"กะ กันดา"
นักสิทธิฯ
ดิ้นพล่านเมื่อเจ้าหน้าที่ทหารรวบตัวผู้ต้องสงสัย 4 ราย
กรณีก่อเหตุลอบระเบิดทหารพรานเสียชีวิต 4 นาย ที่อำเภอสายบุรี จังหวัดปัตตานี
เหตุเกิดเมื่อวันศุกร์ที่ 22 กันยายนที่ผ่านมา
ผู้ต้องสงสัยก่อเหตุลอบวางระบิด
4 คน ที่ถูกจับกุม มี 1 คน
ยอมรับสารภาพให้การว่าเข้าร่วมประชุมกับทีมปฏิบัติการลอบวางระเบิดก่อนเกิดเหตุ 1
สัปดาห์ และให้การซัดทอด นายยาการียา บาโง หรือ “โต๊ะนิ” คือ “ผู้สั่งการ”
นายมะยูโซะ
มะยะเด็ง
(ยอมรับสารภาพ) คือกุญแจปริศนาสำคัญไขความจริงนำไปสู่การเปิดโปงไอ้โม่งผู้สั่งการที่อยู่เบื้องหลังความชั่วในครั้งนี้
ในขณะที่จิ๊กซอว์ผู้ก่อเหตุความรุนแรงของเจ้าหน้าที่ได้มีการเติมเต็มจากคำรับสารภาพจากปาก
1 ใน 4 ผู้ต้องสงสัยที่ถูกจับกุม เงาดำมืดทะมึนจับต้นชนปลายไม่ถูก
ภาพความจริงค่อยๆ ปรากฏ...จากความเลือนลางกลับเด่นชัดขึ้น ใคร? คือผู้สั่งการ และทีม “ซัยตอน”
ร่วมขบวนการที่ลงมือก่อกรรมทำชั่วในวันดังกล่าว...มีใคร? บ้าง
ทันทีที่มีการแถลงข่าวความคืบหน้าของคดีต่อสื่อมวลชน
ด้วยการนำตัว นายมะยูโซะ มะยะเด็ง ผู้ซึ่งยอมรับสารภาพว่าร่วมก่อเหตุ ด้วยการเป็นคนดูต้นทางมายืนยัน และมีการนำตัวไปทำแผนจุดลอบวางระเบิด
ซึ่งหากมองในแง่ความคืบหน้าของคดีถือว่าประสบความสำเร็จในระดับหนึ่ง
ประชาชนผู้ที่ไม่ต้องการความรุนแรงต่างแซ่ซ้องยินดีที่เจ้าหน้าที่จับกุมคนร้ายตัวจริงได้
และเร่งให้ติดตามจับกุมตัวคนร้ายที่เหลือมาดำเนินคดีและรับโทษทัณฑ์ตามกฎหมายต่อไป
ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ยินดีที่เจ้าหน้าที่สามารถรวบตัวคนร้ายที่ก่อเหตุคร่าชีวิตทหารพรานอย่างเลือดเย็นได้อย่างทันควัน
และดูเสมือนหนึ่งว่าความเพลี่ยงพล้ำตกอยู่ที่กลุ่มโจรใต้เนื่องจากได้มีการพาดพิงเปิดโปงทุกขั้นตอนของการก่อเหตุอย่างหมดเปลือกถึงแผนการ
และผู้ที่ร่วมลงมือลอบวางระเบิดทั้งหมด
แต่แล้วจู่ๆ
กลับมีข่าวสอดแทรกขึ้นมา
เมื่อมีญาติของผู้ต้องสงสัยเข้ายื่นเรื่องขอความช่วยเหลือต่อเจ้าหน้าที่ของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
(กสม.) ในมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี โดยให้การว่าผู้ต้องสงสัย “ถูกบังคับให้รับสารภาพ”
ว่าก่อเหตุลอบวางระเบิด และถูกเจ้าหน้าที่จับกุมโดย “ไม่แจ้งข้อหา”
อีกทั้งยังไม่ได้รับโอกาสในการเข้าเยี่ยม
โดยลำพังญาติผู้ต้องสงสัยเองคงไม่เท่าไหร่? แต่ทุกวันนี้ที่ออกมาเรียกร้องกันจ้าละหวั่นเกิดจากใคร? ไหนจะเรื่องของการกล่าวหาว่ามีการละเมิดสิทธิมนุษยชน
อีกทั้งในเรื่องข้อกฎหมาย ถามสิ!! คนธรรมดาอย่างเราๆ รึจะรู้แตกฉาน แล้วองค์กรไหนล่ะ!!
ที่อยู่เบื้องหลังในการเสี้ยม.....
คนในพื้นที่ต่างรู้ดีว่าใคร? คือผู้อยู่เบื้องหลังหนุนเสริมคอยซ้ำเติมปัญหาไฟใต้
คงไม่ต้องกล่าวถึงมากมาย แต่ที่จะอดกล่าวเสียไม่ได้คงเป็น นางสาวพรเพ็ญ
คงขจรเกียรติ และนางสาวอัญชนา หีมมิหน๊ะ “2 นักสิทธิฯ กำมะลอ” จากมูลนิธิผสานวัฒนธรรม
และกลุ่มด้วยใจส่งเข้าประกวด ต่างรีบออกมารับลูกทันที
ด้วยการตีปี๊บขยายผลในเฟสบุ๊คส่วนตัวเอาใจนายใหญ่หัวหน้าอาชญากร โดยเล่นกันเป็นทีมกางปีกปกป้องเหล่าอาชญากรอย่างเต็มที่ในฐานะนักสิทธิมนุษยชน
(ฝ่ายอาชญากร) ลืมความผิดพลาด ที่เคยปกป้องคนผิดโดย ไม่ใช้สมองไตร่ตรอง
ตรวจสอบข้อเท็จจริงที่ผ่านมาอย่างสิ้นเชิง อย่างเช่นคดีนายดาโหะ “ครูตาดีกาลวงโลก”
ยังจำกันได้มั๊ย!!
ถามว่าเมื่อผิดแล้ว เคยสำนึกมั๊ย!! ก็คงไม่นะ!!!
กลับทำตัวปกติไม่ยี่หระแกล้งทำเฉยเมยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
พอมีเรื่องใหม่เข้ามา กลับโหนกระแสใช้ความหน้าด้าน ด้วยการชี้นำ ทำการขยายผล
ปกป้องอาชญากรซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่กระดากใจเลยหรือไร? แต่ก็ขอปรบมือดังๆ ให้ในฐานะที่ยอมเสียสละตนเพื่อส่วนรวม
แต่กลับรับใช้อาชญากร มีความขยันอย่างผิดที่ผิดเวลา
เมื่อตอนชาวบ้านผู้บริสุทธิ์หรือเจ้าหน้าที่ถูกอาชญากรโจรใต้สุดโต่งลอบทำร้าย
เข่นฆ่าอย่างเหี้ยมโหดกลับมุดหัวอยู่ในรู ไม่เห็นออกมาอ้อนวอนเรียกร้องให้เหล่าอาชญากรหยุดเข่นฆ่าเหมือนที่เรียกร้องให้โจรอยู่ตอนนี้..ซึ่งสมควรแล้วหรือที่ใช้คำเรียกว่า
“นักสิทธิฯ” เดินเฉิดฉายในผืนแผ่นดินไทยให้คนไทยยกย่องเชิดชู
------------------------------------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น