7/24/2559

‘โรงเรียนอิสลามบูรพา’..กับความเชื่อมโยงกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็น

ลมใต้ สายบุรี

เมื่อกล่าวถึงโรงเรียนปอเนาะรวมไปถึงโรงเรียนสอนศาสนาเอกชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ คนในพื้นที่ต่างรู้จักกันเป็นอย่างดีเนื่องจากส่งบุตรหลานเข้ารับการศึกษาจากสถาบันเหล่านั้นซึ่งมีอยู่มากมายหลายพันโรง แต่สำหรับคนทั่วไปแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่รัฐกลับมองว่าโรงเรียนปอเนาะหรือโรงเรียนสอนศาสนาเอกชนเป็นแหล่งบ่มเพาะ ซ่องสุมกำลัง ซุกซ่อนอาวุธของกลุ่มขบวนการที่สู้รบปรบมืออยู่กับรัฐ

อะไร? คือสาเหตุที่คนทั่วไปและเจ้าหน้าที่รัฐ มองโรงเรียน
ปอเนาะหรือโรงเรียนสอนศาสนาเอกชนเหล่านั้นในแง่ลบ ซึ่งจะต้องมีเหตุและผลถึงความเป็นมาจะต้องมีน้ำหนักมากพอที่จะทำให้มีความเชื่อแบบนั้น

เนื่องจากการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนปอเนาะเหมือนกับโรงเรียนประจำ กินอยู่หลับนอนอยู่ภายในโรงเรียน การควบคุมดูแลของสถาบันการศึกษาเป็นเรื่องที่ยากยิ่ง อีกทั้งที่ผ่านมาการเข้าไปตรวจสอบดูแลกระทำได้ยากเพราะมีบุคคลบางกลุ่มพยายามกล่าวอ้างว่าโรงเรียนปอเนาะเป็นสถานที่สอนศาสนา การเข้าไปทำการตรวจสอบเป็นการคุกคามและไม่ให้เกียรติสถานที่ เมื่อเจ้าหน้าที่ไม่สามารถเข้าไปสอดส่อง กลุ่มขบวนการได้ฉวยโอกาสใช้โรงเรียนปอเนาะบางแห่งใช้เป็นแหล่งบ่มเพาะ ซ่องสุมกำลังทำการก่อเหตุในพื้นที่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งที่ผ่านมาโรงเรียนปอเนาะที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการและได้มีการสั่งปิดกิจการและเพิกถอนใบอนุญาต ที่รู้จักกันดีคือโรงเรียนญีฮาดวิทยา (ปอเนาะญีฮาด) และโรงเรียนอิสลามบูรพาปอเนาะสะปอม
 “ปอเนาะญีฮาดถูกศาลแพ่งพิพากษายึดที่ดินเนื้อที่ 14 ไร่ 1 งาน 42 ตารางวา ซึ่งเป็นที่ตั้งโรงเรียนให้ตกเป็นของแผ่นดินเมื่อที่ 15 ธันวาคม 2558 ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่สนับสนุนเกี่ยวกับการกระทำการก่อการร้าย

ส่วนโรงเรียนอิสลามบูรพาปอเนาะสะปอมมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการ เนื่องจากมีการใช้บริเวณโรงเรียนเป็นสถานที่ฝึกอาวุธและเป็นแหล่งหลบซ่อนของผู้ก่อเหตุร้ายหลังปฏิบัติการ จึงมีเหตุอันควรเพิกถอนใบอนุญาต มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2550 แต่คณะผู้บริหารโรงเรียนอิสลามบูรพา และผู้บริหารมูลนิธิอัดดีรอซาตอัลอิสลามียะห์ชุดใหม่ ยังมีความพยายามที่จะจัดตั้งโรงเรียนขึ้นมาใหม่ โดยใช้ชื่อโรงเรียนว่าโรงเรียนมิฟตาฮุลอูลูมอนุสรณ์


ย้อนรอยโรงเรียนอิสลามบูรพา

 “โรงเรียนอิสลามบูรพาหรือที่ชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า ปอเนาะกาปงบารู, ปอเนาะสะปอม หรือ ปอเนาะบูเกะตันหยงตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านใหม่  หมู่ 5 ต.กะลุวอเหนือ อ.เมือง จ.นราธิวาส ถูกสั่งปิดเมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2550 ภายหลังฝ่ายความมั่นคงได้เข้าตรวจค้นภายในโรงเรียนเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคมปีเดียวกัน และสามารถจับกุมผู้ต้องหา ผู้ต้องสงสัยรวมทั้งสิ้น 7 คน พร้อมด้วยของกลางวัตถุระเบิดแสวงเครื่อง และอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมากจากบ้านร้างซึ่งตั้งอยู่ในเขตโรงเรียน หนึ่งในผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมได้คือ นายมะนาเซ ยา แกนนำกลุ่มก่อความไม่สงบที่มีความเชี่ยวชาญด้านการต่อวงจรระเบิด และยังเป็นครูฝึกให้กับแนวร่วมรุ่นใหม่

 “โรงเรียนอิสลามบูรพากับความเชื่อมโยงกลุ่มขบวนการ

จากข้อมูลเชิงลึกโรงเรียนอิสลามบูรพามีความสัมพันธ์แนบแน่นกับเครือข่ายกลุ่มขบวนการ B.R.N.Coordinate เป็นส่วนหนึ่งในโครงสร้างโรงเรียนโฆษณาชวนเชื่อของขบวนการ B.R.N. โดย เมื่อเดือนธันวาคม 2533 แกนนำกลุ่ม B.R.N.Coordinate ในพื้นที่ จชต.จำนวน 12 คน ได้เข้าร่วมประชุมกับกลุ่ม BKPP ที่โรงเรียนอิสลามบูรพาเนื่องจากได้รับการร้องขอ ให้ นายฮาซัน ตอยิบ แกนนำ B.R.N.Coordinate        ที่หลบหนีอาศัยอยู่ในประเทศมาเลเซีย ให้เข้าร่วมกับกลุ่ม BKPP ซึ่งผลการประชุมปรากฏว่ามีมติไม่เข้าร่วม

เหตุระเบิดนำไปสู่การเข้าตรวจสอบโรงเรียนอิสลามบูรพา

เมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2550 เวลาประมาณ 00.30 น. ได้เกิดเหตุระเบิดบริเวณสวนยางพาราของ   นายสุข คงจันทร์ ริมถนนสาย บ้านสะปอม บ้านจาเราะสะโตร์ หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธิน กองทัพเรือ เจ้าหน้าที่ได้สนธิกำลังร่วมกับตำรวจ, ฝ่ายปกครอง เข้าตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุพบรอยเลือดที่คาดว่ากลุ่มคนร้ายได้รับบาดเจ็บ จากการลอบวางระเบิด โดยระเบิดของกลุ่มคนร้ายเอง และพบว่าต้นยางพารา ของ    นายสุข คงจันทร์ ถูกตัดโค่นได้รับความเสียหาย ประมาณ 300-400 ต้น โดยคนร้ายได้ลอบวางระเบิดไว้ที่บริเวณทางเข้าแต่ได้เกิดเหตุระเบิดขึ้นก่อน

จากเหตุการณ์ดังกล่าว เจ้าหน้าที่ได้ติดตามตรวจสอบขยายผลพิสูจน์ทราบ บริเวณพื้นที่โรงเรียนอิสลามบูรพา และจับกุมผู้ต้องหาคดีก่อเหตุความไม่สงบพร้อมอาวุธ ยุทโธปกรณ์ และอุปกรณ์ประกอบระเบิดจำนวนมาก

หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนายอุเซ็ง ปุโรง เจ้าของ/ผู้จัดการโรงเรียนอิสลามบูรพา ไปให้ข้อมูลโดย นายอุเซ็งฯ ยอมรับว่า ตนเองมีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาฝ่ายอูลามา(ผู้รู้ทางศาสนา)ในสภาองค์การนำ (DPP) ของ BRN และเป็นที่ปรึกษาฝ่ายอูลามา ของคณะกรรมการเขต (กัส) จ.นราธิวาส ตามโครงสร้างของ DPP

ผลการตรวจค้นโรงเรียนอิสลามบูรพานำไปสู่การเพิกถอนใบอนุญาต

หลังจากเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการตรวจค้นโรงเรียนอิสลามบูรพานายอุเซ็ง ปุโรง เจ้าของ/ผู้จัดการโรงเรียนอิสลามบูรพา ยอมรับมีส่วนเกี่ยวข้องกับกลุ่มขบวนการ ในเวลาต่อมาได้มีการประชุมด่วนผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่าย ซึ่งที่ประชุมมีมติลงความเห็นว่าทางโรงเรียนอิสลามบูรพาเป็นแหล่งที่มีการประชุมวางแผนการก่อการร้าย การปลูกฝังอุดมการณ์ที่เป็นภัยต่อประเทศชาติ หรือมีการใช้บริเวณโรงเรียนเป็นสถานที่ฝึกอาวุธและเป็นแหล่งหลบซ่อนของผู้ก่อเหตุร้ายหลังปฏิบัติการ จึงมีเหตุอันควรเพิกถอนใบอนุญาต มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 กรกฎาคม 2550

ทั้งนี้ คณะผู้บริหารโรงเรียนอิสลามบูรพา และผู้บริหารมูลนิธิอัดดีรอซาตอัลอิสลามียะห์ ชุดใหม่ ยังมีความพยายามที่จะจัดตั้งโรงเรียนขึ้นมาใหม่ โดยใช้ชื่อโรงเรียนว่าโรงเรียนมิฟตาฮุลอูลูมอนุสรณ์และได้ยื่นหนังสือถึงสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาจังหวัดนราธิวาส เขต 1 แต่ถูกผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส สั่งระงับ และให้ปิดการเรียนการสอนไว้ก่อน เพื่อขอเวลาพิจารณาในเรื่องคดีความมั่นคง  โดยพยายามชี้แจงให้เห็นว่าโรงเรียนอิสลามบูรพายังมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มก่อความไม่สงบ และมีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้าย ในพื้นที่อยู่ในปัจจุบัน ซึ่งจากผลการปิดล้อมตรวจค้น และการตรวจสอบของชุดนิติวิทยาศาสตร์ ของ พญ.คุณหญิงพรทิพย์  โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม ด้วยเครื่องมือพิเศษ เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2551 และ วันที่ 5 พฤษภาคม 2551 เนื่องจากได้รับเบาะแสจากประชาชนว่ามีกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบเข้าไปซุกซ่อนในโรงเรียน และมีการใช้สถานที่ป่ายางด้านหลังเป็นที่ฝึกซ้อมในการผลิตระเบิด ผลการตรวจสอบ พบสารปนเปื้อนในการประกอบวัตถุระเบิดในระดับเกี่ยวข้องและสัมผัส จากสิ่งของในห้องพักภายในโรงเรียนอิสลามบูรพา ซึ่งสารปนเปื้อนที่ตรวจพบครั้งนี้ เป็นสารใหม่ที่เพิ่งตรวจพบจากโรงเรียนอิสลามบูรพา จึงเชื่อว่าโรงเรียนแห่งนี้ยังมีผู้ก่อความไม่สงบเข้ามาเคลื่อนไหวอยู่

ความพยายามในการเปิดโรงเรียนมิฟตาฮุลอูลูมอนุสรณ์หลังถูกสั่งปิดไป 4 ปี

เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม 2554 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาสเขต 1 ได้มีหนังสืออนุญาตให้เปิดการเรียนการสอนโรงเรียนมิฟตาฮุลอูลูมอนุสรณ์หรือโรงเรียนอิสลามบูรพาโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 18 แห่งพระราชบัญญัติโรงเรียนเอกชน พ.ศ.2550

เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2555 โรงเรียนอิสลามบูรพาได้จัดงานพบปะผู้นำชุมชน ผู้นำศาสนา และศิษย์เก่าโรงเรียนอิสลามบูรพา ก่อนจะถูกคำสั่งปิดไปตั้งแต่เมื่อปี 2550 โดยมี พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารราชการจังหวัดชายแดนใต้ในขณะนั้นเดินทางมาเป็นประธานมอบใบอนุญาตจัดตั้งโรงเรียนอิสลามบูรพาด้วยตนเอง

ศาลจังหวัดนราธิวาสตัดสินประหารชีวิตอุสตาสโรงเรียนอิสลามบูรพา พร้อมพวก 5 คน

เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 ศาลจังหวัดนราธิวาส พิพากษาตัดสินประหารชีวิตอุสตาสโรงเรียนอิสลามบูรพา พร้อมพวก 5 คน ในข้อหาคดีความมั่นคง เนื่องจากเป็นการกระทำความผิดที่อุกอาจ ร้ายแรง เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศชาติ และส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงเห็นสมควรลงโทษสถานหนักด้วยการประหารชีวิต นายมะนาเซ ยา, นายแวอัสมิง แวมะ, นายโมหะหมัดซอฮีมี ยา,     นายมะฟารีส บือราเฮง, นายฮารงหรืออารง บาเกาะ ส่วนนายรุสลี ดอเลาะ ศาลสั่งให้จำคุก มีกำหนด 27 ปี และนายมามะคอรี สือแม ได้ทำการหลบหนีในระหว่างการปล่อยชั่วคราว (ประกันตัว)

 “โรงเรียนอิสลามบูรพายังไม่พ้นพงหนามเสียทีเดียว เพราะวันที่ 21 กรกฎาคม 2559 ที่จะถึงนี้   ศาลแพ่งจะมีการพิจารณาในส่วนของคดีความ ซึ่งก่อนหน้านั้นเมื่อ 28 สิงหาคม 2555 พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สั่งอายัดทรัพย์ตามมติคณะกรรมการธุรกรรม ที่ให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน จำนวน 3 รายการ มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท ในความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการก่อการร้าย โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่เป็นที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้าง จะมีผลคำสั่งเป็นเช่นไร? น่าติดตามอย่างยิ่ง..

———————–
ที่มา:http://www.southernreports.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น