“แบมะ ฟาตอนี”
งามหน้าไปตามๆ กัน เมื่อองค์กรผู้หญิงปาตานี (PERWANI) ได้ออกแถลงการณ์ว่าคนร้ายข่มขืนคุณยายวัย 70 ปี ที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ใช้สำเนียงเสียงพูดภาษาไทยพูดมลายูถิ่นไม่ชัด
แอบเข้าไปข่มขู่บังคับข่มขืน นางกอตีเยาะ บาโงปะแต แล้วหลบหนีไป
ขอให้ตำรวจรีบสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว ซึ่งในข้อความเสมือนว่า
“คนร้ายที่ก่อเหตุอาจเป็นเจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่”
จนกระทั่งทำให้กระแสข่าวนี้แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
กรณีเหตุการณ์
คนร้ายข่มขืนหญิงชราวัย 70 ปี อยู่บ้านเลขที่ 51/1 บ้านบาจุ ตำบลปะแต อำเภอยะหา จังหวัดยะลา
ซึ่งเป็นบ้านของหญิงชราอาศัยอยู่กับหลาน 2 คน โดยเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2559
เวลาประมาณ 22.30 น. ขณะที่ยายกำลังนอนหลับ คนร้ายแต่งกายปกปิดใบหน้า มีอาวุธปืน
คนร้ายใช้มือหนึ่งปิดปาก และขู่ไม่ให้ร้อง ด้วยภาษาซึ่งยายฟังรู้เรื่อง
จากนั้นได้ขมข่มขืนยาย จนสำเร็จความใคร่แล้วคนร้ายเข้าห้องน้ำ ยายจึงหนีออกทางหน้าต่าง
เนื่องจากประตูหน้าออกไม่ได้ ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากชาวบ้าน คนร้ายได้หลบหนีไป
จากนั้นจึงได้แจ้งความไว้ที่สถานีตำรวจปะแต
และได้ไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาลพระยุพราชยะหา เจ้าหน้าที่ได้เก็บดีเอ็นเอจากยาย
และเก็บผ้าปูที่นอนไปทำการตรวจ
องค์กรผู้หญิงปาตานีออกแถลงการณ์คนร้าย
“พูดภาษาไทยชัดเจน พูดภาษามลายูไม่ชัด”สื่อแนวร่วมกระพือข่าว
ในเวลาต่อมาได้มีการแถลงการณ์ของ
องค์กรผู้หญิงปาตานี (PERWANI), นักศึกษากลุ่มสตรีเพื่อสุขภาวะชุมชน (Mutiara Patani) การแชร์กระจายข่าวสารโดยสื่อแนวร่วมขบวนการอย่างเช่นสำนักสื่อ Wartani
การตื่นตัวทางสังคมขององค์กรต่างๆ
เป็นสิ่งที่น่ายกย่อง
อีกทั้งให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตรวจสอบหาตัวคนร้ายมาลงโทษดำเนินคดีโดยเร็ว
แต่ประเด็นที่องค์กรเหล่านี้แอบแฝง
ได้มุ่งชี้นำทางสังคมให้เกิดความเคลือบแคลงน่าสงสัย นั่นคือองค์กรผู้หญิงปาตานี (PERWANI) ได้ออกแถลงการณ์โดยชี้ให้สังคมเกิดความเข้าผิดด้วยการพูดถึงตัวคนร้ายว่า “พูดภาษาไทยชัดเจน พูดภาษามลายูไม่ชัด” ต้องการสื่อให้รู้ว่าคนร้ายที่กระทำการข่มขืนคุณยายไม่ใช่พี่น้องมลายูใช่หรือไม่?
ในคราวเดียวกันนี้องค์กรผู้หญิงปาตานี
(PERWANI) ได้เรียกร้องต่อผู้ที่มีส่วนที่เกี่ยวข้องตลอดจนสังคม 5 ข้อด้วยกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรียกร้องให้รัฐพิจารณานโยบายการติดอาวุธให้กับราษฎรในพื้นที่
เนื่องจากเหยื่อของอาวุธคือราษฎรอ่อนแอสตรีเพศ
เมื่อความจริงปรากฏต่อสังคมเกิดจากความเลวทรามของคนใกล้ตัว
เมื่อ 4
ต.ค.59 เวลา 07.50 น. เจ้าหน้าที่ทหารพราน
ฉก.ทพ.47 ได้เข้าติดตามความคืบหน้าของคดี จากเหตุการณ์ คนร้ายลอบข่มขืนหญิงชรา
จากเหตุการณ์ดังกล่าวขั้นต้น จากการติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุดังกล่าว
เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปะแต ได้รับผลการตรวจ DNA จากชุดนิติวิทยาศาสตร์
เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารจึงได้จัดกำลังเข้าทำการควบคุมตัวผู้ต้องสงสัย
ทราบชื่อคือ นายมะกอซี ปูเต๊ะ บุตรเขยของผู้เสียหาย อายุ 43 ปี
อยู่บ้านเลขที่ 59/7 ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา ในขั้นต้น นายมะกอซีฯ ได้ให้การยอมรับสารภาพกระทำลงไปเพราะเกิดอาการมึนเมา
เจ้าหน้าที่ตำรวจนำควบคุมตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
นี่คือบทเรียนในการออกแถลงการณ์ขององค์กรบางองค์
เพื่อชี้นำให้สังคมเกิดความเข้าใจผิดคิกว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
ชิงความได้เปรียบเพื่อสร้างความเกลียดชังของคนในพื้นที่ ถามหาความรับผิดชอบของ องค์กรผู้หญิงปาตานี
(PERWANI)
จะมีมากน้อยแค่ไหน? หรือแค่สาดโคลนใส่ผู้อื่นแต่ไม่ยอมชำระล้างปล่อยให้เหม็นต่อไป...คอยติดตามกันค่ะ.
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น