‘แบดิง โกตาบารู’
พ.ร.บ.ปลุกระดม
และกฎหมายการสื่อสารและมัลติมีเดียในมาเลเซีย ผู้กระทำความผิดมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 ริงกิต หรือประมาณ 45,000 บาท หรือจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับสำหรับผู้กระทำความผิดครั้งแรก และไม่เกิน 5 ปี สำหรับผู้กระทำความผิดซ้ำ
ย้อนมองความอิสรเสรีในการปลุกระดมในประเทศไทยเรา
ถึงขนาดมีการคิดแบ่งแยกดินแดนออกจากผืนแผ่นดินไทยของคนบางกลุ่ม
ทุกวันนี้กลุ่มองค์กรนี้ยังเสนอหน้าอยู่ในพื้นที่ หลงผิดคิดว่าตนเองเป็นมลายู
กล่าวหาสยามรุกรานไม่สำนึกในแผ่นดินเกิด
น่าจะย้ายถิ่นไปพำนักในมาเลย์ดูว่าจะมีความสุขมั๊ย!!
เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2559 ที่ผ่านมา นักสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้
อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย รวมตัวกันที่หน้าสถาน
เอกอัครราชทูตมาเลเซีย
ประจำประเทศไทย
เพื่อยื่นหนังสือเรียกร้องให้รัฐบาลมาเลเซียยกเลิกพระราชบัญญัติปลุกระดม
(พ.ร.บ.ปลุกระดม) ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างจากรัฐบาล
ประเทศมาเลเซีย
เป็นประเทศที่ปกครองโดยคนมลายู ความเข้มงวดของกฎหมายมีความเข้มข้น
โดยเฉพาะผู้ที่กระทำความผิดมีบทลงโทษที่รุนแรง สามารถบังคับใช้กฎหมายกับบุคคล
กลุ่มหรือองค์กรที่ต่อต้านรัฐได้ผลอย่างดีเยี่ยม
แต่น่าแปลกใจการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทย
ขนาดรัฐบาลประกาศกฎอัยการศึกทั้งประเทศ
หรือแม้กระทั่งการใช้กฎหมายพิเศษการแก้ปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ไม่ได้มีการเข้มงวดกวดขัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตประจำวันของคนส่วนใหญ่
แต่กลับมีกลุ่ม
องค์กรและบุคคลที่พยายามเคลื่อนไหวให้ยกเลิกการประกาศใช้กฎหมายพิเศษ
อ้างไปลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน
ท่าทีกลุ่มและองค์กรเหล่านี้อ้างประชาชน
ข้อเท็จจริงออกมาเคลื่อนไหวเพื่อปกป้องกลุ่มขบวนการ ปกป้องผู้กระทำความผิด
การประกาศใช้กฎหมายพิเศษไม่ได้กระทบต่อประชาชนส่วนใหญ่แต่อย่างใด แต่มีผลต่อกลุ่มขบวนการที่เคลื่อนไหวในพื้นที่
ไม่มีอิสระในการก่อเหตุ
คำว่า“เชื้อชาติ ไม่ได้เป็นตัวแบ่งแยกคนในชาติ “รัฐ”จะต้องมีหน้าที่ดูแลความมั่นคงแห่งชาตินั้นๆ เพื่อความสงบสุขของคนในชาติ
สำหรับพระราชบัญญัติปลุกระดม
(พ.ร.บ.ปลุกระดม) ของประเทศมาเลเซีย “จับกุมคนที่เห็นต่าง
ไม่ว่าจะเป็นนักเขียนการ์ตูน นักกฎหมาย ทนายความ ฝั่งตรงข้ามรัฐบาล
แม้กระทั่งทนายความที่มาช่วยผู้ถูกจับกุม ก็โดนจับด้วย”
สำหรับบทลงโทษ
หากประชาชนถูกตั้งข้อหาตาม พ.ร.บ.ปลุกระดม
และกฎหมายการสื่อสารและมัลติมีเดียจะมีโทษปรับไม่เกิน 5,000 ริงกิต หรือประมาณ 45,000 บาท หรือจำคุกสูงสุด 3 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับสำหรับผู้กระทำความผิดครั้งแรก และไม่เกิน 5 ปี สำหรับผู้กระทำความผิดซ้ำ
แล้วในประเทศไทยเราละ..ดินแดนแห่งสยามเมืองยิ้ม
กลุ่มคนที่บิดเบือนความจริง ทนายความที่ช่วยเหลือกลุ่มขบวนการ นักวิชาการ นักคิด
องค์กรภาคประชาสังคมทั้งหลาย นำข้อมูลเท็จทำร้ายทำลายประเทศย่อยยับเสียหาย
รัฐทำอะไรไม่ได้ ไปแตะก็แอะอะโวยวายเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน...ทำไม? มาเลเซียบังคับใช้ พ.ร.บ.ปลุกระดม
และกฎหมายการสื่อสารเอาผิดกับประชาชนตนเองได้!!!..น่าคิดนะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น