11/07/2561

รัฐเปิดช่องทางให้ผู้หลงผิดมอบตัว

แนวทางการดำเนินคดีความมั่นคงสำหรับพนักงานอัยการในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2523 ตาม มาตรา 21 พนักงานอัยการมีอิสระในการพิจารณาสั่งคดี การปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ และตามกฎหมายโดยสุจริต เที่ยงธรรม


ลมใต้ สายบุรี
การใช้อำนาจตามมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2523
ถ้าหากพนักงานอัยการเห็นว่า การฟ้องคดีอาญาจะไม่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน หรือจะมีผลกระทบ ต่อความปลอดภัยหรือความมั่นคงของชาติ หรือผลประโยชน์อันสำคัญของประเทศให้เสนอ ต่ออัยการสูงสุด และอัยการสูงสุดมีอำนาจสั่งไม่ฟ้อง ทั้งนี้ ตามระเบียบที่สำนักอัยการสูงสุดกำหนด โดยความเห็นชอบของ ก.อ. (คณะกรรมการอัยการตามกฎหมายว่าด้วยระเบียบข้าราชการฝ่ายอัยการ) ให้นำความในวรรคสองมาใช้บังคับกรณีที่พนักงานอัยการไม่ยื่นคำร้องไม่อุทธรณ์ ไม่ฎีกา ถอนฟ้อง ถอนคำร้อง ถอนอุทธรณ์ และถอนฎีกา ด้วยโดยอนุโลม
การใช้อำนาจตามมาตรา 21 แห่ง พ.ร.บ.องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2523 เป็นการใช้อำนาจของอัยการสูงสุด เป็นอำนาจทางการบริหาร จะไม่ผูกติดกับอำนาจตุลาการ การสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีความมั่นคงของอัยการสูงสุด ถ้าเห็นว่าการฟ้องจะไม่เป็นประโยชน์แก่สาธารณชน หรือจะมีผลกระทบต่อความปลอดภัย หรือความมั่นคงของชาติจะต้องผ่านการพิจารณาจาก ผอ.รมน.ภาค 4 แล้ว เห็นว่าบุคคลนั้นกระทำไปเพราะหลงผิด และสัญญาว่าจะกลับใจ จะไม่เข้าร่วมขบวนการและสามารถที่จะดึงคนในขบวนการและเพื่อนออกมาได้ อัยการสูงสุด สามารถถอนฟ้องได้ เรื่องทางคดีอาญาเป็นอันยุติ การสั่งไม่ฟ้อง ดังกล่าวจะเป็นประโยชน์ต่อ โครงการพาคนกลับบ้าน โดยจะต้องผ่านความเห็นชอบจาก ผอ.รมน.ภาค 4 จะเป็นส่วนสนับสนุนให้ ผกร. หรือผู้ที่หลงผิดสามารถเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านมากขึ้น ส่วนผู้ที่ให้ความร่วมมือ ผู้ที่ให้ข้อเท็จจริงกับรัฐ ศาลรับฟังและลดโทษให้ ที่ผ่านมาหลายคดีผู้ที่ไม่ยอมรับสารภาพในชั้นซักถาม มีการส่งตัวฟ้องศาลดำเนินคดีจนกระทั่งมีการต่อสู้ในชั้นศาลผลการพิจารณาคดี
ถึงที่สุดศาลจะไม่มีเหตุลดโทษให้
หากจะฟังเสียงสะท้อนของชาวไทยพุทธในพื้นที่ซึ่งในห้วงที่ผ่านมาไม่เห็นด้วยกับโครงการพาคนกลับบ้าน จากการที่ พลโทพรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้เดินสายพบปะชาวไทยพุทธเพื่อรับฟังปัญหาในด้านต่างๆ ซึ่งตัวแทนกลุ่มไทยพุทธได้มีการเสนอแนะข้อคิด โครงการพาคนกลับบ้าน ว่าเห็นด้วยแต่ขอให้มีการพิจารณาด้วยการใช้กฎหมายเป็นรายๆ ไป เป็นการช่วยให้ปัญหาไฟใต้ได้บรรเทาลง เพราะกลุ่มแนวร่วมจำนวนหนึ่งต้องการกลับมาใช้ชีวิตเช่นคนปกติทั่วไป แต่ติดขัดที่มีคดีความติดตัว และเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรมจากเจ้าหน้าที่รัฐและกระบวนการยุติธรรม เมื่อมีการเปิดช่องทางนี้จะช่วยสร้างความมั่นใจให้ผู้หลงผิดต้องการมอบตัวมากขึ้น
จึงขอบอกกล่าวไปยัง พ่อแม่ พี่น้อง ญาติผู้ที่หลงผิด ผู้ที่กำลังหลบหนี ผู้ที่มีคดีความมั่นคงติดตัว หมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน หมาย ป.วิอาญา รัฐได้ช่องทางให้บุคคลเหล่านั้นรายงานตัวแสดงตนเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน เพื่อการพิสูจน์ตนเอง พิสูจน์ความจริงในชั้นศาล หากให้ความร่วมมือ ให้ข้อเท็จจริงกับรัฐจะได้รับการลดโทษ ไม่ต้องหลบหนีกลับมาอยู่กับครอบครัวดั่งเช่นคนปกติ การใช้ พ.ร.บ. องค์กรอัยการและพนักงานอัยการ พ.ศ.2523 อัยการสูงสุด มีอำนาจตาม มาตรา 21 ที่จะสั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาคดีความมั่นคงได้ ตามที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น ตลอดจนการถอนฎีกาคดีความมั่นคงได้ทั้งหมด ซึ่งผ่านการพิจารณาเห็นชอบจาก ผอ.รมน.ภาค 4 แล้วโดยการใช้อำนาจนี้เป็นของอัยการสูงสุดแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น จะมอบหมายให้คนอื่นทำแทนไม่ได้มีระเบียบ วิธีการ ที่ต้องมีการเสนอตามลำดับขั้นตอน ซึ่งหากผู้ต้องหาที่สั่งไม่ฟ้องไปแล้ว กระทำผิดซ้ำอีกก็จะถูกดำเนินคดีในทันที ไม่มีการยกเว้น ซึ่งก็เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่รัฐได้เปิดช่องทางให้ผู้หลงผิดมอบตัวเพื่อเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้าต่อไป.
……………………………………………………………

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น