‘แบมะ ฟาตอนี’
“กฎหมายนำ
การทหารตาม การเมืองขยาย”
จากนโยบายของผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช
ในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาไฟใต้ ใครกระทำความผิดจะต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย เสมอภาค
เท่าเทียม ไม่มีการเลือกปฏิบัติ
เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2559 ศาลจังหวัดปัตตานี ได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกา
พิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นายมูฮำหมัดซอบรี หรือเต๊ะโซ๊ะหรือซัน หะยีมามุ ในฐานความผิด เกี่ยวกับการก่อการร้าย อั่งยี่
ซ่องโจร ลอบวางระเบิด ตามหมายเลขคดีดำที่ 2374/2557 คดีแดงที่
810/2558 เหตุเกิดในพื้นที่ สภ.เมืองปัตตานี
นายมูฮำหมัดซอบรี
หรือ เต๊ะโซ๊ะ หรือซัน หะยีมามุ ได้ทำการก่อเหตุลอบวางระเบิดหน้าร้านน้องเฟิร์น
ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 7 คน เหตุเกิดในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2550
การต่อสู้ทางคดี
นายมูฮำหมัดซอบรี หรือ เต๊ะโซ๊ะ หรือซัน
หะยีมามุ โดยศาลชั้นต้นได้มีคำพิพากษาคดีก่อการร้าย เลขคดี 2374/57 เมื่อ
27 มีนาคม 2558 สั่งให้จำคุกตลอดชีวิต ส่วนในศาลอุทรณ์ ได้มีการพิจารณาคดียกฟ้อง จนกระทั่งศาลฎีกาจังหวัดปัตตานีได้มีคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต
นายมูฮำหมัดซอบรี หะยีมามุ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2559 เป็นอันปิดฉากอิสรภาพของนายมูฮำหมัดซอบรีฯ ต้องเข้าไปชดใช้ความผิดกับผลที่ตัวเองได้ก่อไว้ในเรือนจำ
จะเห็นได้ว่าในระยะหลังๆ
มานี้ประชาชนเริ่มเบื่อหน่ายต่อความรุนแรง เอือมระอาต่อการกระทำที่สุดโต่ง
ไร้มนุษยธรรม ไม่มีความปราณีของผู้ก่อเหตุรุนแรงที่อ้างตัวว่าเป็นนักรบฟาตอนี RKK โดยจะเห็นได้ว่าประชาชนเริ่มให้ความร่วมมือในการแจ้งเบาะแสความเคลื่อนไหวของกลุ่ม
ผกร.
มากขึ้นตามลำดับส่งผลให้การติดตามจับกุมผู้ที่กระทำความผิดมาลงโทษได้จำนวนหลายสิบรายในห้วงที่ผ่านมา
ในส่วนของการบังคับใช้กฎหมายยังคงมีมาตรการปฏิบัติเชิงรุกในการติดตามจับกุมผู้กระทำผิดเพื่อนำตัวมาลงโทษตามตัวบทกฎหมายอย่างต่อเนื่อง
เพื่อให้กฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์และบังคับใช้กับผู้ที่ละเมิด
นายมูฮำหมัดซอบรี
หยีมามุ ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวเมื่อ 7 พฤษภาคม 2557 โดยเจ้าหน้าที่ทหาร ณ บริเวณบ้านเช่าไม่มีเลขที่ หมู่ที่ 2 ตำบลบางเขา อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี
พฤติกรรมของนายมูฮำหมัดซอบรีฯ
เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการในการลอบวางระเบิด และเป็นบุคคลตามหมายจับ
ป.วิอาญา ที่ 15/51 ลง 4 มกราคม 2551
สภ.เมืองปัตตานี ข้อหาร่วมกันฆ่า และพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
โดยร่วมกันทำให้เกิดระเบิด จากเหตุลอบวางระเบิดหน้าร้านข้าวต้มน้องเฟิร์น
ส่งผลให้ประชาชนเสียชีวิต 7 คน เหตุเกิดในพื้นที่อำเภอเมือง
จังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2550
จากผลการซักถาม
นายมูฮำหมัดซอบรีฯ ให้การยอมรับว่าระหว่างเข้ารับการศึกษาในโรงเรียนเตรียมศึกษา
ตนเองได้ทำการซูมเปาะ โดย อุซตาซ พร้อมกับผู้ก่อเหตุรุนแรงคนสำคัญหลายคน อย่างเช่น นายมะซอเร ดือรามะ และได้ผ่านการฝึก RKK มาแล้ว
นายมูฮำหมัดซอบรีฯ
ให้การยอมรับว่าตนเองก่อเหตุลอบวางระเบิดหน้าร้านข้าวต้มน้องเฟิร์นจริง
โดยทำหน้าที่ขับรถจักรยานยนต์ประกอบระเบิดไปจอดยังที่เกิดเหตุ
อีกทั้งยังให้การที่เป็นประโยชน์ ทำการซัดทอดผู้ร่วมก่อเหตุในครั้งนี้อีก 3 คนด้วยกัน คือ นายสุริยา พินนาคบุตร, นายอัสมีน
กาเด็นมาตี และนายฮากีม ดอเลาะ ซึ่งบุคคลทั้งหมดที่ถูกซัดทอดเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้เมื่อ
6 ธันวาคม 2550
จากคำรับสารภาพของนายมูฮำหมัดซอบรีฯ
ดังกล่าว หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43
ได้ประสานพนักงานสอบสวน สถานีตำรวจภูธรเมืองปัตตานีมาบันทึกคำให้การ
ต่อหน้าทนายความและผู้นำทางศาสนา รวมถึงนำตัวไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังสถานที่เกิดเหตุ
ในเวลาต่อเจ้าหน้าที่ได้ออก
พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ส่งตัวนายมูฮำหมัดซอบรีฯ ไปควบคุมตัวยังศูนย์พิทักษ์สันติฯ
และในเวลาต่อมานายมูฮำหมัดซอบรีฯ ได้กลับคำให้การ
และยังทำหนังสือร้องเรียนว่าตนเองโดนเจ้าหน้าที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ซ้อมทรมานจนกระทั่งตนเองต้องยอมรับสารภาพ แต่ศาลไม่รับคำฟ้อง
ในเวลาต่อมาพนักงานสอบสวนได้ส่งตัวนายมูฮัมหมัดซอบรีฯ
ดำเนินคดีแต่เจ้าตัวยังคงให้การปฏิเสธในทุกชั้นศาล จนกระทั่งศาลฎีกาจังหวัดปัตตานีได้มีคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต
นายมูฮำหมัดซอบรี หะยีมามุ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2559
จากคำตัดสินของศาลจังหวัดปัตตานี
ทุกขั้นตอนของกระบวนยุติธรรมมีความโปร่งใส
ซึ่งได้ตัดสินกันไปตามพยานหลักฐานมาประกอบการพิจารณาคดี
แต่ที่สำคัญคือการยอมรับสารภาพในขั้นตอนการซักถามของเจ้าหน้าที่ซึ่งได้มีการบันทึกคำให้การพร้อมกับบันทึกเทปไว้เป็นหลักฐานต่อหน้าทนายความและผู้นำทางศาสนาโดยไม่มีการบังคับขู่เข็นใดๆ
ทั้งสิ้น ถึงแม้จะกลับคำให้การในตอนหลังเพื่อลบล้างการรับสารภาพก็ไม่เป็นผลใดๆ
การก่อเหตุของนายมูฮัมหมัดซอบรีฯ
ในครั้งนั้น ส่งผลกระทบต่อครอบครัวของผู้เสียชีวิตทั้ง 7 ราย มีหลายชีวิตซึ่งเป็นสมาชิกในครอบครัวต้องเจ็บปวด
บ้างขาดเสาหลักขาดผู้นำในครอบครัวไป
ที่สำคัญต้องมาสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ...คำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิตที่ศาลได้ลงอาญาเหมาะสมแล้วกับการกระทำ
แต่ผู้เขียนคิดว่าศาลยังให้ความปราณีต่อผู้ต้องหาอยู่เมื่อเปรียบเทียบกับอีก 7 ชีวิตที่ตายจากน้ำมือการกระทำของเขา...
แล้วเมื่อไหร่ความสันติสุขที่ทุกคนใฝ่หาจะเป็นจริงสักที!!!
ในเมื่อกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงยังคงเดินหน้าก่อเหตุสร้างสถานการณ์อยู่เช่นนี้
ผู้ที่เดือดร้อนคือประชาชนปาตานี ต้องมารับผลกระทบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ต้องตกเป็นเหยื่อความรุนแรงของโจรใต้ฟาตอนีอยู่เนืองๆ อีกฝากฝั่งหนึ่งครอบครัวโจรใต้ฟาตอนีก็เช่นเดียวกันได้รับความเดือดร้อนไม่หยิ่งหย่อน
และแตกต่างกับครอบครัวผู้ที่ถูกกระทำเท่าไหร่นัก!!
------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น