10/11/2559

ความยุติธรรมกับการใช้กฎหมายดับไฟใต้...


“Ibrahim”

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2559 พลโทปิยวัฒน์ นาควานิช ได้เข้ารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ยึดหลักกฎหมายนำ การทหารตาม การเมืองขยาย นำสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนน้อมนำปรัชญาในหลวง เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา

โฟกัสไปที่แม่ทัพภาคที่ 4 คนใหม่ในการขับเคลื่อนแก้ไขไฟใต้ ซึ่งหากมองนโยบายกฎหมายนำ การทหารตาม การเมืองขยาย นำสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืนได้ให้ความสำคัญในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย การเมือง เพื่อมุ่งไปสู่ความมั่นคงในด้านเศรษฐกิจในพื้นที่

หลายยุคหลายสมัยกลุ่มขบวนการ หรือกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมแนวร่วม แม้กระทั่งประชาชนในพื้นที่ได้เคลื่อนไหวเพื่อสะท้อนปัญหาในปัญหาในพื้นที่ให้สังคมรับรู้ว่าการบังคับใช้กฎหมายไม่มีความเป็นธรรม ไม่เสมอภาค และเลือกปฏิบัติมาโดยตลอด

ศาลสถิตยุติธรรม เป็นสถาบันหลักสถาบันหนึ่งที่องค์กรอื่นๆ ไม่สามารถแทรกแซงได้ อีกทั้งไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน การพิจาณาคดี มีความถูกต้อง เที่ยงตรง และเสมอภาค โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ปัญหาไม่เป็นการซ้ำเติมปัญหา ซึ่งที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ได้พิจารณาตัดสินคดีด้วยความรอบคอบเป็นธรรม ว่าไปตามวัตถุพยานหลักฐาน หากขาดซึ่งพยานและหลักฐานที่ไม่แน่นหนาพอศาลจะพิจารณายกฟ้องให้เป็นผลประโยชน์ต่อจำเลย

ตัวอย่างของคดีความอย่างเช่นเมื่อวันที่ 3  กันยายน 2558 ศาลจังหวัดปัตตานีได้นั่งบัลลังก์พิจารณาพิพากษาคดีความมั่นคง ตามเลขคดีแดง เลขที่ อ.3172/57และตัดสินให้ ยกฟ้องนายอายมาน เจ๊ะหลง

สืบเนื่องมาจากเหตุคนร้ายทำการลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 ขณะเดินทางด้วยรถยนต์บรรทุก ขนาด 2 ตันครึ่ง เพื่อสับเปลี่ยนกำลัง เหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 นาย และได้รับบาดเจ็บ 16 นายด้วยกัน เหตุเกิดบนถนนสาย 418ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่ลาน จังหวัดปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2553

สำหรับสาเหตุที่ นายอายมาน เจ๊ะหลง ตกเป็นผู้ต้องสงสัยและถูกออกหมายจับ ป.วิอาญา สืบเนื่องมาจากผลการตรวจสารพันธุกรรม พบว่า DNA นายอายมานฯ ตรงกับ DNA เทปกาวพันสายไฟ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่ติดตั้งภายในรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง ซึ่งตกอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ

ส่วนประวัติจากการตรวจสอบพฤติกรรม นายอายมานฯ พบว่าเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ และยังเป็น Logistik รับผิดชอบในพื้นที่อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาสซึ่งเคยถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2553 ส่งตัวดำเนินกรรมวิธีซักถาม ณ ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์

ผลการซักถามในครั้งนั้น นายอายมานฯ ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับฆือโลหรือคอลอรอเคยผ่านการฝึกร่างกายขั้นพื้นฐาน และยังทำหน้าที่เก็บชิ้นส่วนที่ใช้ในการประกอบระเบิดแสวงเครื่อง เช่น กล่องเหล็กสำเร็จรูป

นายอายมานฯ ยังสมัครใจนำเจ้าหน้าที่ไปทำการชี้จุดที่ตนเองพร้อมพวกร่วมกันขุดเจาะถนน เพื่อเตรียมการสำหรับก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร บริเวณริมถนนพื้นที่บ้านชูโว ตำบลบาเร๊ะใต้ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส และได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในเวลาต่อมา

หลังจาก นายอายมานฯ ทราบว่าถูกออกหมายจับ ป.วิอาญา เมื่อ 23 มิถุนายน 2557 จึงได้ติดต่อเข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22 โดยมีความประสงค์ขอเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน เจ้าหน้าที่ได้กลั่นกรองเบื้องต้นแล้วส่งตัวดำเนินคดี และได้รับการประกันตัวในเวลาต่อมา ในวงเงิน 24,770 บาท ภายในวันเดียวกัน

เวลาผ่านไป 2 เดือน 10 วัน กระบวนการต่างๆ ได้ดำเนินการตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน รวบรวมวัตถุพยานหลักฐาน ส่งตัวฟ้องศาลพิจารณาคดี และเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2558 ศาลจังหวัดปัตตานีได้พิจารณาตัดสิน ยกฟ้องนายอายมาน เจ๊ะหลง สาเหตุสืบเนื่องมาจากทนายโจทย์ ไม่สามารถแจ้งถึงความสัมพันธ์ของเทปพันสายไฟ ซึ่งพบว่า DNA Matching มีความสัมพันธ์กับระเบิดแสวงเครื่อง และให้ประกันตัวได้ในระหว่างการอุทธรณ์
นายอายมาน เจ๊ะหลง เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีความกล้าที่จะยอมรับความจริง เมื่อผิดแล้วยอมรับผิด และเคยยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง เมื่อถูกออกหมายจับ ป.วิอาญา นายอายมานฯ  ไม่ได้หลบหนีหายไปไหนได้ติดต่อขอเข้ารายงานตัวแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ทันที อีกทั้งมีความประสงค์เข้าร่วม โครงการพาคนกลับบ้านโครงการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า ซึ่งถือว่าเป็นผลดีต่อ นายอายมานฯ โดยตรงในรูปคดี

ผู้ที่กระทำความผิดแล้วยอมรับผิด ผู้นั้นสมควรที่จะได้รับการยกย่อง ให้โอกาสกลับเนื้อกลับตนเป็นคนดีของสังคมหันหลังให้กับขบวนการ ปฏิเสธการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาซึ่งไม่มีผลดีใดๆ เลย มีแต่สร้างความสูญเสียให้เกิดขึ้นต่อประชาชนและประเทศชาติ หันหน้ามาพูดคุยสร้างความเข้าใจกันให้มากขึ้นในทุกระดับ เพื่อสนับสนุนการพูดคุยสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลที่กำลังเดินหน้ากับกลุ่มผู้คิดต่างกลุ่มต่างๆ ซึ่งมีประเทศมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก อีกไม่นานสันติสุขจะเกิดเป็นรูปธรรม หากทุกภาคส่วนทำการขับเคลื่อนรวมพลังเพื่อจังหวัดชายแดนภาคใต้ของเราให้มีความสงบสุขอย่างยั่งยืนถาวรตลอดไป

การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ยุคใหม่กับการมุ่งบังคับใช้กฎหมาย พัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อพลิกฟื้นชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้อยู่ดีกินดี ที่สำคัญมี ครม.ส่วนหน้าลงมาขับเคลื่อนและบูรณาการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม...คอยติดตามกันดูค่ะ ไฟใต้ที่คุกกรุ่นมาสิบกว่าปีจะได้รับการแก้ไขให้กลับมาปกติสุขได้หรือไม่? กับมิติใหม่แก้ปัญหาไฟใต้โดย พลโทปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ภายใต้การกำกับดูแลรัฐบาลชุดปัจจุบัน.

------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น