แบมะ ฟาตอนี
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 5
สิงหาคม 2556 ช่วงเวลาจะออกปอซอผู้คนพลุกพล่านต่างออกจากบ้านเรือนเพื่อไปจับจ่ายซื้อข้าวของเตรียมนำกลับมารับประทานอาหารร่วมกันภายในบ้านที่สมาชิกในครอบครัวต่างรออยู่
จากการถือศีลอดในเดือนรอมฎอน เช่นเดียวกับ นายยะโก๊บ หร่ายมณี
โต๊ะอิหม่ามประจำมัสยิดกลางปัตตานี กำลังก้มหน้าก้มตาจับจ่ายซื้อหาอาหารบริเวณตลาดหน้าชุมชน
วอกะห์เจะหะ ถนนยะรัง ซอย ๖ ต.จะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี โดยไม่รู้ตัวว่ามีกลุ่มคนร้ายตามประกบหมายเอาชีวิตอยู่
สิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดและไม่อยากให้เกิด
ทันใดนั้นเสียงปืนได้ดังลั่นกลางตลาดนัดจะบังติกอ อ.เมือง จ.ปัตตานี พร้อมๆ กับเสียงหวีดร้องของผู้คน
หลังสิ้นเสียงปืนร่างของนายยะโก๊บ
หร่ายมณี อิหม่ามประจำมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี
นอนแน่นิ่งจมกองเลือดเสียชีวิตท่ามกลางฝูงชนที่กำลังมุงดู ผลจากการปฏิบัติการก่อเหตุอย่างเลือดเย็นของกลุ่มคนร้ายที่ตามประกบยิงอิหม่ามไม่เว้นแม้กระทั่งในเดือนรอมฏอน
เดือนแห่งการทำความดี ความรู้สึกของผู้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งที่เป็นชาวไทยพุทธและมุสลิมต่างรับรู้ถึงความสูญเสียบุคลากรที่ทรงคุณค่าทางศาสนาซึ่งเป็นที่เคารพรักใคร่ของประชาชนทั่วไป
พร้อมด้วยคำถามที่ตามมามากมายในทำนอง ใครเป็นคนทำ ทำทำไม และหนทางแห่งสันติภาพที่ทุกคนโหยหาจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่
เมื่อแม้แต่อิหม่ามซึ่งเปรียบเสมือนผู้นำทางจิตวิญญาณของพี่น้องมุสลิมยังต้องมาถูกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงกระทำเช่นนี้
กระแสการสร้างข่าวของฝ่ายขบวนการ
กรณีการเสียชีวิตของอิหม่ามยะโก๊บในครั้งนั้น แน่นอนว่าไม่พ้นการใส่ร้ายป้ายสีว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ
แต่ไม่สามารถจุดชนวนและสร้างกระแสตามที่ฝ่ายขบวนการอยากให้เป็นได้ เนื่องจากโดนคัดค้านจากจากสังคมอย่างรุนแรง
จากการกระทำที่อุกอาดต่อหน้าผู้คนและเย้ยกฎหมาย บวกกับการสร้างกระแสข่าวบิดเบือนความจริงไร้ซึ่งหลักฐาน
ประกอบกับห้วงที่อิหม่ามยะโก๊บยังมีชีวิตอยู่ท่านได้อุทิศตนทำงานเพื่อสังคม ท่านเป็นคนดีเป็นที่รักใคร่ของผู้คน
ให้ความช่วยเหลือทางราชการด้วยจิตอาสามีความมุ่งมั่นและคาดหวังที่จะให้เกิดสันติสุขในพื้นที่อย่างแท้จริง
จนนำไปสู่การได้รับโล่ห์รางวัลประกาศเกียรติคุณความดีมากมาย ส่งผลให้ความพยายามของฝ่ายขบวนการไม่บังเกิดผล
การจากไปไม่มีวันกลับของอิหม่ามยะโก๊บ
ไม่ได้สูญเปล่า เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้รับผิดชอบคดีได้สืบสวนจนทราบว่ามีคนร้ายร่วมทำการก่อเหตุด้วยกัน 4 คน
ไม่ทราบชื่อ 1 คน และได้ออกหมายจับทันที จำนวน 3 คน คือ นายมาฮูเซ็น แมฮะ
นายอาดือนัน สิเดะ และนายมูฮำหมัด กาซอ
ถัดจากนั้นประมาณเดือนครึ่งสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้จำนวน 1 คน คือนายมาฮูเซ็น
แมฮะ ในชั้นสอบสวนผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ
เจ้าหน้าที่จึงได้ร้องขอฝากขังต่อศาลจังหวัดปัตตานี เมื่อวันที่ 28 กันยายน 2556
ในเวลาต่อมาพนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนคดี
มีความเห็นว่า สั่งฟ้องนายมาฮูเซ็น แมฮะ กับพวก ในข้อหา
ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนในที่สาธารณะ
โดยส่งฟ้องที่ ศาลจังหวัดปัตตานี คดีอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล ส่วนผู้ต้องหาอีก
2 คน ยังคงหลบหนี
เจ้าหน้าที่ยังคงใช้ความพยายามติดตามนำตัวมาลงโทษตามกระบวนการยุติธรรมจากการกระทำความผิดที่ได้ก่อขึ้น
กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
หรือกลุ่มผู้ที่คิดต่างกลุ่มไหนก็แล้วแต่ หากดูการกระทำที่ได้ลงมือก่อเหตุต่อเป้าหมาย
ที่โหดร้าย ทารุณ ป่าเถื่อน และสุดโต่งเยี่ยงคนที่ไร้ศาสนา
พวกเค้าเหล่านั้นไม่สมควรที่จะได้รับการอภัยกับการกระทำที่ได้ก่อขึ้น
เช่นเดียวกันเมื่อเป็นผู้กระทำความผิด มีโทษอาญาทางบ้านเมือง
กระบวนการของกฎหมายจะต้องดำเนินไปตามขั้นตอนเพื่อนำผู้กระทำความผิดมาลงโทษให้ได้
ในขณะตกเป็นผู้ต้องหาและหนีการจับกุมต้องหลบๆ
ซ่อนๆ ไปจากครอบครัว บ้านเกิดเมืองนอน จากพ่อแม่ พี่น้อง แล้วกระทำไปเพื่ออะไรกัน
เพื่ออุดมการณ์ที่ไร้ตัวตนโดนแกนนำกลุ่มขบวนการหลอกใช้ไปวันๆ ชีวิตต้องลำบาก
เร่ร่อน แต่ตรงกันข้ามกับแกนนำอยู่สุขสบายเสวยสุขอยู่เมืองนอก
หลายชีวิตได้ก่อเกิด แต่อีกหลายชีวิตได้ดับไปก่อนวัยอันควรจากน้ำมือของผู้ก่อเหตุรุนแรงที่ยังคงพยายามสร้างสถานการณ์ร้ายรายวัน
วันแล้ววันเล่าถึงแม้กาลเวลาได้หมุนเวียนเปลี่ยนไป
เจ้าหน้าที่รัฐที่ลงมาปฏิบัติหน้าที่ต่างสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันลงมาดูแลชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
แต่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงก็ยังเป็นกลุ่มเดิมที่ได้ปฏิบัติการสร้างความเดือดร้อนอยู่ในพื้นที่ต่างกันตรงที่เวลา
แต่รูปแบบและยุทธวิธีในการก่อเหตุยังคงหมุนเวียนเปลี่ยนไปโดยการเปลี่ยนเป้าหมายที่จะเล่นงาน
หลังจากนั้นออกมาโฆษณาชวนเชื่อกล่าวหาว่าเป็นการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เป็นสูตรสำเร็จของขบวนการโจรใต้
BRN
วันที่ 5 สิงหาคม
2557 จะครบรอบ 1 ปี กับการจากไปของอิหม่ามยะโก๊บ หากการเสียชีวิตของท่านอิหม่ามที่ได้เสียชีวิตจากน้ำมือคนชั่ว
จะช่วยให้พี่น้องมุสลิมหลายๆคนหูตาสว่างขึ้น
หรือช่วยให้พี่น้องในพื้นที่ได้ครุ่นคิดสักนิดว่าแนวทางสันติภาพที่จะก่อเกิดในอนาคตจะเป็นเช่นไร
ท่านอิหม่ามยะโก๊บคงยินดีที่ความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงานของท่าน ภายใต้การสละชีวิตตนเองจะช่วยให้ทุกฝ่ายเข้าใจและมั่นใจได้ว่ามีผู้สืบทอดเจตนารมณ์ที่ดีของท่านต่อไป
แต่หากการเสียชีวิตของท่านมิได้ก่อเกิดหรือกระตุ้นปลุกเร้าให้พี่น้องในพื้นที่จังหวัดชายแดนใต้สำนึกถึงการมีส่วนร่วม
ธุระไม่ใช่ ปัญหาเป็นสิ่งไกลตัว ไม่ให้ความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาแล้ว อีกทั้งยังคงสนับสนุนความรุนแรง
ให้ความร่วมมือโจรใต้ BRN ในการสร้างความแตกแยกระหว่างคนไทยที่นับถือศาสนาพุทธและมุสลิมแล้ว
นี่จะเป็นการสูญเสียชีวิตของบุคลากรที่ทรงคุณค่าทางสังคม “อิหม่ามยะโก๊บ” คนดีของสังคมอย่างสูญเปล่า
***********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น