“Ibrahim”
เมื่อวันที่
1 ตุลาคม 2559 พลโทปิยวัฒน์ นาควานิช ได้เข้ารับตำแหน่งแม่ทัพภาคที่
4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ยึดหลัก“กฎหมายนำ
การทหารตาม การเมืองขยาย นำสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” น้อมนำปรัชญาในหลวง
“เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา”
โฟกัสไปที่แม่ทัพภาคที่
4 คนใหม่ในการขับเคลื่อนแก้ไขไฟใต้ ซึ่งหากมองนโยบาย“กฎหมายนำ
การทหารตาม การเมืองขยาย นำสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”ได้ให้ความสำคัญในเรื่องการบังคับใช้กฎหมาย
การเมือง เพื่อมุ่งไปสู่ความมั่นคงในด้านเศรษฐกิจในพื้นที่
หลายยุคหลายสมัยกลุ่มขบวนการ
หรือกลุ่มองค์กรภาคประชาสังคมแนวร่วม
แม้กระทั่งประชาชนในพื้นที่ได้เคลื่อนไหวเพื่อสะท้อนปัญหาในปัญหาในพื้นที่ให้สังคมรับรู้ว่าการบังคับใช้กฎหมายไม่มีความเป็นธรรม
ไม่เสมอภาค และเลือกปฏิบัติมาโดยตลอด
ศาลสถิตยุติธรรม
เป็นสถาบันหลักสถาบันหนึ่งที่องค์กรอื่นๆ ไม่สามารถแทรกแซงได้
อีกทั้งไม่เอนเอียงเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นที่พึ่งของพี่น้องประชาชน
การพิจาณาคดี มีความถูกต้อง เที่ยงตรง และเสมอภาค
โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการแก้ปัญหาไม่เป็นการซ้ำเติมปัญหา
ซึ่งที่ผ่านมากระบวนการยุติธรรมได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า
ได้พิจารณาตัดสินคดีด้วยความรอบคอบเป็นธรรม ว่าไปตามวัตถุพยานหลักฐาน
หากขาดซึ่งพยานและหลักฐานที่ไม่แน่นหนาพอศาลจะพิจารณายกฟ้องให้เป็นผลประโยชน์ต่อจำเลย
ตัวอย่างของคดีความอย่างเช่นเมื่อวันที่
3 กันยายน 2558
ศาลจังหวัดปัตตานีได้นั่งบัลลังก์พิจารณาพิพากษาคดีความมั่นคง ตามเลขคดีแดง เลขที่
อ.3172/57และตัดสินให้ “ยกฟ้อง” นายอายมาน
เจ๊ะหลง
สืบเนื่องมาจากเหตุคนร้ายทำการลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร
หน่วยเฉพาะกิจยะลา 16 ขณะเดินทางด้วยรถยนต์บรรทุก ขนาด 2 ตันครึ่ง
เพื่อสับเปลี่ยนกำลัง เหตุการณ์ในครั้งนั้นส่งผลให้เจ้าหน้าที่ทหารเสียชีวิต 1 นาย
และได้รับบาดเจ็บ 16 นายด้วยกัน เหตุเกิดบนถนนสาย 418ซึ่งอยู่ในพื้นที่อำเภอแม่ลาน
จังหวัดปัตตานี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2553
สำหรับสาเหตุที่
นายอายมาน เจ๊ะหลง ตกเป็นผู้ต้องสงสัยและถูกออกหมายจับ ป.วิอาญา
สืบเนื่องมาจากผลการตรวจสารพันธุกรรม พบว่า DNA นายอายมานฯ
ตรงกับ DNA เทปกาวพันสายไฟ
ซึ่งเป็นชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่องที่ติดตั้งภายในรถจักรยานยนต์พ่วงข้าง
ซึ่งตกอยู่ในสถานที่เกิดเหตุ
ส่วนประวัติจากการตรวจสอบพฤติกรรม
นายอายมานฯ พบว่าเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ และยังเป็น Logistik
รับผิดชอบในพื้นที่อำเภอบาเจาะ
จังหวัดนราธิวาสซึ่งเคยถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เมื่อวันที่
1 พฤษภาคม 2553 ส่งตัวดำเนินกรรมวิธีซักถาม ณ ศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์
ผลการซักถามในครั้งนั้น
นายอายมานฯ ยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับ“ฆือโล”หรือ“คอลอรอ”
เคยผ่านการฝึกร่างกายขั้นพื้นฐาน และยังทำหน้าที่เก็บชิ้นส่วนที่ใช้ในการประกอบระเบิดแสวงเครื่อง
เช่น กล่องเหล็กสำเร็จรูป
นายอายมานฯ
ยังสมัครใจนำเจ้าหน้าที่ไปทำการชี้จุดที่ตนเองพร้อมพวกร่วมกันขุดเจาะถนน
เพื่อเตรียมการสำหรับก่อเหตุลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร
บริเวณริมถนนพื้นที่บ้านชูโว ตำบลบาเร๊ะใต้ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
และได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในเวลาต่อมา
หลังจาก
นายอายมานฯ ทราบว่าถูกออกหมายจับ ป.วิอาญา เมื่อ 23 มิถุนายน 2557
จึงได้ติดต่อเข้ารายงานตัวกับเจ้าหน้าที่ทหาร หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22
โดยมีความประสงค์ขอเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน
เจ้าหน้าที่ได้กลั่นกรองเบื้องต้นแล้วส่งตัวดำเนินคดี และได้รับการประกันตัวในเวลาต่อมา
ในวงเงิน 24,770 บาท ภายในวันเดียวกัน
เวลาผ่านไป
2 เดือน 10 วัน กระบวนการต่างๆ ได้ดำเนินการตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน
รวบรวมวัตถุพยานหลักฐาน ส่งตัวฟ้องศาลพิจารณาคดี และเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2558
ศาลจังหวัดปัตตานีได้พิจารณาตัดสิน “ยกฟ้อง”นายอายมาน
เจ๊ะหลง สาเหตุสืบเนื่องมาจากทนายโจทย์
ไม่สามารถแจ้งถึงความสัมพันธ์ของเทปพันสายไฟ ซึ่งพบว่า DNA Matching มีความสัมพันธ์กับระเบิดแสวงเครื่อง
และให้ประกันตัวได้ในระหว่างการอุทธรณ์
นายอายมาน
เจ๊ะหลง เป็นอีกผู้หนึ่งที่มีความกล้าที่จะยอมรับความจริง เมื่อผิดแล้วยอมรับผิด
และเคยยอมรับว่าเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรง เมื่อถูกออกหมายจับ ป.วิอาญา นายอายมานฯ
ไม่ได้หลบหนีหายไปไหนได้ติดต่อขอเข้ารายงานตัวแสดงตนต่อเจ้าหน้าที่ทันที
อีกทั้งมีความประสงค์เข้าร่วม “โครงการพาคนกลับบ้าน” โครงการของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค
4 ส่วนหน้า ซึ่งถือว่าเป็นผลดีต่อ นายอายมานฯ โดยตรงในรูปคดี
ผู้ที่กระทำความผิดแล้วยอมรับผิด
ผู้นั้นสมควรที่จะได้รับการยกย่อง
ให้โอกาสกลับเนื้อกลับตนเป็นคนดีของสังคมหันหลังให้กับขบวนการ
ปฏิเสธการใช้ความรุนแรงในการแก้ปัญหาซึ่งไม่มีผลดีใดๆ เลย มีแต่สร้างความสูญเสียให้เกิดขึ้นต่อประชาชนและประเทศชาติ
หันหน้ามาพูดคุยสร้างความเข้าใจกันให้มากขึ้นในทุกระดับ
เพื่อสนับสนุนการพูดคุยสันติสุขในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ของรัฐบาลที่กำลังเดินหน้ากับกลุ่มผู้คิดต่างกลุ่มต่างๆ
ซึ่งมีประเทศมาเลเซียเป็นผู้อำนวยความสะดวก อีกไม่นานสันติสุขจะเกิดเป็นรูปธรรม
หากทุกภาคส่วนทำการขับเคลื่อนรวมพลังเพื่อจังหวัดชายแดนภาคใต้ของเราให้มีความสงบสุขอย่างยั่งยืนถาวรตลอดไป
การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนใต้ยุคใหม่กับการมุ่งบังคับใช้กฎหมาย
พัฒนาเศรษฐกิจ เพื่อพลิกฟื้นชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้อยู่ดีกินดี ที่สำคัญมี
ครม.ส่วนหน้าลงมาขับเคลื่อนและบูรณาการให้เกิดผลเป็นรูปธรรม...คอยติดตามกันดูค่ะ
ไฟใต้ที่คุกกรุ่นมาสิบกว่าปีจะได้รับการแก้ไขให้กลับมาปกติสุขได้หรือไม่? กับมิติใหม่แก้ปัญหาไฟใต้โดย
พลโทปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4
ภายใต้การกำกับดูแลรัฐบาลชุดปัจจุบัน.
------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น