12/20/2557

จุดจบของนักรบฟาตอนี..ใกล้อวสาน

อิมรอน


มีหลายคนตั้งคำถามว่าเมื่อไหร่สถานการณ์ภาคใต้จะสงบซักที...?และมีจำนวนไม่น้อยที่มีความเบื่อหน่ายไม่อยากรับรู้ข่าวสารที่เกิดขึ้นจากการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์จากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลให้คนนอกพื้นที่ไม่กล้าที่จะเดินทางลงมายัง 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หากไม่มีเหตุอันควรและสำคัญจริงๆ

รัฐบาลใหม่ที่เข้ามารับผิดชอบแก้ปัญหาไฟใต้ได้ให้ความสำคัญในการพูดคุยสันติสุข เดินหน้าสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นในพื้นที่ ควบคู่กับการปฏิบัติการของกองกำลังทหาร ตำรวจ ได้เพิ่มความเข้มข้นในการติดตามจับกุมบุคคลเป้าหมาย ผู้มีหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, หมาย ป.วิ.อาญา ตามล่าตัวเหล่านักรบฟาตอนี มาลงโทษเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม

ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่เกิดเหตุการณ์หน่วยงานภาครัฐมีความจริงใจในการแก้ไขปัญหา ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชน วันคืนหมุนเวียนเปลี่ยนไปกำลังพลตำรวจ ทหาร ต่างสับเปลี่ยนกำลังลงมาปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องประเทศจากการก่อเหตุความไม่สงบของผู้ที่คิดต่างจากรัฐ เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจ ต้องบาดเจ็บล้มตายในพื้นที่จากการลอบทำร้ายของกลุ่มขบวนการ ในปัจจุบันนี้จะเห็นได้ว่าหน่วยงานภาครัฐได้เดินมาถูกทางแล้ว อีกทั้งหน่วยงานรัฐได้น้อมนำแนวทางพระราชทานเข้าใจ เข้าถึง พัฒนาของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาปรับใช้ในการแก้ปัญหา จนประสบผลสำเร็จตามลำดับ

หากเราย้อนกลับไปดูสถิติการเกิดเหตุ ตั้งแต่ต้นปี 47 เป็นต้นมาพบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนับว่ามีความถี่พอสมควร จวบจนกระทั่งปัจจุบันนี้เหตุการณ์ได้เบาบางลง ด้วยเหตุปัจจัยสนับสนุนมาจากหลายประการด้วยกัน แต่ที่สำคัญคือเหล่านักรบฟาตอนี ได้ดำเนินการในการใช้กำลังผิดพลาดโดยสั่งการให้มีการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ เป้าหมายที่อ่อนแอจนประชาชนปาตานีและสมาชิกแนวร่วมบางคนยอมรับไม่ได้กับการกระทำดังกล่าว ส่งผลให้สูญเสียมวลชนและสมาชิกที่เคยสนับสนุนไปเป็นจำนวนมาก

หลังสูญเสียมวลชนสนับสนุนในพื้นที่ แกนนำกลุ่มขบวนการดิ้นรนเฮือกสุดท้าย ด้วยการสั่งนักรบฟาตอนีทำการกดดันเจ้าหน้าที่รัฐ มีการวางแผนเพื่อทำการแย่งชิงมวลชนคืนให้อยู่ฝ่ายยูแวให้มากที่สุด สั่งการให้สมาชิกในพื้นที่สร้างสถานการณ์โดยการก่อเหตุแล้วโยนผิดให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งยังตบตาประชาชนมลายูปาตานีและคนทั่วไปให้ให้เกิดความเข้าใจผิดว่า ขณะนี้กลุ่มขบวนการยังไม่พ่ายแพ้ ยังคงมีกองกำลังและอำนาจเหนือรัฐ แต่ในความเป็นจริงแล้วขบวนการโจรใต้เหลือเพียงไม่กี่คน มีการหลอกล่อเจ้าหน้าที่รัฐด้วยการใช้แผนในการก่อเหตุพื้นที่ที่ไม่เคยเกิดเหตุการณ์ ใช้กลอุบายให้ประชาชนชาวมลายูปาตานีเข้าใจว่าพวกเขายังมีจำนวนมาก เนื่องจากมีการขยายพื้นที่ในการก่อเหตุ ซึ่งแท้จริงแล้วไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด

จากการเปิดเผยของสมาชิกแนวร่วมกลับใจ ได้ให้ข้อเท็จจริงว่า ขณะนี้แนวร่วมขบวนการที่เคลื่อนไหวในพื้นที่มีเพียงไม่กี่คนอีกทั้งยังมีผู้ที่หวังดีไม่ต้องการความรุนแรงแจ้งความเคลื่อนไหวของสมาชิกแนวร่วมให้เจ้าหน้าที่ทำการติดตามจับกุมอยู่เนืองๆ ส่งผลให้ในขณะนี้เจ้าหน้าที่รัฐสามารถควบคุมตัวสมาชิก ผกร.ได้เป็นจำนวนมากนำมาเข้าสู่กระบวนการสอบปากคำทำการขยายผลจนรู้ที่หลบซ่อนตัว อาวุธ และยุทโธปกรณ์

เมื่อฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐรู้เขารู้เรา พร้อมทั้งได้ติดตามความเคลื่อนไหวของกลุ่มขบวนการอย่างต่อเนื่อง แบบกัดไม่ปล่อย จำกัดเสรีในการก่อเหตุ ส่งผลดีต่อสถานการณ์ในภาพรวมแนวโน้มยังดีวันดีคืน ขอเพียงแต่ประชาชนอย่าสิ้นหวังและอย่าคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัวขอให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่รัฐด้วยการแจ้งเบาะแส ข่าวสาร สิ่งไม่ชอบมาพากลในชุมชน ในหมู่บ้าน ระวังคนแปลกหน้าเข้ามาก่อเหตุ และเมื่อทุกภาคส่วนหันมาร่วมมือในการแก้ปัญหาอย่างจริงจังเมื่อนั้นความสันติสุขจะบังเกิดกับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างแท้จริง

ขอให้ประชาชนชาวมลายูปาตานีทุกคนรับรู้ด้วยว่า..ต่อไปอย่าไปหวังอะไรมากมายกับกลุ่มขบวนการ ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นแค่การเพ้อฝัน ไม่ใช่ความจริงแต่อย่างใด เป็นการโฆษณาชวนเชื่อ เป็นการบิดเบือนความจริง ที่ผ่านมากลุ่มขบวนการได้กระทำผิดต่อหลักศาสนาอิสลามอย่างร้ายแรง กับการเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์ไปเป็นจำนวนมาก

แน่นอนในความเป็นจริงการกระทำแบบนี้ทุกศาสนาได้บัญญัติไว้ว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรกระทำไม่ใช่การต่อสู้เพื่อศาสนา...ดั่งเช่นที่มีการปลูกฝังในกลุ่มเยาวชนแต่ประการใด เพราะการต่อสู้ตามแนวทางศาสนาอิสลามไม่ได้ส่งเสริมให้มีการฆ่าผู้บริสุทธิ์ ฉะนั้นขอให้ประชาชนทุกคนสบายใจได้ว่า...ในเมื่อทุกคนรู้ความจริงแล้วว่ากลุ่มขบวนการไม่มีความจริงใจ มีการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนา จุดจบของเหล่านักรบฟาตอนีใกล้จะมาถึงในไม่ช้า และความสันติสุขที่ทุกคนเรียกหาจะกลับมาอีกในไม่กี่วันข้างหน้าอย่างแน่นอน(อามีน)...........

---------------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น