เกิดเหตุการณ์ความรุนแรงบ่อยครั้งขึ้นในช่วงนี้ อาจจะเนื่องมาจากใกล้เดือนรอมฎอนก็เป็นได้
โดยกลุ่มขบวนการเชื่อกันว่า “ฆ่าคนในเดือนรอมฎอนแล้วจะได้บุญ”
ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดๆ มันคือคำลวงจากแกนนำกลุ่มขบวนการที่ต้องการให้ก่อเหตุ
สร้างสถานการณ์ในแต่ละวันเท่านั้นเอง
เมื่อเวลา 19.45
น.วันที่ 11 พ.ค.61 เกิดเหตุที่ หมู่ 5 ต.บาเจาะ จึงรุดไปสอบสวน
ทราบชื่อนายมุตาอาลี ดีสะเอะ อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20 หมู่ 6 ต.เขื่อนบางลาง
อ.บันนังสตา จว.ยะลา ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด ที่ใบหน้าและตามร่างกายจำนวน 3
นัด นอนเสียชีวิตยู่ในห้องฉุกเฉิน จากการสอบสวนทราบว่า
ก่อนเกิดเหตุตอนหัวค่ำที่ผ่านมา นายมุตาอาลี ดีสะเอะ ได้ขับขี่รถ จยย. ออกจากบ้านพัก
เดินทางไปละหมาดที่มัสยิดดารูลฮีดา บ้านคอลอกาเอ หมู่ 5 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา
จว.ยะลา หลังละหมาดเสร็จนายมุตาอาลี ได้เดินออกจากมัสยิดตรงไปยังที่จอดรถ
จยย.บริเวณหน้ามัสยิด มีคนร้ายเป็นชายฉกรรจ์ไม่ทราบจำนวน
มาดักรออยู่ในบริเวณดังกล่าว ได้เดินเข้าไปใช้อาวุธปืนจ่อยิงนายมุตาอาลี
ติดต่อกันหลายนัด กระสุนถูกนายมุตาอาลีจนล้มลง คนร้ายได้ยิงซ้ำที่ใบหน้าอีก 1
นัดให้แน่ใจว่าไม่รอด หลังจากนั้นจึงได้พากันขึ้นรถ จยย.ขับขี่ หลบหนีไปทาง
ต.ตลิ่งชัน อย่างรวดเร็ว
ซึ่งก็น่าจะเป็นฝีมือของทีมงูเต๊ะ
(ทีมมือปืน) ของกลุ่มขบวนการฯ เพราะเนื่องจากนายมุตาอาลี เป็นประธานชมรมพาคนกลับบ้านของอำเภอบันนังสตา
ทำหน้าที่ติดต่อญาติผู้หลงผิดให้ชักนำผู้หลงผิดเข้ารายงานตัวต่อทางการ
เพื่อเข้าโครงการพาคนกลับบ้าน กลุ่มขบวนการฯ จึงจำเป็นที่จะต้องตามล่าสังหาร
เพื่อไม่ให้ดึงแนวร่วมฯ หรือมวลชนส่วนที่เหลือเข้ากับฝ่ายรัฐได้มากไปกว่านี้
ถึงแม้นายมุตาอาลี จะเป็นมุสลิมก็ตาม
ทั้งยังมีสื่อแนวร่วมช่วยกันโพสต์ข้อความขัดขวางการเข้าร่วมโครงการฯ ของผู้หลงผิด
โดยอ้างว่า “จะตามไปฆ่าครอบครัว” “ถ้ามอบตัวจะเป็นบาป” (มันบาปยังไง
ผมก็ยังไม่เข้าใจ) แต่ก็มีบางคนที่ยังเชื่อคำเหล่านั้นอยู่ แต่บางคนก็สำนึกและคิดได้เองว่ามันเป็นเพียงการบิดเบือนของขบวนการ
ย้อนไปดูเหตุการณ์ที่ผ่านๆมา
ทีมงูเต๊ะอาละวาดไม่เว้นแต่ละวัน หนักสุดก็ในห้วงเดือนรอมฎอน เพราะถูกปลูกฝังจากแกนนำกลุ่มขบวนการ
โดยเชื่อกันว่าฆ่าคนแล้วได้บุญ ถึงสวรรค์เร็วขึ้น แกนนำขบวนการส่วนใหญ่ จะไม่ลงมือปฏิบัติด้วยตนเอง
มันจะมุดหัวอยู่ในรู จากนั้นก็สั่งการให้ทีมงูเต๊ะออกล่าเหยื่ออย่างโหดเหี้ยม
ป่าเถื่อน ไร้มนุษยธรรม โดยไม่สนว่าจะเป็นคนไทยพุทธหรือคนไทยมุสลิม
แถมมีสื่อที่เป็นแนวร่วม
ลงข่าวบิดเบือนโยนความผิดให้เจ้าหน้าที่รัฐว่าเป็นผู้ก่อเหตุเสียเอง
กี่ชีวิตแล้วที่ต้องสูญเสียให้กับคำว่า
“เอกราช(จอมปลอม)” ที่กลุ่มขบวนการสร้างขึ้นมา เพื่อหวังจะหุบเอาทรัพยากรทางธรรมชาติ
ทั้งแหล่งน้ำมัน แร่ธาตุต่างๆ มากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นผลประโยชน์ทั้งสิ้น
เลยยกคำว่า “เอกลักษณ์ทางชาติพันธุ์มลายู” ขึ้นมาเรียกร้องขอแบ่งแยกดินแดน
สุดท้ายก็หวังแค่เพียงว่าแนวร่วมที่ยังหลงเหลือและหลบหนีอยู่
จะกลับตัวกลับใจ ในช่วงเดือนรอมฎอนที่จะถึงนี้ เพราะเดือนรอมฎอนคือเดือนแห่งสันติ
เดือนอันประเสริฐ เดือนแห่งการให้อภัย เดือนแห่งการละเว้นบาปทั้งปวง
จงตั้งใจละหมาดและขอพรจากพระเจ้าให้มากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น