‘ลมใต้ สายบุรี’
เคยมีคนคอยย้ำเตือนและพูดให้ฟังอยู่เสมอว่าโดยนิสัยส่วนตัวของผู้ที่ทำงาน
“สื่อ”
(ที่เอนเอียง) สนับสนุนกลุ่มขบวน กลุ่มคนเหล่านี้จะมี “นิสัยกลับกลอก” คบไม่ได้มีฐิติคอยตั้งแง่หาจังหวะและโอกาสจากความผิดพลาดในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐมาเปิดบาดแผลให้กว้าง
หรือบางครั้งนำเสนอข่าวในเชิงบิดเบือนความจริงแบบสุดชายขอบคอยสุมฝืนเข้ากองไฟให้ลุกโชนด้วยเหตุผลกลใดเจ้าตัวย่อมจะรู้ดีว่าจุดประสงค์เพื่ออะไร?
การอุปโหลกตัวเองว่าเป็นสื่อแต่กลับทำหน้าที่สื่ออย่างไม่สร้างสรรค์ มุ่งแต่นำเสนอข่าวในแง่ลบโดยเฉพาะอย่างยิ่ง
สำนักสื่อวาร์ตานี ยิ่งโฟกัสไปที่ตัว นายทวีศักดิ์ ปิ ซึ่งเป็นบรรณาธิการสำนักสื่อด้วยแล้วเงาทมึนของกลุ่มขบวนการยิ่งฉายแววอย่างเด่นชัด
นายทวีศักดิ์ ปิ เคยผิดพลาดอย่างแรงในการเคลื่อนไหวต่อประเด็นกลุ่มคนร้ายบุกโรงพยาบาลเจาะไอร้องแล้วทำการกราดยิงฐานทหารพราน
โดยชี้นำความคิดด้วยการกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐเพื่อเรียกงบ
อีกทั้งตั้งข้อสังเกตถึงประเด็นการใช้อาวุธและกระสุนไม่น่าจะใช้ฝีมือกลุ่ม ผกร.
แต่เมื่อหลักฐานปรากฏในเวลาต่อมาจากการตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ
ชี้ชัดว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นการกระทำของกลุ่มขบวนการโจรใต้ที่ได้มีการวางแผนเป็นขั้นเป็นตอน
เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมายในการติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดได้จำนวนหลายราย
อีกทั้งทำการขยายผลตรวจยึดอาวุธและกระสุนได้เป็นจำนวนมาก
เมื่อจนตรอกด้วยหลักฐานท่าทีของ นายทวีศักดิ์ ปิ
แปรเปลี่ยนไปรีบทำการโพสต์ในเฟสบุ๊คส่วนตัวกล่าวยอมรับความผิดพลาด
ซึ่งจากพฤติกรรมดังกล่าวของนายทวีศักดิ์ฯ ถามว่าผิดมั๊ย!! หากจะดำเนินการเอาผิดตามกฎหมายแต่ข้อมูลเชิงลึกไม่ทราบเกิดอะไรขึ้นระหว่างหน่วยงานความมั่นคงกับตัวนายทวีศักดิ์ฯ
หรือจะให้โอกาสในการกลับเนื้อกลับตนเป็นคนดี
ท่าทีความเคลื่อนไหวหยุดความร้อนแรงลงในชั่วขณะ
ความเงียบ ความระวังตัวของนายทวีศักดิ์ฯ
ในการก้าวย่างไม่ให้ผิดพลาดซ้ำรอยเดิม
นำไปสู่การจับตาเฝ้ามองตรวจสอบจากเจ้าหน้าที่รัฐเงียบได้ไม่นาน
ธาตุแท้ที่ฝังอยู่ในสายเลือดพุ่งพล่านสุดท้ายตัวตนความเป็นแนวร่วม ผกร.
ไม่สามารถปืดบังซ่อนเร้นอำพรางท่าทีของตัวเองได้อีกต่อไป
ในหน้าเฟสบุ๊คส่วนตัวเต็มไปด้วยข้อมูลที่บิดเบือนข้อเท็จจริงกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐเต็มพรืดไปหมด
การไปปรากฏตัวยังเวทีเสวนาต่างๆ ด้วยการโจมตีหน่วยงานรัฐมีหรือจะขาดคนที่ชื่อทวีศักดิ์
ปิ
ล่าสุดกับประเด็นฉาวชายแดนใต้
เป็นประเด็นที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ในสื่อสังคมออนไลน์ต่อกรณี นายทวีศักดิ์ ปิ บก.สำนักสื่อวาร์ตานี,
นายฮาซัน ดีมายาบุ ประธานกลุ่มบุหงารายา พร้อมพวกที่สวมเสื้อที่มีการวิพากษ์ว่าเป็นเสื้อแบ่งแยกดินแดน
โดยผนวกรวม จ.สตูล และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาเข้าไปด้วย แต่ในเวลาต่อมานายฮาซัน ดีมายาบุ
ได้ออกมาระบุเป็นแค่การโปรโมทเสื้อตาดีกาห้าจังหวัดชายแดนใต้
นั่นคือความพลิ้วเล่นลิ้นของคนกลุ่มนี้
เมื่อรัฐเอาจริงเอาจังในการบังคับใช้กฎหมายเพื่อเอาผิดดำเนินคดีก็เลยกลับกลอกแก้ตัวน้ำขุ่นๆ
พฤติกรรมและท่าทีที่ผ่านมาย่อมส่งผลในปัจจุบันและอนาคต
อดีตคือกระจกสะท้อนตัวตนของคนแต่ละตน โดยเฉพาะ
นายทวีศักดิ์ ปิ แนวร่วมขบวนกร BRN จึงไม่แปลกที่การเคลื่อนไหวในทุกอริยบถ
ที่คอยสนับสนุนและคอยออกตัวให้กับกลุ่มขบวนการมาโดยตลอด
ตระกูล“ปิ”ที่ตกเป็นข่าวดังคือ
นายปัญญา ปิ ซึ่งเป็นสมาชิก ผกร.
เป็นมือประกอบระเบิดของกลุ่มก่อความไม่สงบ อยู่ในเครือข่ายของนายอับดุลเลาะ ปุลา
มีหมาย ป.วิอาญา และนายอิสมาแอ ปุลา โดยเมื่อปี 2552 กรณีเหตุการณ์ กลุ่ม
ผกร.ทำการลอบวางระเบิดบริเวณหน้าโรงเรียนนิบงชนูปถัมภ์
เขตเทศบาลนครยะลา แต่เกิดข้อผิดพลาด เป็นเหตุให้ผู้ร่วมก่อเหตุเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุคือ
นายซาลาฮูดิน ปุลา ซึ่งเป็นน้องชายของ นายอับดุลเลาะ ปุลา จากการตรวจสอบโทรศัพท์ของนายซาลาฮูดิน
ปุลา พบว่ามีความเชื่อมโยงกับ นายปัญญา ปิ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เข้าทำการควบคุมตัว นายปัญญา ปิ
และให้การยอมรับสารภาพว่าได้ร่วมกันประกอบระเบิดดังกล่าวกับนายอับดุลเลาะ ปุลา และนายอิสมาแอ
ปุลา
คอยติดตามดูความเคลื่อนไหวของบุคคล กลุ่มบุคคล และองค์กร
ที่มีความสัมพันธ์เป็นเครือข่าย การจัดกิจกรรมในพื้นที่ทุกกรณีย่อมมีนัยแอบแฝงซ่อนเร้น
ไม่เว้นแม้กระทั่งการจัดทำเสื้อที่กล่าวอ้างโปรโมทตาดีกาลึกๆ ย่อมมีมากกว่าที่เห็น
การทำไวนิลของกลุ่มนักศึกษา PerMAS ที่มีการโฆษณาแฝง “กำหนดใจตนเอง” เข้าไปจนกลายเป็นประเด็นให้เจ้าหน้าที่ต้องตามเก็บ
----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น