เมื่อนายูหลอกใช้นายู
เอาบัญญัติอิสลามที่เป็นแนวทางการดำเนินชีวิตมาบิดเบือน
สร้างความเสื่อมเสียต่ออิสลาม และสร้างความเจ็บปวดให้คนมุสลิมเราเป็นอย่างยิ่ง
หลายครั้งอยากจะพูดว่าอดทนไม่ไหวแต่ก็ต้องเก็บไว้ ด้วยเพราะความโหดเหี้ยมของขบวนการแสวงหาผลประโยชน์อย่าง
BRN
พวกซาตานในคราบมนุษย์ ที่มักจะคิดหากลอุบาย หลอกลวงบังคับข่มขู่มุสลิมให้ทำความชั่ว
หลายคน ที่ต้องตกอยู่ในกับดักวังวนของความชั่วด้วยความทุกข์ทรมาน
จะหนีก็หนีไม่ได้เพราะเป็นห่วงครอบครัว ที่อยู่ข้างหลัง
นายบูคอรี ฮะซา เป็นอีกคนในหลายๆ คน ที่ต้องทนทุกข์ต่อความยากลำบากอยู่ตลอดเวลา
อยู่แบบอดมื้อกินมื้อ เพราะต้องคอยหลบซ่อน หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่หลังจากที่ถูกหลอกให้ตกอยู่ ในวังวนของการก่อเหตุสร้างความชั่ว ทั้งๆ
ที่รู้ว่าถูกหลอกใช้แต่ก็ต้องยินยอมทำ แล้ววันหนึ่งอัลลอฮฺได้ประทานความเมตตาให้ครอบครัวได้มองเห็นทางสว่าง
โดยได้โทรศัพท์หาแม่ทัพภาค 4
เพื่อช่วยเหลือให้หลุดออกจากวังวนความชั่วจากขบวนการแสวงหาผลประโยชน์ BRN พวกซาตานในคราบมนุษย์
วันที่ 14 มิ.ย.60 เมื่อเวลา 16.00 น. ณ
หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 33 บ้านยีลาปัน
ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา จ.ยะลา พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาค 4/ผอ.รมน.ภาค 4 นั่งเฮลิคอปเตอร์บินไปรับตัว
นายบูคอรี ฮะซา อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีความมั่นคง มือระเบิด 5 คดี ซึ่งเป็นคนที่
9 ที่ติดต่อขอมอบตัวต่อแม่ทัพภาค 4
นายบูคอรี ฮะซา ได้เล่าว่าหลังจากก่อเหตุร้ายตามสั่งการแล้ว
ก็ไม่ได้รับการเลี้ยงดู ดูแล หรือถามข่าวคราวทุกข์สุขจากขบวนการแสวงหาผลประโยชน์ BRN ซาตานในคราบมนุษย์เลย มันน่าเศร้าใจรู้เลยว่าถูกหลอกใช้แล้ว
ตอนนั้นมันเหมือนอยู่ตัวคนเดียวความคิดมันสับสนจะขอความช่วยเหลือจากขบวนการก็ไม่ได้
จึงได้หลบหนีออกจากบ้านไปแอบอาศัยอยู่บ้านญาติและเพื่อนสนิท ที่ปัตตานี และยะลา
ทนความลำบาก ไม่ไหว ต่อมาญาติ ๆ และภรรยาทราบว่าทางการมีโครงการพาคนกลับบ้านให้แจ้งความประสงค์หากจะมอบตัวแล้วทางท่านแม่ทัพจะเดินทางมารับด้วยตนเอง
จึงได้ติดต่อไปยังโทรศัพท์หมายเลขดังกล่าว ทั้งนี้เพื่อให้ท่านได้ช่วยเหลือเพราะไม่มีใครแล้วหากหลบซ่อนต่อไปกลัวว่าจะโดนพวกขบวนการแสวงหาผลประโยชน์
BRN ซานตานในคราบมนุษย์แอบฆ่าปิดปาก
ต้องขอบคุณทางราชการ
โดยเฉพาะท่านแม่ทัพภาค 4 และผู้อำนวยความสะดวกทุกท่านที่ได้ให้ความสำคัญและเข้าใจพี่น้องไทยมุสลิมเราที่หลงผิด
ถูกหลอกจากพวกแสวงหาผลประโยชน์ BRN
พวกซาตานในคราบมนุษย์ที่มุสลิมเราเข้าใจกัน ได้กลับมาใช้ชีวิตอย่างผู้คนธรรมดาได้อยู่กับครอบครัว
ผมเชื่อมั่นในเรื่องโครงการพาคนกลับบ้านหากไม่มีโครงการนี้ คนหลงผิดถูกหลอกก็หมดโอกาสที่จะกลับเนื้อกลับเนื้อตัว
และเชื่อมั่นในกระบวนการทางกฎหมายไทย (
นายนายบูคอรี ฮะซา กล่าว )
เดือนนี้เป็นเดือนรอมฎอนอันประเสริฐ
เป็นเดือนที่พี่น้องมุสลิมขออภัยโทษมุ่งมั่นทำความดี จึงขอเชิญบรรดาผู้หลงผิดหรือถูกหลอก
จากพวกแสวงหาผลประโยชน์ BRN ซาตานในคราบมนุษย์ ได้แสดงความกล้าหาญตัดสินใจเข้ามอบตัวต่อทางราชการ
เพื่อได้กลับมาร่วมถือศีลอดในเดือนรอมฎอน และเฉลิมฉลองความสุขร่วมกับครอบครัวเหมือน
นายบูคอรี ฮะซา และยังเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านอีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น