แบมะ ฟาตอนี
สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนรอมฎอน
หรือเดือนแห่งการถือศีลอดของพี่น้องมุสลิม
ยังคงมีเหตุรุนแรงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องซึ่งเป็นไปตามคาดการณ์ของหลายฝ่าย
แต่ไม่สามารถหยุดยั้งการกระทำของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้
เบื้องลึกผู้ทำการก่อเหตุได้รับใบสั่งจากแกนนำระดับสั่งการให้มุ่งทำการก่อเหตุเพื่อทำลายเป้าหมายอ่อนแอ
เด็กและสตรีเพื่อยกระดับปัญหาสู่เวทีสากล
เหตุคาร์บอมบ์นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
เมื่อวันพุธที่ 23
ก.ค.57 เวลา 16.40 น.
คนร้ายไม่ทราบจำนวนจุดชนวนระเบิดแสวงเครื่องที่ซุกไว้ในรถกระบะ (คาร์บอมบ์)
ซึ่งจอดไว้ใกล้กับบ่อนไก่ชน ซึ่งเป็นของนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่
ตั้งอยู่ในท้องที่บ้านห้วยเปรียะ หมู่ 3 ต.นาประดู่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี
แรงระเบิดทำให้มีผู้เสียชีวิต จำนวน 2
ราย คือ นางกฤษณา ขวัญเพชร อายุ 39 ปี และนางพินอม แซ่สิม อายุ 74 ปี และได้รับบาดเจ็บ 8
ราย รวม ด.ญ.เยาวดี ขวัญเพชร อายุ 12 ปี
เหตุคาร์บอมบ์หน้าโรงแรมฮอลิเดย์ฮิลล์
อ.เบตง จ.ยะลา
เย็นวันศุกร์ที่ 25 ก.ค.57 เกิดเหตุคาร์บอมบ์หน้าโรงแรมฮอลิเดย์ฮิลล์
กลางเมืองเบตง จ.ยะลา ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย
บาดเจ็บเกือบ 40 คน ได้สร้างความตื่นตระหนกของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
เหตุการณ์ในครั้งนี้มีผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย คือ น.ส.เพ็ญนภา ตุ่นห่อ อายุ 23
ปี และนายเดโช ดารีเยาะ อายุ 29 ปี ส่วนผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจำนวนหลายสิบคน มีทั้งเด็ก
สตรี และคนชรา ในส่วนของเด็กที่บาดเจ็บ และได้รับผลกระทบด้านจิตใจนำไปสู่ฝันร้ายชั่วชีวิตที่โดนกระทำจากกลุ่มผู้ก่อเหตุในครั้งนี้
จำนวน 2 ราย คือ ด.ญ.อัสมะ ดูบี และ ด.ญ.บัสริส ดูบี
เหตุลอบวางระเบิด
อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
เมื่อเวลา 21.15 น. วันที่ 27 ก.ค.57 กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงได้ลอบวางระเบิดเพื่อสังหารเจ้าหน้าที่ทหารพรานในพื้นที่หมู่
5 ต.กะดุนง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานร้อย.ทพ.4413 ได้รับบาดเจ็บจำนวน 2 นาย ส่วนประชาชนได้รับบาดเจ็บ 4 คน รายชื่อดังนี้
เจ้าหน้าที่ที่ได้รับบาดเจ็บ
1. ส.อ.พิทักษ์ บุญช่วย
2. อส.ทพ.ไซ
บุญทิสา
ส่วนชาวบ้านและเด็กที่เสียชีวิต
1. ด.ญ.อิติมา
สะเจะ อายุ 10 ขวบ (เสียชีวิต)
2. นางรุสนารี
กามา อายุ 34 ปี (บาดเจ็บ)
3. ด.ญ.นูฟาราช์
มะแซ อายุ 7 ขวบ (บาดเจ็บ)
4. ด.ญ.ไนฟา
มะแซ อายุ 18 เดือน (บาดเจ็บ)
กลุ่มขบวนการยังคงมุ่งก่อเหตุร้ายเดือนรอมฎอน
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้ง
3 เหตุ ในระยะเวลาไล่เลี่ยกันของวันที่ 23, 25 และ 27 ก.ค.57 พื้นที่เกิดเหตุนาประดู่-เบตง-สายบุรี
ต่างแค่เวลาและผู้ได้รับผลกระทบ แต่ผู้ลงมือทำการก่อเหตุยังคงเป็นกลุ่มเดิมที่เดินสายสร้างสถานการณ์
โดยได้รับใบสั่งจากแกนนำระดับสั่งการ เพื่อมุ่งทำลายความเชื่อมั่น
ทำลายระบบเศรษฐกิจของการค้าการลงทุน อีกทั้งทำลายความเชื่อถือของประชาชนที่มีต่อเจ้าหน้าที่รัฐในการดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
จะเห็นได้ว่าความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ผ่านมาและโดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่เกิดในเดือนรอมฎอน
กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงมุ่งหมายหมายเอาชีวิตต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์เป็นหลัก
โดยพุ่งเป้าไปยังเป้าหมายเด็กและผู้หญิงเป็นหลัก
เป้าหมายผู้ก่อเหตุรุนแรงต้องการลดความน่าเชื่อถือ
เพื่อนำปัญหาความขัดแย้งไปสู่เวทีสากล
ระดับแกนนำสั่งการต้องการอะไรจึงได้หันมาเล่นงานประชาชน
ต้องการยกระดับปัญหาเพื่อนำไปสู่เวทีสากลใช่หรือไม่?..มุ่งทำลายล้างชีวิตเด็กและผู้หญิงให้สื่อมวลชนนำเสนอข่าวสาร
พาดหัวข่าวใหญ่โตให้เป็นที่สนใจของผู้คนทั้งประเทศ และต้องการสื่อไปยังต่างประเทศ
โดยไม่สนใจใยดีต่อการกระทำที่ขาดความยั้งคิด ไม่มีศีลธรรม รับผิดชอบชั่วดี
ไม่เกรงกลัวต่อบาปที่ได้กระทำลงไปต่อพี่น้องปาตานีด้วยกัน
เพียงมุ่งหวังให้เป็นที่สนใจขององค์กรระหว่างประเทศ
การก่อเหตุของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง
หากพิจารณาอย่างถ่องแท้แล้วมีการเตรียมการวางแผนอย่างรัดกุมหากไม่ได้เปรียบจะไม่ลงมือปฏิบัติการโดยเด็ดขาด
กลุ่มผู้ก่อเหตุต้องการอะไรหรือ? นอกจากยกระดับปัญหาไปสู่เวทีสากลแล้ว ยังส่งผลลบต่อประชาชนในด้านสังคมจิตวิทยาที่น่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง
เนื่องจากการแสดงศักยภาพในการใช้กำลังในการก่อเหตุ
ส่งผลให้เกิดความสูญเสียทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน
โดยหน่วยงานความมั่นคงไม่สามารถคุ้มครองความปลอดภัยได้
ทำให้ประชาชนขาดความเชื่อมั่นต่อเจ้าหน้าที่รัฐไม่กล้าให้ความร่วมมือ
เป็นไปตามแผนที่ต้องการแย่งชิงมวลชน
ผู้ก่อเหตุรุนแรงมุ่งทำลายระบบเศรษฐกิจ
การลงมือก่อเหตุที่
อำเภอเบตง ทุกคนต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่มีโอกาสเกิดขึ้นสภาพโดยทั่วไปของอำเภอเบตง
มีประชากร 56,471 คน ประกอบด้วยคนไทยหลากหลายเชื้อชาติ
อยู่ร่วมกันอย่างพหุวัฒนธรรม เป็นคนไทยมลายูมุสลิมเกือบร้อยละ 50 คนไทยเชื้อสายจีน
(เช่น ฮกเกี้ยน แต้จิ๋ว จีนแคะ กวางไส) ร้อยละ 30 และคนไทยพุทธราวร้อยละ 20
อยู่ด้วยกันอย่างสงบสุข เกิดการผสมผสานกันระหว่างวัฒนธรรมที่หลากหลายได้อย่างลงตัว
ความชะล่าใจที่ต่างคิดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุไม่กล้าที่จะลงมือทำลายเมืองเศรษฐกิจ
วันนี้เห็นได้แล้วว่าตราบใดที่ขบวนการโจรใต้เหล่านี้ยังเคลื่อนไหวอยู่มีแต่สร้างความเดือดร้อนมุ่งทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า
ทำลายระบบเศรษฐกิจ ทำลายวิถีชีวิตการอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ก่อนหน้านี้
สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นเมืองเศรษฐกิจ ก็โดนเช่นเดียวกับอำเภอเบตงในวันนี้
แล้วเราจะให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีทีท่าจะสงบลงสักทีหรือ?
อย่าให้วัวหายแล้วล้อมคอก ค่อยคิดแก้ปัญหา ถึงเวลาแล้วที่ประชาชน
องค์กรทุกภาคส่วนหาวิธี หาทางออกของปัญหาร่วมกัน เพื่อยุติปัญหาความขัดแย้ง
ไม่เอาความรุนแรงทุกรูปแบบ
หากเป็นเช่นนั้นจริงขบวนการโจรใต้เหล่านี้ขาดท่อน้ำเลี้ยง ขาดแรงสนับสนุนค่อยๆ
เหี่ยวเฉาอ่อนแรงไปเอง เมื่อนั้นความผาสุกจะกลับคืนมา ณ ดินแดนด้ามขวานทองแห่งนี้
***********************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น