่ยงเบนประเด็นเพื่อปัดความรับผิดชอบก่อนหน้านี้ของกลุ่ม MARA PATANI หรือแม้กระทั่งการชี้นำของสื่อบางสำนักให้เห็นเป็นความขัดแย้งส่วนตัว
เป็นเรื่องการเมืองท้องถิ่น...แล้วจะให้ประชาชนในพื้นที่คิดเป็นอย่างอื่นได้อีกหรือ?
----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น