“เมื่อเงามืดของผลประโยชน์บังตา บนอคติที่ฝังลึก ความสงบจะกลับคืนภาคใต้ได้อย่างไร”
ในท่ามกลางการต่อสู้ทั้งด้วยอาวุธและด้านมวลชนของขบวนการ ผกร. ในภาคใต้ของไทยและฝ่ายความมั่นคงที่สร้างความสูญเสียของทั้งสองฝ่ายมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา ถึงวันนี้มีประเด็นหนึ่งที่ฝ่ายขบวนการพยายามหาช่องทางที่จะดิสเครดิตเจ้าหน้าที่รัฐไทยให้เป็นฝ่ายตั้งรับได้อย่างเห็นผล โดยการยืมมือองค์กรภาคประชาสังคมบางองค์กรในพื้นที่ที่พร้อมขานรับ ด้วยมีผลประโยชน์ต่างตอบแทนจากการเสียชีวิตของคน ซึ่งในส่วนที่ยืนยันได้ว่าเป็นโจรจริงๆ ก็จะนิ่งเฉย แต่หากยังยืนยันไม่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับโจรหรือไม่ หรือเห็นช่องทางที่จะโจมตีการทำงานของรัฐไทยได้ องค์กรเหล่านี้จะไม่รีรอที่จะออกมาเสนอหน้าสร้างผลงานอยู่ร่ำไป
การปะทะในพื้นที่ อ.กรงปินัง จังหวัดยะลาในวันที่ 19 เม.ย.55 เกิดขึ้นโดยเจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งข่าวสารจากประชาชนว่า นายสกือรี จะปะกียา แกนนำกลุ่มติดอาวุธอาร์เคเคระดับสั่งการ ได้นัดหมายแนวร่วมจำนวน 14 – 15คนมาวางแผนก่อเหตุร้ายในหมู่บ้านตะโละสโตร์หมู่ 6 ต.สะเอะ อ.กรงปินัง จังหวัดยะลา จึงได้สนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้น ระหว่างที่กำลังกระจายกำลัง คนร้ายซึ่งอยู่ในบ้านได้ใช้อาวุธยิงออกมาจนเกิดการปะทะกันนานประ มาณ 15 นาที คนร้ายบางส่วนได้พยายามวิ่งหลบหนีขึ้นเขาด้านหลังจนเจ้าหน้าที่ต้องยิงกดดัน ภายหลังเสียงปืนสงบและเข้าตรวจพื้นที่พบศพ นายสกือรี จะปะกียา ในสภาพมีปืนลูกซองยาวอยู่ข้างกาย ข้างๆ มีชายไม่ทราบชื่อนอนเสียชีวิตกับอาวุธปืนเอ็ม 16 ห่างออกไปยังมีศพชายอีก 3 ศพ รวมผู้เสียชีวิต 5 ราย และยึดอาวุธปืนพกขนาด .38 ได้อีก 1 กระบอก รวมทั้งอุปกรณ์ดำรงชีพในป่าอีกจำนวนหนึ่ง ส่วนที่เหลืออีกประมาณ 9 คน หลบหนีไปได้แต่ทิ้งรอยเลือดไว้จำนวนมาก
สำหรับนายสกือรี จะปะกียา เป็นคนร้ายที่มีหมายจับตาม ป.วิอาญา ถึง 7 หมาย และเกี่ยวข้องกับการคดียิงรถตู้โดยสารสายเบตง-หาดใหญ่ ที่ อ.ยะหา จ.ยะลา มีผู้เสียชีวิต 8 ราย บาดเจ็บ 2 ราย , คดียิงชาวบ้านหาของป่าเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 4 ราย เหตุเกิดในพื้นที่ ต.สาเอะ อ.กรงปินัง และจากแฟ้มข้อมูลของเจ้าหน้าที่ระบุว่า เป็นหนึ่งในทีมลอบวางระเบิดรถยนต์ของ พล.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา อดีตผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา จนเสียชีวิตด้วย
ประวัติชั่วช้าแบบนี้นับว่า....สมควรตาย
ส่วนผู้เสียชีวิตอีก 4 คนคือ นายลุกมัน ดือราแม อายุ 20 ปี นายซัมรี ดือราแม อายุ 18 ปี นายอิสมาแอ แปเต๊าะ อายุ 18 ปี และนายตัซกีรี ยะยอ อายุ 23 ปี ซึ่งทุกคนล้วนวิ่งออกมาจากบ้านหลังดังกล่าวพร้อมอาวุธทั้งสิ้น
ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก็ได้ยืนยันว่าได้ปฏิบัติตามกฎการปะทะคือ ตอบโต้เมื่อถูกยิงเข้าใส่ก่อน มิได้เป็นฝ่ายระดมยิงเข้าไปก่อนแต่อย่างใด
เหตุการณ์ปะทะกันระหว่างเจ้าหน้าที่และโจรก่อการร้ายในภาคใต้ที่ อ.กรงปินัง จังหวัดยะลาในครั้งนี้ ซึ่งฝ่ายคนร้ายเสียชีวิต 5 คน เป็นเหตุการณ์ล่าสุดที่ความพยายามล้มสันติสุขในพื้นที่ขององค์กรนี้อุบัติขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยการสร้างกระแสด้วยการออกมาเคลื่อนไหวกล่าวหาเจ้าหน้าที่ว่ายิงชาวบ้านที่ออกไปดักนกกรงหัวจุกเสียชีวิต พร้อมกับใช้สื่อของตัวเองและเครือข่ายประโคมข่าวออกไปโดยไม่รอการตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งเป็นการกระทำในลักษณะที่ไม่รับผิดชอบอย่างน่ารังเกียจ
การใช้บทบาทขององค์กรเพื่อเรียกร้องสิทธิให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบเป็นภาระหน้าที่ที่ดีและน่ายกย่อง แม้ว่าจะทำเพื่อสิ่งตอบแทนในรูปแบบใดๆ ก็ตาม แต่ควรจะพิจารณาอย่างเป็นเหตุเป็นผลด้วย
ไม่ใช่หลับหูหลับตาเรียกร้องเพียงเพราะต้องการสร้างผลกระทบในด้านอื่นๆ
ก็ใครเล่าจะไปอยู่กับโจรหัวโจกที่ใครก็รู้ว่าเป็นตัวร้ายที่ปลุกระดมข่มขู่ชาวบ้านให้หลงเชื่อด้วยความหวาดกลัวโดยใช้ปืนเอ็ม – 16 หากไปดักนกทำไมต้องใช้อาวุธสงคราม ต้องใช้ลูกซองกับปืนพกด้วยหรือ
แล้วการที่เจ้าหน้าที่ถูกยิงใส่ก่อนแล้วเกิดการปะทะ ลองนึกถึงตัวเองว่าถ้าอยู่ในสภาวะแบบนั้นจะทำอย่างไร คนถือปืนวิ่งสวนออกมายิงใส่ จะให้รอให้ถูกยิงตายก่อนหรืออย่างไร
ขอแนะนำให้ไปเอาไอ้คนที่วิ่งหนีไปและทิ้งรอยเลือดไว้มาร้องเรียนน่าจะมีน้ำหนักดีกว่า ถ้ามาดักนกจริงๆ ดูซิว่าจะกล้ามาแสดงตัวมั้ย หรือว่าป่านนี้ข้ามแม่น้ำโก-ลก ไปฝั่งโน่นแล้วกระมัง
ทำไมเวลาเจ้าหน้าที่และประชาชนผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตทุกวันๆ องค์กรเหล่านี้ไม่เคยออกมาเรียกร้องให้โจรยุติความรุนแรง แต่พอโจรถูกยิงตายปืนยังคาอยู่ในมือกลับบอกว่าทำเกินกว่าเหตุ นี่มันบ่งบอกถึงอะไรบางอย่างหรือไม่
และนี่ไม่ใช่ครั้งแรกขององค์กรอุบาทว์นี้
การค้นหาความจริงให้ปรากฏ โดยใช้กระบวนการสืบสวนสอบสวนโดยครบถ้วนรอบคอบ และมีประสิทธิภาพ เพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ทุกฝ่าย ที่จะนำมาซึ่งความเชื่อมั่นต่อกระบวนการยุติธรรม และเชื่อมั่นในการอำนวยความยุติธรรมอย่างแท้จริงของทางราชการเป็นเหตุผลสวยหรูที่องค์กรนี้นำมาอ้างในการยืนหนังสือร้องเรียน โดยเอาพ่อแม่ของคนร้ายที่เสียชีวิตมาเข้าพบเลขา ศอ.บต. ด้วย
เรื่องนี้คงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ ศอ.บต.ไป
แต่ที่น่าสลดใจคือพวกองค์กรไม่หวังผลกำไรที่มุ่งหวังเอาแต่กำไรจากชีวิตคนนี่ซิ ทำอย่างไรให้มันหมดไปจากภาคใต้ของเราได้นะ รอให้แผ่นดินสูบก็กลัวจะช้าไป....จริงๆ
ซอเก๊าะ นิรนาม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น