กรณีเพจ: สำนักสื่อ Wartani
ได้ทำการโพสต์ข้อความ “ควบคุมตัวอาสาสมัครเครือข่ายตัดเย็บองค์กร Perwani (องค์กรผู้หญิงปาตานี)” เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่
25 ตุลาคม 2561 เวลา 14.00 น. โดยประมาณ เจ้าหน้าที่สามฝ่าย นำโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ
สภ.นราธิวาส หน่วยทหารพราน ฉก.ตันหยงมัส และฝ่ายปกครอง ประมาณ 15 คันรถ ไม่ทราบจำนวนกำลังพลที่แน่นอน
ได้สนธิกำลังเข้าปิดล้อมบ้านเลขที่ 59 ม.4 ต.บองอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส โดยได้แสดงตัวขอตรวจค้นภายในบ้าน และเชิญสมาชิกที่มีอยู่ภายในบ้านขณะนั้น ออกนอกบ้านขณะเจ้าหน้าที่ทำการตรวจคนภายในบ้านทั้งหมด
เพจ: สำนักสื่อ Wartani ยังได้สาธยายต่อไปอีกว่าจากการตรวจค้นไม่พบสิ่งต้องสงสัยหรือสิ่งผิดกฎหมายใดๆ แต่เจ้าหน้าที่ได้ยึดโทรศัพท์ไว้จำนวน 1 เครื่อง โดยโทรศัพท์ดังกล่าวเป็นของน้องชายเจ้าของบ้านที่เสียชีวิตไปแล้ว เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวเจ้าของบ้านคือ
นางสาวคอลีเยาะ เจ๊ะหลง ไปยัง ฉก.ตันหยงมัส เพื่อทำการซักถามข้อมูล จากนั้นได้ส่งตัวไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร
จ.ปัตตานี เพื่อขยายผลเพิ่มเติม ในเวลาประมาณ 18.00 น. ของวันเดียวกันโดยเบื้องต้น
ณ ตอนนี้ นางสาวคอลีเยาะ เจ๊ะหลง ยังคงถูกควบคุมตัวที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร
จ.ปัตตานี ยังไม่ทราบชะตากรรม
การโพสต์ดังกล่าวของเพจ: สำนักสื่อ Wartani
ต้องการทำลายความชอบธรรมในการบังคับใช้กฎหมายของเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมตัว
นางคอลีเยาะ เจ๊ะหลง ซึ่งเป็นสุภาพสตรีย่อมมีความอ่อนไหวต่อความรู้สึก โหมด้วยการโฆษณาชวนเชื่อเพื่อชี้นำทางความคิดให้ผู้ที่ติดตามข่าวสารคล้อยตาม
บรรยากาศเวทีเปิดเผยความจริง
เมื่อวันที่
6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ได้จัดเวที “เปิดเผยความจริง” กรณีการเชิญตัว นางคอลีเยาะ เจ๊ะหลง ไปยังศูนย์ซักถาม ขกท.สน.จชต. ค่ายอิงคยุทธบริหาร
ต.บ่อทอง อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม
2561 โดยมีเจ้าหน้าที่ภาครัฐ ผู้นำศาสนา ญาติของ นางคอลีเยาะ
และชาวบ้านในชุมชนเข้าร่วมรับฟังประมาณ 200 คน ณ มัสยิด บ้านบองอ ม.4 ต.บองอ อ.ระแงะ
จ.นราธิวาส เพื่อชี้แจงเหตุผลที่เจ้าหน้าที่มีความจำเป็นต้องควบคุมตัว นางคอลีเยาะ เนื่องจากต้องสงสัยว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงเหตุการณ์คนร้ายลอบยิง
นายอาหามะ ฮะซา เสียชีวิตในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2561 โดยอาศัยอำนาจตามความใน มาตรา 8 และ 15 ทวิ แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พ.ศ.2457
ในการเปิดเวทีเริ่มต้นจาก ผู้การ ฉก.ทพ.45 ได้อธิบายให้ทราบถึงสาเหตุของการควบคุมตัว“เยาะ” ไปทำการซักถามเพราะสาเหตุมาจากโทรศัพท์ที่เยาะเอาของน้องชายที่เสียชีวิตไปแล้วมาใช้
เมื่อมีการตรวจสอบทางเทคนิคพบว่ามีความเชื่อมโยงกับแกน ผกร.
จึงต้องมีการเชิญตัวเพื่อให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่ จากนั้น“เยาะ”ได้เล่าในระหว่างที่ถูกควบคุมตัวได้รับการดูแลเป็นอย่างดีในระหว่างการดำเนินการซักถาม
ซึ่งไม่คิดว่าจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดีเช่นนี้ ในเวทีเยาะได้มีคำถามกับผู้การว่าจะมีการเชิญตัวเยาะเข้าไปซักถามอีกหรือไม่? ผู้การ ฉก.ทพ.45 ได้อธิบายว่าหากไม่มีหลักฐานความเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้องการร่วมก่อเหตุรุนแรงหรือการร่วมสนับสนุน ผกร. เพื่อก่อกวนหรือทำให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่ก็ไม่จำเป็นต้องเชิญ แต่ครั้งนี้ที่เชิญเพราะมีความเชื่อมโยงจากโทรศัพท์ดังกล่าวซึ่งเป็นของน้องชายเยาะซึ่งมีความเชื่อมโยงกับแกนนำ ผกร. จึงทำให้ต้องเชิญตัวเพื่อซักถามว่าเยาะมีส่วนรู้เห็นกับ ผกร.อย่างไร? เวทีเปิดเผยความจริงที่จัดขึ้นในครั้งนี้ทำให้ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนและผู้ร่วมรับฟังได้ทราบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว และได้ทราบถึงกระบวนการของ ผกร. ที่หลอกใช้คนที่รู้ไม่เท่าทันต้องคอยสนับสนุน ผกร. อย่างไม่เต็มใจ
ซึ่งไม่คิดว่าจะได้รับการดูแลเอาใจใส่จากเจ้าหน้าที่เป็นอย่างดีเช่นนี้ ในเวทีเยาะได้มีคำถามกับผู้การว่าจะมีการเชิญตัวเยาะเข้าไปซักถามอีกหรือไม่? ผู้การ ฉก.ทพ.45 ได้อธิบายว่าหากไม่มีหลักฐานความเชื่อมโยงที่เกี่ยวข้องการร่วมก่อเหตุรุนแรงหรือการร่วมสนับสนุน ผกร. เพื่อก่อกวนหรือทำให้เกิดความไม่สงบในพื้นที่ก็ไม่จำเป็นต้องเชิญ แต่ครั้งนี้ที่เชิญเพราะมีความเชื่อมโยงจากโทรศัพท์ดังกล่าวซึ่งเป็นของน้องชายเยาะซึ่งมีความเชื่อมโยงกับแกนนำ ผกร. จึงทำให้ต้องเชิญตัวเพื่อซักถามว่าเยาะมีส่วนรู้เห็นกับ ผกร.อย่างไร? เวทีเปิดเผยความจริงที่จัดขึ้นในครั้งนี้ทำให้ผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชนและผู้ร่วมรับฟังได้ทราบถึงข้อเท็จจริงดังกล่าว และได้ทราบถึงกระบวนการของ ผกร. ที่หลอกใช้คนที่รู้ไม่เท่าทันต้องคอยสนับสนุน ผกร. อย่างไม่เต็มใจ
เยาะขอให้คนในชุมชนได้เข้าใจในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และได้ทราบถึงการเชิญตัวไปซักถาม จนบัดนี้ได้กลับมาบ้านใช้ชีวิตอย่างปกติสุขแล้ว
โดยผู้การขอให้ทุกคนในชุมชนได้ช่วยกันมิให้ ผกร.มาหลอกใช้หรือเบียดบังผลประโยชน์ของคนในชุมชนไปใช้สนับสนุนขบวนการ
หน่วยงานภาครัฐได้โอกาสเปิดช่องทางให้ผู้ที่เคยกระทำความผิดหรืออาจจะหลงผิดรายงานตัวแสดงตนเพื่อเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน
ทุกคนย่อมเคยผิดพลาดแต่หากสำนึกยอมรับในสิ่งที่เคยทำมา
ชุมชนและสังคมพร้อมที่จะให้โอกาสให้อภัยในสิ่งที่ได้กระทำมาในอดีต
เพื่อให้ผู้ที่เคยกระทำความผิดเหล่านั้นกลับมาเป็นคนดีของชุมชนของสังคม สามารถกลับมาใช้ชีวิตเยี่ยงคนปกติดำรงตนอย่างปกติสุขในครอบครัวของตน
กรณีบทเรียนนางคอลีเยาะ เจ๊ะหลง ในครั้งนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่หลงเข้าไปอาจรู้ไม่เท่าทัน
แต่เมื่อยอมรับผิดชุมชนก็พร้อมให้อภัย
เพราะฉะนั้นบทบาทสำคัญยิ่งของชุมชนในการมีส่วนร่วมปกป้องจะต้องสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชุมชน
ไม่ให้กลุ่ม ผกร. ชักจูงหลอกใช้ตกเป็นเครื่องมือสนับสนุนการกระทำความชั่วด้วยการก่อเหตุเข่นฆ่าพี่น้องประชาชนด้วยกันเองอีกต่อไป
ส่วนการนำเสนอข้อมูลที่ไม่รอบด้านของเพจ: สำนักสื่อ Wartani ขอให้ผู้อ่านได้ใช้ความรอบคอบในการเชื่อถือตามที่เสนอข่าวหรือไม่!!
----------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น