5/02/2561

ศาลพิพากษาประหารชีวิตเดนมนุษย์โจรใต้ระเบิดเด็กนักเรียน


กรรมตามสนองจากผลของการก่อเหตุเข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ ชีวิตที่หลงผิดถูกกลุ่มขบวนการหลอกใช้กลายเป็นทาสขบวนการเข่นฆ่าพี่น้องประชาชน ถูกสังคมตราหน้าว่าเป็นอาชญากรโจรใต้ โจรร้ายที่มีแต่สร้างรอยบาปให้กับตัวเอง การกระทำที่ผิดต่อหลักคำสอนศาสนา กฎหมายบ้านเมืองสร้างความเดือนให้กับชาวบ้านไปทั่ว ก่อเหตุมีคดีติดตัวต้องหลบหนีการติดตามจับกุมใช้ชีวิตแบบหลบๆ ซ่อนๆ อดๆ อยากๆ ครอบครัวลูกเมียลำบาก  นี้แหละชีวิตโจรใต้ที่หลวมตัวเข้าไปแล้วผลกรรมก็จะตามมา จะต้องหนีไปตลอดชีวิต  ไม่หนีก็ต้องตายหรือติดคุก เหมือนกับกรณี 10 เดนนรกโจรใต้ ที่ศาลจังหวัดปัตตานีตัดสินประหารชีวิต 6 ราย และสั่งจำคุกตลอดชีวิต 3 ราย อีกรายต้องโทษ 39 ปี 12 เดือน

          เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 61 ศาลจังหวัดปัตตานีพิพากษาประหารชีวิต  จำคุกตลอดชีวิต และจำคุก 39 ปี 12 เดือน ตามคดีหมายเลขดำที่ อ.1118/60  ตามที่พนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้อง นายมะซันหรือ ฮากิม สาและ จำเลยรวมกับพวกรวม 10 คน  คือ

1.นายมะซัน หรือฮากิม สาและ จำเลยที่ 1

2.นายอับดุลเลาะ หะยีอูมาร์ จำเลยที่ 2

3.นายอิบรอเฮง ยูโซะ จำเลยที่ 3

4.นายอัมรีย์ ลือเย๊าะ จำเลยที่ 4

5.นายสันติ จันทรกุล   จำเลยที่ 5

6.นายอายุบ เปาะลี จำเลยที่ 6

7.นายฮามิต เจะมะ จำเลยที่ 7

8.นายอิสมาแอ ตุยง จำเลยที่ 8

9.นายรุสลัน แวหะยี จำเลยที่ 9

10.นายนิรอนิง นิเดร์ จำเลยที่ 10

เปิดปมเดนมนุษย์อาชญากรใต้พวกนี้ทำความเลวระยำไร้มนุษยธรรมอะไรไว้บ้าง ผู้เขียน
ขอย้อนดูพฤติกรรมป่าเถื่อน สุดโต่ง มีแต่ความชั่วร้ายที่สิงสถิตในจิตใจของพวกมัน ที่กระทำได้แม้แต่
ผู้บริสุทธิ์ทั้งที่รู้ว่ามันคือตลาดโต้รุ่งมีผู้คนพลุกพล่านจำนวนมากกำลังจับจ่ายใช้สอยซื้ออาหารแต่จิตใจมันคับแคบลงมือกระทำเหมือนไม่ใช่คน   ย้อนไปเมื่อวันที่ 24 ต.ค. 59 จำเลยได้ร่วมกันก่อเหตุลอบวางระเบิดร้านก๋วยเตี๋ยวเบิ้มนครปฐม (หน้าตลาดโต้รุ่ง) จ.ปัตตานี ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 คน คือ
นางสมพร ขุนทะกะพันธ์ และมีผู้บาดเจ็บ 18 ราย สาหัส 4 ราย ซึ่งมีเด็กนักเรียนหญิงอาการสาหัสต้องตัดขาจากเหตุการณ์ในครั้งนั้น อีกทั้ง เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. 59 ร่วมกันก่อเหตุเผาร้านเจพีเฟอร์นิเจอร์ ต.รูสะมิแล อ.เมือง จ.ปัตตานี ทำให้บ้าน 2 ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้ถูกเผาวอด  และ 18 มิ.ย. 59
ในวันเดียวกันได้ร่วมกันก่อเหตุต่อเนื่องด้วยการระเบิดเรือประมง 2 ลำ ที่ท่าเรือประมงศิริพงศ์
ต.บานา อ.เมือง จ.ปัตตานี ได้รับความเสียหาย และอีกคดี เมื่อวันที่ 3 ก.ค. 59 ลอบวางระเบิด
หน้าร้านสรีบุตรข้างมัสยิดกลางปัตตานี ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บอีก 4 นาย 

จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เจ้าหน้าที่ต้องทำงานอย่างหนักในการรวบรวมพยานหลักฐานและผลนิติวิทยาศาสตร์ในการพิสูจน์ผล DNA เพื่อติดตามผู้กระทำความผิดมาลงโทษตามกฎมาย นำตัวเข้า
สู่กระบวนการยุติธรรม จนในที่สุดจากการรวบรวมหลักฐานของเจ้าหน้าที่ส่งให้อัยการส่งฟ้องศาล
ในข้อหาการก่อการร้าย อั้งยี่ ซ่องโจร ก่อให้เกิดระเบิด ความผิดต่อชีวิต ทำให้เสียทรัพย์ ความผิดต่อ พรบ.อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืนฯ 
ศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษา นายอิบรอเฮง ยูโซะ จำเลยที่ 3, นายอัมรีย์ ลือเย๊าะ จำเลยที่ 4, นายสันติ จันทรกุล จำเลยที่ 5, นายอายุบ เปาะลี จำเลยที่ 6, นายอิสมาแอ ตุยง จำเลยที่ 8  และนายนิรอนิง นิเดร์ จำเลยที่ 10 พิพากษาประหารชีวิต
        นายมะซัน หรือฮากิม สาและ จำเลยที่ 1, นายอับดุลเลาะ หะยีอูมาร์ จำเลยที่ 2, , นายรุสลัน แวหะยี จำเลยที่ 9 ประหารชีวิตแต่จำเลยทั้ง 3 ให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี ศาลลดโทษให้กึ่งหนึ่งเหลือจำคุกตลอดชีวิต
        ส่วนนายฮามิต เจะมะ จำเลยที่ 7 จำคุก 39 ปี 12 เดือน เนื่องจากศาลรับฟังผลการซักถามประกอบ คำให้การของพนักงานสอบสวน คำรับสารภาพของจำเลยที่ 1 คำให้การของผู้เข้าร่วมโครงการคุ้มครองพยาน และการบันทึก VDO คำให้การของเจ้าหน้าที่ในชั้นซักถาม 
เป็นไงกันบ้างละคุณโจรใต้ทั้งหลาย ผู้ที่กระทำความผิดถึงกับสะดุ้ง ซาบซึ้งต่อผลกรรมที่กลุ่มแกนนำขบวนการได้มอบให้ไหมละ ถูกหลอกใช้ให้ก่อเหตุตัวเองต้องหนีเตลิดวิ่งหลบหนีเข้าป่า อยู่แบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ หวาดระแวง อดอยากปากแห้ง  ต้องรอให้เขาเอาน้ำมาส่งเอาข้าวมาให้ มันน่าอนาถชีวิตจริง ๆ  เคราะห์กรรมความลำบากตกอยู่ที่ครอบครัวผู้เป็นภรรยาและลูก ต้องกลายเป็นผู้รับภาระอันหนักอึ้งในการดูแลครอบครัว ไหนจะกินอะไร ไหนจะเอาเงินที่ไหนส่งลูกเรียน  ขณะที่สามีตัวเองต้องหลบหนีไม่มีเวลามาดูแลครอบครัว  ซึ่งแตกต่างกับผู้ที่เป็นแกนนำสั่งการในการหลอกให้สมุนหางแถวก่อเหตุ ส่วนตนเองนอนเสวยสุขอยู่บนความทุกข์ของลูกน้องที่มาเลย์ นั่งโต๊ะใหญ่ผูกไทด์จิบกาแฟ  มีเงินมีทองให้ตัวเองและเครือญาติใช้สุขสบาย เพราะเขาไม่ต้องดิ้นรนหาเงิน ไม่ต้องหลบหนี  ไม่ต้องเป็นห่วงลูกเมีย ไม่ต้องหวาดระแวง  เคยไหมที่จะเจียดเงินที่ได้จากซากาตหลายร้อยล้านให้กับครอบครัวลูกน้องตัวเอง  เคยไหมจะโยนเงินให้ผู้ที่ถูกจับกุมไปต่อสู้คดี เคยไหมที่จะดูแลเยียวยาครอบครัวลูกน้องตัวเองเมื่อเกิดการสูญเสีย  ผลลัพธ์สุดท้ายคนที่รับเคราะห์กรรมแทนก็คือครอบครัวของผู้ก่อเหตุ เห็นไหมว่าแกนนำกลุ่มขบวนการไม่เคยดูแลใยดีต่อพวกท่านเลย  เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วพวกท่านยังจะให้ความร่วมมือกับกลุ่มขบวนการอยู่อีกหรือ ?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น