"กะ กันดา"
“ซะกาต” ภาษาอาหรับ: زكاة IPA: [zækæːh] หรือ ทานประจำปี หมายถึงทรัพย์สินส่วนเกินจำนวนหนึ่ง
ซึ่งมุสลิมต้องจ่ายให้แก่ผู้ที่มีสิทธิได้รับเมื่อครบรอบปี ถ้ามุสลิมคนใดมีทรัพย์สิน
เงินทอง สินค้าที่เหลือในรอบปีแล้วไม่ทำการบริจาค
ผู้นั้นก็ผู้หนึ่งที่ทำผิดบัญญัติของอิสลาม
โทษของผู้ที่ปฏิเสธไม่ยอมจ่ายซะกาต
ใคร? ที่ไม่ยอมจ่ายซะกาตโดยปฏิเสธการวาญิบของมัน
ในขณะที่เขารู้หุก่มของมันดีถือว่าเขาเป็น “กาฟิร” ต้องทำการเก็บซะกาตจากเขา และต้องโทษประหารหากเขาไม่กลับตัวเตาบัตเพราะเขาได้ตกจากศาสนาแล้ว
แต่หากเขาไม่ยอมจ่ายเพราะความตระหนี่ถือว่าไม่ตกจากศาสนา
และต้องทำการจัดเก็บจากเขาพร้อมกับลงโทษด้วยการยึดทรัพย์ของเขาครึ่งหนึ่ง
วาญิบเหนือผู้ที่ครอบครองทรัพย์ครบพิกัดที่จะต้องทำการจ่ายซะกาตของทรัพย์นั้น
เพราะอัลลอฮฺได้สัญญาด้วยการลงโทษที่แสนสาหัสสำหรับทุกคนที่ไม่ยอมจ่ายซะกาต
ที่กล่าวมาคือบทบัญญัติของศาสนาอิสลามในการจ่าย“ซะกาต”และบทลงโทษของผู้ที่ไม่ยอมจ่าย ผิดบทบัญญัติของศาสนา
ซึ่งมุสลิมที่ดีจะต้องปฏิบัติตาม และหากไม่ปฏิบัติยังถือว่าเป็นการผิดกฎหมายในบางประเทศที่ใช้กฎหมายอิสลาม
ส่วนในประเทศไทยของเราพี่น้องมุสลิมจะต้องจ่ายทั้ง“ซะกาต”และเงินภาษีให้กับรัฐ
จังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยคนส่วนใหญ่ต่างนับถือศาสนาอิสลาม
และเป็นพื้นที่เกิดปัญหาความไม่สงบจากกลุ่มที่คิดต่างจากรัฐทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์
ตลอดจนมีการปลุกระดม บ่มเพาะ เพื่อแย่งชิงมวลชนเข้าร่วมเป็นสมาชิกขบวนการ โดยอาศัยความเป็นมลายู
การนับถือศาสนา เชื้อชาติ รวมถึงประเพณีวัฒนธรรม และอัตลักษณ์เดียวกัน
จึงง่ายต่อการชักนำสร้างความรู้สึกร่วมให้ผู้คนเหล่านั้นต่อต้านอำนาจรัฐ
สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นใช้ได้ผลตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมาคือประเด็นในเรื่องของศาสนา
อาศัยความละเอียดอ่อนในเรื่องของความรู้สึกต่อความคิด ความเชื่อ
ความศรัทธาของผู้ที่นับถือ นำไปสู่การบิดเบือนหลักคำสอนศาสนาให้กลุ่มสมาชิกแนวร่วมหลงเชื่อ
โดยอาศัยผู้นำศาสนาที่ผู้คนเคารพนับถือ อิหม่าม อุสตาส ในการใส่ข้อมูลผิดๆ บ่มเพาะจนกระทั่งคนเหล่านั้นเห็นถูกเป็นผิด
ยอมถวายตัวลงมือก่อเหตุและเข้าใจว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องฆ่าคนแล้ว ได้บุญ
ไม่บาป เป็นการต่อสู้เพื่อศาสนากำจัดผู้รุกรานแผ่นดินเกิด
กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็น
ได้อาศัยบทบัญญัติศาสนาอิสลามในการแสวงประโยชน์จากการจ่าย“ซะกาต”หลายท่านคงได้ยินได้ฟังนี้มาว่าในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ได้มีการจัดเก็บเงิน“ซะกาต”จากพี่น้องมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นพลเมืองส่วนใหญ่
1 บาทต่อคน ซึ่งในความคิดของใครหลายคนอาจจะคิดว่าเงิน 1 บาทเล็กน้อยมาก ผู้เขียนเองก็สงสัยมานานเหมือนกันว่าเป็นความจริงหรือไม้?
อย่างไร? แต่ได้เพียงเก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ
จนกระทั่งได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนพูดคุยกับผู้ที่คร่ำหวอดปฏิบัติงานอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้
ซึ่งมีข้อมูลความจริงครบถ้วนอยู่ในมือ และแล้ว..ถึงบางอ้อ!!!..แท้จริงแล้วกลุ่มขบวนบีอาร์เอ็นนำเงินที่ได้จากการบริจาคนั้นไปใช้ทำอะไร?
ไม่น่าเชื่อว่าเพื่อผลประโยชน์ของกลุ่มตน
ขบวนการบีอาร์เอ็นกล้าที่จะบิดเบือนหลักศาสนา ไม่มีความย่ำเกรงต่อพระเจ้า ไม่เกรงกลัวต่อบาป
นำเงินจากการบริจาค“ซะกาต”ของพี่น้องมุสลิมไปใช้ผิดประเภทผิดหลักศาสนา
ผิดอย่างไร? เรามาดูข้อมูลกันค่ะ..
การแสวงผลประโยชน์ของกลุ่ม
BRN
ซึ่งนับวันยิ่งเด่นชัดขึ้นทุกที เค้าลางความชั่วร้ายที่เห็นจางๆ
ในอดีต กลับเริ่มปรากฏกายให้เห็นชัดขึ้นท่ามกลางกลิ่นควันปืนและเสียงระเบิด
เสียงโอดโอยของผู้บาดเจ็บ เสียงร่ำไห้ของผู้สูญเสีย ความเชื่อมโยงของกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นกับเครือข่ายค้าของเถื่อน
ยาเสพติด มีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง หรือกระทั่งแม้แต่การเรี่ยไร หรือขอรับเงินบริจาค
เพื่ออ้างนำไปสร้างมัสยิดเพื่อใช้ประกอบศาสนกิจ หรือสถาบันการศึกษาทางศาสนาปอเนาะ กลับพบว่ามีเงินทุนที่ได้รับจากการบริจาคทั้งในพื้นที่เอง
และจากต่างประเทศเป็นจำนวนมาก จากการบอกเล่าของคนในพื้นที่ได้ให้ข้อมูลว่าเงินเหล่านี้บางส่วนมีการนำไปสร้างหรือใช้งานจริง
แต่เงินบางส่วนได้ส่งให้กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นนำเงินไปจัดซื้อหาอาวุธ
อุปกรณ์ผลิตระเบิด อีกทั้งเป็นค่าจ้าง ค่าเลี้ยงดูผู้ก่อเหตุรุนแรงที่หลบหนีเงื้อมมือของกฎหมาย
ยังไม่นับรวมถึงเงินที่ได้รับการบริจาค“ซะกาต”ของพี่น้องมุสลิม
แกนนำกลุ่มขบวนการกลับเอาไปใช้ส่วนตัว เสวยสุขสำราญอยู่ดีกินดียังต่างประเทศ รวมทั้งมีการนำไปสร้างบ้านใหม่
ซื้อรถใหม่ให้กับตัวเองญาติพี่น้องในเมืองไทย ซึ่งผิดหลักศาสนาอย่างร้ายแรง ที่นำเงินบริจาค“ซะกาต”ไปใช้ในทางที่ผิดถือว่าเป็น“บาปหนัก”
ปัญหาเหล่านี้เกิดขึ้นมานานหมักหมมมาหลายสิบปี
คนที่ตั้งใจบริจาค“ซะกาต”มีความคิดดี แต่คนคิดชั่วกลับนำบริจาค“ซะกาต”ไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ลองคำนวณเล่นๆ
กันดูค่ะว่าเงินบริจาคที่พี่น้องมุสลิมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ร่วมกัน“ซะกาต” 1 บาทต่อคน หากประชากรในพื้นที่ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้
บวกรวม 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา มีพี่น้อง 3 แสนคน ตกเดือนหนึ่งได้เงิน“ซะกาต” 3 แสน ปีหนึ่ง 3 ล้านหกแสนบาท แล้วเวลาที่ผ่านมาเงิน“ซะกาต”ที่กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นนำไปใช้รวมแล้วร่วมๆ
เกือบ 100 ล้านกว่าบาท กลับมาซ้ำเติมปัญหาด้วยการก่อเหตุ “สุมไฟใต้”
ไม่ให้มอดดับเพื่อผลประโยชน์ของแกนนำเพียงไม่กี่คน แล้วปัญหาความเดือดร้อนทั้งปวงตกอยู่ที่ใคร?
คงหนีไม่พ้นพี่น้องมุสลิมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เองที่ต้องตกเป็นเหยื่อที่ถูกกระทำ
นำไปสู่ความเดือดร้อนที่กลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นหยิบยื่นให้....จากเงินบริจาค“ซะกาต”ของเราเอง....
-----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น