‘แบดิง โกตาบารู’
กลุ่มขบวนการโจรใต้ฟาตอนีที่ทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์
เมื่อถูกเจ้าหน้าที่จับกุมนำตัวเข้าสู่กระบวนการซักถามเพื่อหาความเชื่อมโยงในการกระทำความผิด
หากหลักฐานไม่แน่นหนาพอในเวลาต่อมาจะได้รับการปล่อยตัวให้เป็นอิสระ
หรือบางรายเจ้าหน้าที่มีความมั่นใจส่งตัวฟ้องศาลเพื่อดำเนินคดี
เมื่อมีการสืบพยานหลักฐานไม่มีความชัดเจน
เมื่อศาลพิจารณาแล้วจึงให้หลุดพ้นจากคดีความ
นับได้ว่าสถิติคดีความมั่นคงที่เกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมายเพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำความผิดในจังหวัดชายแดนภาคใต้นั้นมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้น
ซึ่งหากจะมองว่าหน่วยงานภาครัฐประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาก็ถือว่าไม่ผิด
แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการชั้นศาล
มีอยู่จำนวนไม่น้อยที่คนร้ายหลุดจากคดีเพราะหลักฐานไม่เพียงพอ
การได้รับการปล่อยตัวดังกล่าว
ยิ่งทำให้โจรใต้ฟาตอนีเหล่านี้เหิมเกริมหนักไม่ย่ำเกรงต่อกฎหมายอาญาแผ่นดิน
เพราะกระทำความผิดแล้วไม่ได้รับการลงทัณฑ์ กลับเข้าสู่วังวนของความชั่วร้าย
เดินหน้าทำการเข่นฆ่าผู้คนอย่างไร้ความปราณี
ศพแล้วศพเล่าสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนชาวปาตานีกันถ้วนหน้า
จนกระทั่งผู้คนส่วนใหญ่ต่างเอือมระอาต่อพฤติกรรมเยี่ยงสัตว์ร้ายของโจรใต้ไร้ศาสนาเหล่านี้
แต่ผู้ที่กระทำกรรมชั่วผลกรรมย่อมตอบสนองไม่ช้าก็เร็ว...และในที่สุดความยุติธรรมก็บังเกิดผู้ที่กระทำความผิดย่อมไม่สามารถหลีกหนีเงื้อมมือของกฎหมายรอดพ้น
เมื่อสันดานไม่ยอมเปลี่ยนคุกตารางย่อมเปิดอ้ารอรับคนเลวเข้าไปชดใช้กรรม..หรือบางรายประตูนรกเปิดรอต้อนรับต้องถูกประหารชีวิตตายตกตามกัน
ตายแล้วเกิดใหม่อีกกี่สิบชาติก็ยังไม่สาสมกับความเลวที่โจรชั่วได้กระทำเอาไว้กับผู้บริสุทธิ์
อย่างรายล่าสุดกับความเหิมเกริมและไม่สำนึก
มิใช่เป็นแค่ผู้หลงผิดธรรมดาๆ ที่สื่อมักชอบนำเสนอพาดหัวข่าวกัน
แต่เป็นความชั่วช้าที่ได้รับการปลูกฝังจนเข้าสู่กระแสเลือด เป็นความสุดโต่ง
สุดขั้ว ที่คนธรรมดาอย่างเราๆ ทำกันไม่ได้ ซึ่งเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดปัตตานีได้พิพากษาตัดสิน“ประหารชีวิต”นายยัฟรี
สารอเอง จากคดีลอบยิงพ่อค้ารับซื้อขายปลา เสียชีวิต จำนวน 2
คน และหลังก่อเหตุยังได้แย่งชิง ปืนพกจำนวน 1 กระบอก, เงินสดจำนวน
50,000 บาท พร้อมทั้งเผารถยนต์บรรทุก เหตุเกิดบนถนนสาย 42 ในพื้นที่อำเภอสายบุรี
จังหวัดปัตตานี
จากเหตุการณ์วันเกิดเหตุ
ลูกจ้างของผู้ที่เสียชีวิต ได้วิ่งหลบหนีไปได้ ซึ่งต่อมาได้ให้การกับพนักงานสอบสวนว่าพฤติกรรมของคนร้ายนั้นมีด้วยกัน
5 - 6 คน ได้แต่งกายเลียนแบบเจ้าหน้าที่ด้วยการตั้งด่านลอย
ซึ่งตนเองสามารถจดจำใบหน้าคนร้ายได้ 2 คน พร้อมทั้งชี้ภาพยืนยันตัวบุคคลเป้าหมาย จึงนำไปสู่การออกหมายจับ
ป.วิอาญา นายยัฟรี สารอเอง ในเวลาต่อมา
สำหรับพฤติกรรมชั่วของ นายยัฟรี สารอเอง
เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับปฏิบัติการ โดยรับผิดชอบพื้นที่อำเภอสายบุรี, อำเภอกระพ้อ และอำเภอไม้แก่น จังหวัดปัตตานี นายยัฟรีฯ ยังมีขีดความสามารถในการประกอบระเบิดแสวงเครื่อง
ซึ่งก่อนหน้านี้เคยถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวมาแล้วถึง 2 ครั้งด้วยกัน คือ ครั้งที่ 1
เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2551 นายยัฟรี สารอเอง ซึ่งมีหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ได้เข้ารายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ทหาร
หน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 26 จากผลการซักถามได้สารภาพว่าเคยร่วมก่อเหตุลอบวางระเบิด 4
เหตุการณ์ ด้วยกันในพื้นที่อำเภอสายบุรี
เหตุการณ์ที่ 1 เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2550 ลอบซุ่มยิงและระเบิด เจ้าหน้าที่ทหาร ร้อย ร.30211
ในพื้นที่หมู่ 6 ตำบลตะบิ้ง อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
เหตุการณ์ที่ 2 เมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม
2550 ลอบวางระเบิดในพื้นที่หมู่ 1 ตำบลบือเระ อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี (ระเบิดขึ้นก่อน)
เหตุการณ์ที่ 3 เมื่อ เดือนธันวาคม
2550 ลอบวางระเบิด บนถนนสาย 42 บ้านบาโงมูลง ตำบลเตราะบอน อำเภอสายบุรี
จังหวัดปัตตานี (ระเบิดไม่ทำงาน)
เหตุการณ์ที่ 4 เมื่อ
18 ตุลาคม 2550 ลอบวางระเบิดรถยนต์ ชุดสันติสุข 112 ม.7 ตำบลเตราะบอน อำเภอสายบุรี
จังหวัดปัตตานี
ต่อมาเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งตัวดำเนินคดี
และหลังจากฝากขังเรือนจำกลางจังหวัดปัตตานีประมาณ 3 เดือน นายยัฟรีฯ
จึงได้รับการประกันตัวออกมา
หลังจากออกจากเรือนจำสันดานเดิมเริ่มออกลายให้เห็นทั้งๆ
ที่อยู่ในระหว่างประกันตัวยังไม่มีความเกรงกลัวต่อความผิด
เมื่อได้รับการชักชวนเข้าสู่ขบวนการอีกครั้งจาก นายฮูซัยฟะ หะยีสาเมาะ
(ซึ่งเสียชีวิตจากการปะทะ) ได้ร่วมกันก่อเหตุอีกครั้งและหนีประกันในเวลาต่อมา
จนกระทั่ง ถูกจับกุมครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2557 ในพื้นที่อำเภอกะพ้อ
จังหวัดปัตตานี พร้อมกันนี้เจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจยึดอาวุธปืนพก ขนาด 9 ม.ม.
จำนวน 1 กระบอก
และผลจากการถูกจับกุมในครั้งที่ 2
นี่เอง ต่อมาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2557 เจ้าหน้าที่ได้ส่งตัวนายยัฟรี สารอเอง ฟ้องศาลดำเนินคดี
ตามหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน 9 คดีด้วยกัน ซึ่งอัยการได้ สั่งไม่ฟ้องแล้ว 3 คดี แต่ในที่สุดเมื่อวันที่
1 กรกฎาคม 2558 ที่ผ่านมา ศาลจังหวัดปัตตานีได้พิพากษาตัดสิน“ประหารชีวิต”นายยัฟรี สารอเอง จากคดีลอบยิงพ่อค้ารับซื้อขายปลาเสียชีวิต
จำนวน 2 คน แต่ยังคงเหลือคดีรอการพิพากษาของศาลอยู่อีก จำนวน 5 คดี
ผลจากการก่อกรรมทำชั่ว ศาลได้สั่งประหารนายยัฟรี
สารอเอง ผู้ที่ทำลายชีวิตผู้อื่นคงจะสาสมกับการกระทำที่ผ่านมา แต่แค่นี้ยังไม่จบยังมีคดีรอพิจารณาอยู่อีก
5 คดี คอยติดตามข่าวสารกันต่อไป พระเจ้าไม่เคยเข้าข้างคนเลว
เพราะทุกการกระทำของคุณอยู่ในสายตาของพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา ที่สำคัญบ้านเมืองมีขื่อมีแป
บ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมือง ทุกคนต้องจะต้องปฏิบัติตนภายใต้กฎหมายเดียวกัน
เมื่อมีผู้กระทำความผิดก็จะต้องว่าไปตามกระบวนการขั้นตอนของกฎหมาย
--------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น