‘แบดิง โกตาบารู’
เนื่องจากประชาชนให้ความร่วมมือ
ไม่เอาความรุนแรง ประกอบศาสนกิจมุ่งกระทำแต่ความดี กระแส“รอมฎอนสันติสุข”ในปีนี้จากการรณรงค์ของหน่วยงานภาครัฐเพื่อลดการก่อเหตุรุนแรงของกลุ่ม
ผกร. ทั้งก่อนเข้าสู่เดือนรอมฎอน ในห้วงการถือศีลอด และเข้าสู่ 10
วันสุดท้ายของเดือน
สถิติการก่อเหตุได้ลดลงเมื่อเปรียบเทียบห้วงเวลาเดียวกันของปีก่อนๆ
แต่กลับมีกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงบางกลุ่มที่ไม่ยอมตอบรับกระแส
“แนวทางสันติวิธี” ของรัฐบาล
ยังคงเดินหน้าก่อเหตุทำความเปรอะเปื้อนให้กับเดือนรอมฎอนด้วยเสียงระเบิดและกลิ่นควันปืน
เลือด
และหยาดน้ำตาของผู้ที่สูญเสียยังคงหลั่งนองละเลงปลายด้ามขวานแห่งนี้มิได้เหือดหาย
สร้างความทุกข์ ความระทมให้กับผู้คนซ้ำแล้วซ้ำเล่า การกระทำของกลุ่ม
ผกร.ไร้ศาสนาที่ทำการก่อเหตุกลับสวนทาง สวนกระแสความต้องการของพี่น้องประชาชนชาวปาตานีที่ต้องการสันติสุขอย่างสิ้นเชิง
เดือนรอมฎอน เดือนแห่งการทำความดี
เดือนแห่งสันติทุกคนมีความสุขในการอยู่ร่วมกันภายใต้พหุวัฒนธรรม แต่กลับมีกลุ่ม
ผกร. ลงมือก่อเหตุบั่นทอนความรู้สึกและทำลายบรรยากาศของการเปิดพื้นที่การพูดคุย
แต่ถึงกระนั้นข่าวดีได้กลบกระแสข่าวร้ายได้เกิดสิ่งดีๆ ขึ้นในเดือนรอมฎอน เป็นการจุดประกายความหวังให้กับพี่น้องประชาชนวาดฝันสันติสุข
สันติภาพที่กำลังจะเกิดตามมา
การนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนเกือบทุกแขนง
ได้มีการปล่อยตัว “นายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ” อดีตแกนนำขบวนการพูโล
ซึ่งถูกตัดสินจำคุกด้วยข้อหาด้านความมั่นคง
ได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระหลังถูกคุมขังมาเป็นเวลา 18 ปี
โดยมีครอบครัวมารอรับอย่างอบอุ่นพร้อมขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้อิสระเป็นของขวัญรับวันฮารีรายอ
เมื่อ 17 ก.ค.58 เวลา 11.30 น.ที่ผ่านมา
นับเป็น “ข่าวดี” อีกข่าวหนึ่งของสถานการณ์ไฟใต้
นอกเหนือจากการเปิด “พื้นที่พูดคุย”ให้กับสหพันธ์นิสิตนักศึกษา นักเรียน และเยาวชนปาตานี (PerMAS) ได้พบปะพูดคุยกับหน่วยงานของรัฐ ทั้ง ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง
รวมถึงสื่อมวลชน เพื่อให้ทุกฝ่ายทำความเข้าใจระหว่างกัน
ลดปัญหาความหวาดระแวงที่มีต่อกันมาอย่างยาวนาน
ต่อจากนี้ไปคอยจับตากระแส
“สันติสุข” ใน จชต. ที่กำลังเกิดขึ้น
จากการขับเคลื่อนของรัฐบาลชุดนี้ซึ่งได้ให้ทุกระดับเปิดพื้นที่ “การพูดคุย” สร้างความเข้าใจกับผู้เห็นต่าง
และยังส่งเสริมปัจจัยเกื้อหนุน สร้างบรรยากาศที่เป็นทิศทางบวกมากมายเกิดขึ้นในพื้นที่
ตัวชี้วัดจากการปฏิบัติเกิดขึ้นทันที ส่งผลให้สถิติการก่อเหตุในห้วงเดือนรอมฎอนลดลงจากปีก่อนๆ
เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างสันติสุขอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งแต่ก่อนเดือนรอมฎอน
มีการร่วมพิธีละหมาดฮายัตของผู้นำศาสนาในพื้นที่ จชต. ณ มัสยิดกลางปัตตานี
ถัดมามีการจัดโครงการ “พาสู่อ้อมกอด รอมฎอนการีม” ณ ค่ายกัลยาณิวัฒนา
โดยมีราษฎรไทยมุสลิมกว่า 500 คน ที่อาศัยอยู่ในมาเลเซียเดินทางเข้าร่วม
นอกจากนี้ยังจัดกิจกรรม “โครงการพาคนกลับบ้าน” มีผู้เข้าร่วมโครงการจำนวนมาก จนเกิดกระแส “รอมฎอนแห่งสันติสุข” ขึ้นอย่างกว้างขวาง จุดเปลี่ยนจุดนี้เอง หาก ผกร. ยังเดินหน้าก่อเหตุรุนแรงอาจทำให้เสียงานมวลชน
“ข่าวดี”
ต้อนรับวันฮารีรายอของพี่น้องมุสลิม คงจะเป็นกระแสตอบรับการปล่อยตัว “นายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ” ท่ามกลางความยินดีของครอบครัว
เครือญาติ และผู้นำท้องถิ่นที่รอต้อนรับ
เจ้าตัวเผยจะรับใช้ชาติด้วยการประสานกลุ่มผู้เห็นต่างให้ร่วมวงพูดคุยสันติสุข
พร้อมช่วยดูแลนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเกิดของตน
นายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ กล่าวขอบคุณ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล รวมถึงแม่ทัพภาคที่ 4 เลขาธิการ
ศอ.บต. และเจ้าหน้าที่หน่วยงานต่างๆ ที่ให้ความช่วยเหลือจนกระทั่งตนเองได้รับการพักโทษ
และปล่อยตัวในที่สุด หลังจากนี้ไป ตนเองจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อช่วยแก้ปัญหา
และพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้
“ส่วนหนึ่งผมจะรับหน้าที่เป็นผู้ประสานงานการพูดคุยสันติสุขระหว่างเจ้าหน้าที่รัฐกับกลุ่มผู้เห็นต่าง
เพื่อให้เกิดความเข้าใจในข้อเท็จจริงต่างๆ
จนนำไปสู่การร่วมกันสร้างความสงบให้เกิดขึ้นให้ได้ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
สำหรับงานส่วนตัวจะทำด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน
ยึดแนวทางเศรษฐกิจพอเพียง เช่น งานพัฒนาพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมฮาลาลให้เกิดเป็นรูปธรรมที่
อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี”
อดีตแกนนำขบวนการพูโลที่เพิ่งพ้นโทษ
กล่าวว่า ตนจะขอดูแลศูนย์นิคมอุตสาหกรรมฮาลาลที่ ต.น้ำบ่อ อ.ปานาแระ
จ.ปัตตานี ซึ่งนายภานุ อุทัยรัตน์ เลขาธิการ ศอ.บต.ได้มอบหมายให้ตนทำหน้าที่นี้
ซึ่งก็จะทำให้ดีที่สุด จะมีการนำผู้ประกอบการจากประเทศมาเลเซียมาร่วมลงทุน
เพื่อสร้างรายได้ และสร้างอาชีพให้แก่คนในพื้นที่
“เศรษฐกิจในพื้นที่จะดีขึ้น จึงมีความจำเป็นที่จะต้องเดินทางไปมาระหว่างไทยกับมาเลเซีย
เพื่อติดต่อประสานงานกับนักธุรกิจที่จะมาร่วมลงทุนในนิคมอุตสาหกรรมฮาลาล
รวมทั้งเพื่อไปคุยกับกลุ่มเพื่อนๆ เพื่อร่วมสร้างสันติสุขในพื้นที่”
ตามที่นายหะยีสะมะแอ ท่าน้ำ
อดีตแกนนำพูโล เผยจะรับใช้ชาติด้วยการประสานกลุ่มผู้เห็นต่างมาร่วมวงพูดคุยสันติสุข
ใน จชต. ต่อจากนี้เป็นต้นไปคงได้เห็นความคืบหน้าเป็นรูปธรรม
ผู้เขียนเชื่อในศักยภาพของนายหะยีสะมะแอฯ ในการประสานกับกลุ่มต่างๆ
แต่ขออย่างเดียวทุกฝ่ายจะต้องมีความจริงใจต่อกัน อีกทั้งกลุ่ม ผกร. ที่ได้มีการผลิตเหมือน
“ถั่วงอก” ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ตอนนี้
อย่าพยายามปั่นป่วนทำลายบรรยากาศการสร้างสันติสุขอีกเลย เพราะไม่เป็นผลดีมีแต่เสียกับเสียต่อองค์กร
เพราะประชาชนส่วนใหญ่ตอบรับกระแส “แนวทางสันติวิธี” ของรัฐบาล สนับสนุนการพูดคุยแทนการใช้ความรุนแรงที่กลุ่ม
ผกร.บางกลุ่มใช้อยู่...
------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น