“ปัญหาไฟใต้”ยังคงเกิดขึ้นตลอดช่วงระยะเวลามากกว่า
10 ปี นับตั้งแต่ปี 47 ได้สร้างความเสียหายและความเดือดร้อนแก่ประชาชน
เศรษฐกิจ การเมือง และวิถีชีวิต อย่างไม่อาจปฏิเสธได้ด้วยความห่วงใยจากทุกภาคส่วนต่อสถานการณ์อันเลวร้ายที่เกิดขึ้นในเวลานี้
ความจริงปรากฎได้ต่อสู้อยู่กับใคร? หน่วยงานความมั่นคงได้รู้ว่าผู้ที่สร้างความปั่นป่วนในสามจังหวัดชายแดนใต้
คือ ขบวนการบีอาร์เอ็น (BRN-Coordinate) การต่อสู้ของขบวนการ “บีอาร์เอ็น” “ตัวการป่วนใต้”ที่ยังคงก่อเหตุร้ายรายวัน
และมีการบิดเบือนข้อเท็จจริงในหลักคำสอนของศาสนาอิสลาม
เห็นได้จากการชักจูงเยาวชนมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนใต้มาปลูกฝังแนวความคิด
ความเชื่อเรื่อง “รัฐปัตตานี” และเข้าพิธี
“ซุมเปาะ” (สาบานตน) จากคำสารภาพของผู้ที่ต้องการออกจากการเป็นแนวร่วมหลายครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้
และดำเนินกรรมวิธีซักถามแนวร่วมหลายคนมีความต้องการถอน “ซุมเปาะ”
(ถอนคำสาบาน)
เพื่อพ้นสภาพจากการเป็นขบวนการอย่างถูกต้องตามหลักการของขบวนการ “บีอาร์เอ็น”
“แนวความคิด” หากเรามาพิจารณาถึงหลักการ
“ซุมเปาะ” ของกลุ่มขบวนการมีบีบบังคับให้กลุ่มเยาวชนมุสลิมผู้ที่มีหน่วยก้านดี
มีลักษณะเป็นผู้นำ ก็จะมีการส่งไปฝึกหลักสูตรที่เรียกว่า (อาร์เคเค)
ที่อาเจะห์ ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อสำเร็จหลักสูตรมาแล้ว
จะเดินทางกลับบ้านเกิดเพื่อ “ครูสอนศาสนา” ในโรงเรียนตาดีกา หรือโรงเรียนปอเนาะ
จากนั้นจะเข้าสู้กระบวนการถ่ายทอดแนวความคิดแบ่งแยกดินแดนให้กับนักเรียนในโรงเรียนที่กลุ่มคนเหล่านี้เป็นครูสอนศาสนาอยู่
โดยจะมีเฝ้ามองในการคัดเลือกนักเรียนที่จะมาเป็นแนวร่วมจะต้องเป็นไปตามคุณสมบัติที่กลุ่มขบวนการได้วางไว้
คือ ต้องเรียนเก่ง ไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด เพราะถือว่าเป็นคนที่ “มีอุดมการณ์” จากนั้นจะดึงมาเข้าพิธี “ซุมเปาะ” ก่อนจะส่งเข้าทำการฝึกยุทธวิธีทางทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
“กระบวนการ” ในส่วนของผู้นำศาสนาแนวร่วมกลุ่มผลประโยชน์ BRN-Coordinate จะมีการจัดตั้ง “อุสตาส” เพื่อการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนา
ดึงมวลชนให้เข้าสู่แนวร่วม “อุสตาส”เหล่านี้จะได้รับการจัดตั้งจากภายในองค์กร
หลังจากนั้นจะมีพิธีสาบานตน “ซุมเปาะ” ต่อคัมภีร์อัลกุรอาน
ตามหลักความเชื่อของกลุ่มในแนวทางที่จากหลักศาสนาอิสลาม
โดยจะให้ผู้ที่จะเข้าร่วมกับขบวนการ ทำการเปล่งวาจาสาบาน 3
ข้อ ด้วยกัน กล่าวคือ จะยอมเสียสละทรัพย์สินชีวิตเพื่อกอบกู้รัฐปัตตานี
และปกป้องศาสนาอิสลาม ,จะไม่ยอมแพร่งพรายความลับขององค์กรให้ผู้ใดทราบโดยเด็ดขาด
,จะมาทุกครั้งที่มีการนัดหมาย
และเชื่อฟังผู้นำอย่างเคร่งครัด
ซึ่งกระบวนการเหล่านี้จะมีการแพร่ขยายไปยังสถานที่ปฏิบัติทางศาสนา เช่น มัสยิด
ตาดีกา รวมไปถึงสถาบันปอเนาะ โดยจะมี อุสตาส ครูสอนตาดีกา
และเยาวชนมุสลิมเป็นผู้ลงพื้นให้ความรู้และปลุกกระแสความเชื่อให้ประชาชนในพื้นที่คล้อยตามหลักการละแนวคิดอุดมการณ์ของกลุ่ม
“บีอาร์เอ็น” เนื่องจากคนในพื้นที่ส่วนใหญ่จะเคารพหลักการและคำพูดของผู้นำศาสนาเป็นหลัก
ซึ่งการกระทำเช่นนี้ของกลุ่ม BRN เหมือนเป็นการทำเกมทางการเมือง
การใช้กลุ่มองค์กรนิสิตนักศึกษา รวมทั้งภาคประชาสังคม ปลุกระดมแนวคิด
การสร้างมวลชนเพื่อทำการเคลื่อนไหว นำข้อผิดพลาดจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐไปขยายผล
รวบรวมเพื่อสื่อไปยังองค์กรมุสลิมระหว่างประเทศ (โอไอซี) โดยให้สหประชาชาติ
(ยูเอ็น) เข้าแทรกแซงเพื่อให้มองเห็นความจำเป็นของการมี “รัฐใหม่”
ซึ่งเป็นรัฐที่มีความเฉพาะทางด้านเชื้อชาติ-ศาสนา
ฝ่ายตรงข้ามยังให้ความสำคัญกับ “พลังมวลชน” (People
Uprising) ซึ่งถือเป็น “พลังหลัก” แห่งความสำเร็จในการปฏิวัติเพื่อแยกรัฐปัตตานีออกจากอำนาจรัฐไทย
โดยไม่ใช้อำนาจทางทหาร เน้นกลยุทธ์ที่ว่า “หากทำให้มวลชนเชื่อหรือศรัทธาไม่ได้…ให้ใช้วิธีทำให้กลัว”
“การลงสนาม”ของกลุ่มแนวร่วมใหม่ที่เป็น
“เยาวชนชาย” หรือ “เปอร์มูดอ” ที่ผ่านการฝึก
จะลงสนามทำการก่อเหตุในลักษะก่อกวนในพื้นที่ เช่น การวางระเบิด เผาเสาไฟฟ้า ลอบยิง
จนไปถึงการลอบสังหาร ซึ่งจะค่อยปรับและเพิ่มขีดความสามารถในการก่อเหตุเป็นลำดับ
แต่ที่น่าสลดใจทางกลุ่มใช้ศาสนามาอ้างในการก่อเหตุและลงมือก่อเหตุในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์มีทั้ง
มัสยิด กูโบร์ วัด เช่นเหตุการณ์ลอบยิงประชาชนกำลังจะไปละหมาดที่มัสยิด
ฆ่าราษฎรที่กำลังจะไปทำบุญที่วัด และที่น่าสลดใจมากกว่านั้นกลุ่ม บีอาร์เอ็น ยังมีการกระทำที่เลวร้าย
โดยยิงผู้บริสุทธิ์เสียชีวิตแล้ว กำลังนำศพไประกอบทางศาสนาที่ลุ่มฝั่งศพ “กูโบร์” ยังไปลอบวางระเบิดต่ออีกที่ลุ่มฝั่งศพ (ชั่วเกินคำบรรยายจริงๆ) ขอตั้งฉายาเลยว่า “กลุ่มผลประโยชน์
BRN ขบวนการนอกศาสนา” เหอ!! หลักการที่เรียกตัวเองว่ากลุ่ม
BRN ที่ทำเพื่อประชาชนชาวปาตานี ทำเพื่อศาสนาอิสลาม แท้จริงแล้วทำไปเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองมากกว่ามั้ง...
-----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น