การเสียชีวิตของคนเราไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะทุกคนเกิดมาต่างต้องตาย แต่การเสียชีวิตที่ยังไม่ถึงเวลาตายนี่สิ!! ยิ่งเกิดจากการน้ำมือของคนไม่ดีต้องตกเป็นเหยื่อไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งหลายชีวิตต้องตายก่อนวัยอันควร ให้กับ“ชัยฏอน”มารร้ายป่าเถื่อนสุดโต่งที่แฝงตัวอยู่ในร่างมนุษย์
เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดจากน้ำมือของ BRN ได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้งหลังจากเงียบจนผิดสังเกตมาระยะหนึ่งจนหลายฝ่ายได้วิเคราะห์ต่อท่าทีดังกล่าวของ
BRN แต่แล้วความรุนแรงระลอกใหม่กลับเกิดขึ้นถี่ยิบตั้งแต่ห้วงปลายปี 2561 ลากยาวมาจนถึงกลางเดือนมกราคมของปีใหม่มีการก่อเหตุสำคัญๆ ด้วยการปองร้ายต่อชีวิตเจ้าหน้าที่รัฐ
ข้าราชการครู ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ทั้งชาวไทยพุทธมุสลิมต้องสังเวยชีวิตไม่เว้นแม่กระทั่งพระภิกษุสงฆ์
ช็อกความรู้สึกของประชาชนคนไทยทั้งประเทศโดยเฉพาะชาวไทยผู้นับถือศาสนาพุทธ
จากพฤติกรรมและการกระทำดังกล่าวของ
BRN ในการก่อเหตุรุนแรงเพื่อต้องการแสดงศักยภาพ
ความมีตัวตน หรือต้องการเงื่อนไขต่อรองกับรัฐบาลไทยอะไรก็แล้วแต่ในเวทีการพูดคุยสันติสุข
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทุกคนทุกฝ่ายต่างยอมรับไม่ได้กับการ “ฆาตกรรมสันติภาพ” เป็นการกระทำของอาชญากรมิใช่วีรชน
เป็นการเดินตามก้าวย่างของซาตาน มิใช่การสมาทานคำสอนของศาสนาแต่อย่างใด
หากย้อนรอยส่องความชั่วช้าสามานของ
BRN ยิ่งตอกย้ำชัดเจนว่าเป็นการกระทำของอาชญากร
มิใช่วิสัยของนักรบที่ระดับแกนนำได้กล่าวยกย่องเพื่อหลอกใช้ลูกสมุนแต่อย่างใด!! เช่นเหตุฆ่าแขวนคอนายอมตะ หรือ “ครูจ้อง” อดีตข้าราชการครูเกษียณชิงรถกระบะทำคาร์บอมบ์ เหตุยิง นายดุลลาเต๊ะ ยานยา กำนัน ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา พฤติกรรมในการยึดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกาหนั๊วะ ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เพื่อใช้เป็นฐานยิงโจมตีใส่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล
(ชคต.) กาลิซา เหตุระเบิดรถยนต์ในพื้นที่ ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา ส่อให้เห็นความป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรม
เป็นการกระทำที่ประสงค์ร้ายต่อชีวิตเด็กและผู้หญิง เหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ อส.
ในหลายพื้นที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียเสาหลักไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
แต่ที่ยอมรับไม่ได้กับเหตุล่าสุดเมื่อวันที่
18 มกราคมที่ผ่านมา ได้นำความเศร้าโศกเสียใจมาสู่พุทธศาสนิกชน
เมื่อคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามบุกยิงพระภิกษุสงฆ์ภายในพื้นที่บริเวณวัดรัตนานุภาพ ต.โต๊ะเด็ง
อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้พระภิกษุสงฆ์มรณภาพ 2 รูป และได้รับบาดเจ็บอีก
2 รูป สำหรับพระภิกษุสงฆ์ที่มรณภาพนั้นเป็นถึงเจ้าอาวาสและเป็นเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดีเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในพื้นที่
จากพฤติกรรมของคนร้ายสร้างความเศร้าสลดให้กับพุทธศาสนิกชน
และพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ รวมถึงพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ต่างยอมรับไม่ได้กับพฤติกรรมอันโหดร้ายทารุณเยี่ยงสัตว์ป่า
ที่กระทำได้แม้กระทั่งพระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรมและสืบทอดพระพุทธศาสนา สำนักจุฬาราชมนตรี
ได้ออกแถลงการณ์ประณามการทำร้ายพระสงฆ์ อิหม่าม และประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมและไร้มนุษยธรรม
บ่อนทำลายความสงบสุขและกระบวนสันติภาพในพื้นที่
ใช้ความรุนแรงอย่างไร้ขอบเขตไม่คำนึงถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ เด็ก สตรี ผู้สูงวัยและผู้นำศาสนาของทุกศาสนา
เป็นการละเมิดหลักธรรมคำสอนของศาสนาอย่างร้ายแรงถือเป็นบาปใหญ่ที่พระผู้เป็นเจ้าจะลงโทษผู้กระทำการเยี่ยงนี้ก่อนสิ่งอื่นใดในวันพิพากษา
ดังปรากฏมีรายงานจากหะดิษศอเฮี๊ยะฮ์ (หะดิษที่ได้รับการยอมรับแล้ว)
ของอิหม่ามบุคอรี“สิ่งแรกที่จะถูกสอบสวนในวันพิพากษาของมนุษย์
คือการทำร้ายเข่นฆ่าผู้อื่น”
----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น