การโพสต์ภาพและข้อความของเพจ:ประวัติศาสตร์และเรื่องราวที่เกิดขึ้นในดินแดนปาตานีและสื่อแนวร่วม
#ความไม่มาตรฐานในสาธรภาพทางการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทย
ที่มีแต่พื้นที่ภาคใต้เท่านั้น ที่ละเมิดสิทธิได้ทุกอย่าง ถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
ปี 62 เยาวชนที่ไปเกณฑ์ทหารจะถูกตรวจเก็บ DNA
การออกมาเคลื่อนไหวการตรวจ
DNA ของผู้ที่เข้ารับการตรวจเลือกทหารในพื้นที่
จชต. กล่าวหาว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชนนั้น ข้อเท็จจริงเป็นเช่นไร?
เป็นที่ทราบกันดีว่าพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เกิดเหตุความไม่สงบอยู่บ่อยครั้ง
การนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
แต่จะต้องยึดหลักความยุติธรรมเพื่อดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ซึ่งจะต้องตอบคำถามของสังคมได้อย่างไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัย
หลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์จึงมีความจำเป็นและสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการตรวจ DNA
ที่ผ่านมากลุ่มภาคประชาสังคมยื่นหนังสือให้หน่วยงานความมั่นคงชี้แจงข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นใน
2 ประเด็น กล่าวคือ การตรวจ DNA
โดยมิชอบ การใช้กฎหมายโดยไม่สุจริต และการโจมตีใส่ร้ายป้ายสี
กล่าวหาอย่างเสียหายในสื่อสังคมออนไลน์ และกลุ่มสหพันธ์นิสิตนักศึกษา เยาวชน
และประชาชนทั่วไป
ล้วนตั้งข้อสงสัยถึงการปฏิบัติของภาครัฐต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
คำถาม!! ทำไมเจ้าหน้าที่ต้องเก็บ DNA ของบุคคลต้องสงสัยหรือบุคคลทั่วไปนั้นกระทำได้หรือไม่ อย่างไร?
และมีความจำเป็นมากน้อยเพียงใด ในการตรวจ DNA ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นที่ถกเถียงของทั้งสองฝ่าย
ฝ่ายเจ้าหน้าที่บอกว่ากระทำได้
ฝ่ายที่ถูกกระทำออกมาเคลื่อนไหวกล่าวหาว่าเป็นการละเมิด
ที่ผ่านมา
ในทางปฏิบัติเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องปฏิบัติภายใต้กรอบของกฎหมาย
โดยจะต้องคำนึงถึงหลักสัดส่วนของกฎหมายมหาชน กล่าวคือ “ชั่งน้ำหนักการคุ้มครองสิทธิของประชาชน” กับ“อันตรายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน”
ให้อยู่ในระดับพอดี ซึ่งพื้นที่ จชต. เหตุการณ์ความไม่สงบได้เกิดขึ้นเป็นวงกว้าง
เจ้าหน้าที่รัฐจึงจำเป็นต้องใช้มาตรการในการป้องกันชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่เข้มข้นมากกว่าปกติ
อาจไปกระทบสิทธิของประชาชนบ้างแต่ก็ใช้อย่างระมัดระวัง เช่นการตรวจเก็บ DNA
บุคคลหรือการไม่ได้รับความสะดวกในการตรวจค้น
การใช้อำนาจในการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่มาจากไหน? ก็มาจากกฎหมายปกติ
คือประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความซึ่งบังคับใช้ทั่วประเทศอยู่แล้ว ในมาตรา 17
กล่าวคือ
พนักงานฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ปฏิบัติไปตามอำนาจหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชน
และเพื่อจะทราบรายละเอียดแห่งความผิดหลังเกิดเหตุ
ดังนั้นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อรักษาความสงบเรียบร้อยของประชาชนนั้น
เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถใช้อำนาจดังกล่าวได้ แต่อาจไปกระทบสิทธิของบุคคลบ้าง
ต้องสมเหตุสมผล ไม่ใช่การที่เจ้าหน้าที่รัฐลุแก่อำนาจ
ไปจับตัวใครก็ได้มาทำประวัติตรวจ DNA โดยไม่มีเหตุผล
เจ้าหน้าที่อาจมีการใช้กฎหมายมาตรา
131/1 ป.วิ.อาญา ซึ่งเป็นการใช้อำนาจของพนักงานสอบสวน
ที่จะต้องปฏิบัติเพื่อพิสูจน์ความผิดของผู้ต้องหา หากผู้ต้องหาไม่ยินยอมให้ตรวจ DNA ให้สันนิษฐาน
ว่าผลเป็นไปตามที่ตรวจพิสูจน์ คือเป็นผลร้ายต่อผู้ต้องหา ซึ่งจะเห็นได้ว่า มาตรา
17 เป็นเรื่องของการรักษาความสงบเรียบร้อย (ก่อนเกิดเหตุ) ส่วนมาตรา 131/1
เป็นเรื่องของการสอบสวน (หลังเกิดเหตุ)
การเก็บ DNA ไว้ในฐานข้อมูลเป็นสิ่งที่ดี
ที่ผ่านมาแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐเองก็มีการเก็บ DNA ไม่มีการยกเว้นทุกคนจะต้องตรวจ
ไม่ว่าจะเป็นอาสาสมัครทหารพราน อาสาสมัครรักษาดินแดน และหน่วยงานอื่นๆ อีกทั้งยังมีการจัดเก็บหลักฐานจากอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ทุกกระบอกไว้เป็นหลักฐาน
การที่ภาครัฐจัดเก็บข้อมูล “ดีเอ็นเอของเจ้าหน้าที่”
เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้นมา หรือบางเหตุการณ์ที่มีการกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
ก็สามารถตรวจสอบพิสูจน์ได้ทันทีว่าเป็นการกระทำของใคร?
เช่นเดียวกันกับการตรวจ DNA ของผู้ที่เข้ารับการตรวจเลือกทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งในปีนี้เป็นปีแรกที่มีการตรวจ มีแต่ผลดีมากกว่าผลเสีย เช่นหากเราตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีความ
ซึ่งตัวเราเองไม่ได้กระทำความผิด ฐานข้อมูล DNA ที่เจ้าหน้าที่จัดเก็บไว้สามารถตรวจสอบพิสูจน์ยืนยันความบริสุทธิ์ของเราได้ในทันที
สำหรับการตรวจเลือกทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ประเด็นการตรวจ DNA ของผู้ที่เข้ารับการตรวจเลือกเป็นไปตามความสมัครใจและยินยอม
อยากจะถามผู้ที่ออกมาเรียกร้องว่าเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนตรงไหน และเป็นการเรียกร้องเพื่อใคร
เรียกร้องเพื่ออะไร
หรือกลัวว่าจะมีกลุ่มที่สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนจะถูกตรวจพบ การตั้งข้อระแวงสงสัยกล่าวหาเจ้าหน้าที่ละเมิดสิทธิมนุษยชนในการตรวจ
DNA นั้นเป็นความบริสุทธิ์ใจหรือไม่!! และผู้ที่เคลื่อนไหวจุดประเด็นดังกล่าวเคยกระทำความผิดมาหรือเปล่า?
จึงร้อนรนไม่อยากให้มีการตรวจ หากบริสุทธิ์ใจจริง
ไม่เคยกระทำความผิดแล้วจะไปกลัวทำไม!!
ดังนั้นผู้ที่ถูกตรวจ DNA ไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน
และไม่คิดไม่มีแผนที่จะกระทำความผิดก็สบายใจได้ หากท่านเป็นคนดีไม่เคยทำความผิด ใครก็ไม่สามารถยัดเหยียดข้อหาให้ท่านได้
--------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น