"แบมะ ฟาตอนี"
ความพยายามของกลุ่มโจรใต้ด้วยการผูกโยง“ศาสนา”เข้ามาเกี่ยวข้องในการต่อสู้
เราจะเห็นอยู่บ่อยครั้ง การสื่อให้ทุกคนเข้าใจว่าผู้ก่อเหตุฆ่าคน “ต่อสู้เพื่อศาสนา”โดยมีแกนนำขบวนการ
ผู้นำศาสนา และครูสอนศาสนาในพื้นที่ 3
จังหวัดชายแดนภาคใต้มีส่วนเกี่ยวข้องไม่ทางใดก็ทางหนึ่งกับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งวิธีการของกลุ่มโจรใต้มักกล่าวอ้างอยู่
2 ประการด้วยกัน กล่าวคือ…
ประการแรก
กล่าวอ้างว่ารัฐไทยปกครองปัตตานีด้วยความไม่เป็นธรรม เลือกปฏิบัติ
มีการละเมิดสิทธิมนุษยชน และไม่ได้รับความเท่าเทียม
ประการที่สอง
ร่ำร้องว่ารัฐไทยข่มเหงรังแกพี่น้องมุสลิม!! ไม่ได้รับความยุติธรรมในการบังคับใช้กฎหมาย
กีดกันเสรีภาพในการประกอบศาสนกิจทางศาสนา
กลุ่มขบวนการโจรใต้ใช้
2 ประเด็นดังกล่าวเป็น“ชนวน”คอยจุดกระแสความขัดแย้ง นำไปสู่ความแตกแยก
ความหวาดระแวงให้เกิดขึ้นในชุมชน อีกทั้งสร้างความหวาดกลัวด้วยการข่มขู่คุกคาม“ทำร้าย”หรือไม่ก็อาศัยวิธีการโฆษณาชวนเชื่อ
ทิ้งใบปลิว แขวนป้ายผ้า กล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้ที่ให้ความร่วมมือรัฐ ควบคู่กับการปล่อยข่าวลือในร้านน้ำชา
ในที่ชุมชน ส่งผลให้สังคมมุสลิมปั่นป่วน
เพราะชาวบ้านได้รับฟังแต่เรื่องที่ไม่เป็นความจริง…
กลุ่มขบวนการโจรใต้จัดตั้ง
ผู้นำศาสนา ผู้นำท้องที่ รวมทั้งครูสอนศาสนา(อุสตาส)เป็นแกนนำในหมู่บ้านจัดตั้ง แบ่งงานกันรับผิดชอบ
ปฏิบัติตามสั่งการของระดับแกนนำ ปลูกฝังอุดมการณ์ให้สมาชิกแนวร่วมมีความเลื่อมใสศรัทธา ด้วยการบิดเบือนหลักคำสอนศาสนา
หลอกให้ทำการต่อสู้อย่างไม่กลัวตาย และหลงเชื่อว่าเป็น“นักรบของพระเจ้า”เป็นการทำสงครามเพื่อปลดปล่อยอิสลามจากการกดขี่ข่มเหงของคนต่างศาสนา…
ความพยายามของแกนนำโจรใต้ด้วยการดึงศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง
สร้างภาพให้เห็นว่า“คนอิสลามทุกคนคือนักรบของพระเจ้า”ถ้าใครไม่ร่วมรบจะต้องให้ความช่วยเหลืออย่างใดอย่างหนึ่งแทน
หรือถ้าช่วยเหลือไม่ได้ก็ต้องยืนอยู่ข้างเดียวกับกลุ่มขบวนการ
ไม่ให้ความร่วมมือเจ้าหน้าที่รัฐ ทุกคนต้องสาบานว่าจะต่อสู้เพื่อปลดปล่อยปาตานีให้เป็นแผ่นดินดารุสสลาม
โดยถือคำสาบานทุกคนได้เปล่งวาจาออกมาด้วยความเสียสละโดยไม่กลัวตายใดๆ ทั้งสิ้น
กลุ่มขบวนการโจรใต้ใช้วิธีหลากหลายรูปแบบ
เริ่มจากการสร้างนักรบรุ่นใหม่ ด้วยการปลูกฝังแนวความคิดความเชื่อ
บิดเบือนประวัติศาสตร์ สร้างความฮึกเหิมให้มีความกล้า ส่งผลให้ผู้เข้าร่วมขบวนการยอมเป็นทาสรับใช้ โดยไม่ได้สำนึกแม้สักนิดว่า แผ่นดินที่ถูกกล่าวอ้างว่าจะปลดปล่อยให้เป็นแผ่นดินของพระเจ้านั้นแท้จริงแล้วคือ“จังหวัดปัตตานี”ซึ่งเป็นจังหวัดหนึ่งของประเทศไทยตั้งแต่ไหนแต่ไรมา…
การบิดเบือนข้อเท็จจริง
ปลอมแปลงประวัติศาสตร์
ทำให้เชื่อว่าปัตตานีและอีกหลายจังหวัดเป็นส่วนหนึ่งของมลายู
แต่ต้องเสียดินแดนให้ไทยเพราะอังกฤษเข้ามารุกราน
แล้วอังกฤษก็แบ่งส่วนนี้ให้ประเทศไทยเข้าทำการยึดครอง…
เมื่อประเทศมลายูทั้งหมดได้รับเอกราชจากอังกฤษ
แต่ประเทศไทยกลับไม่ยอมให้เอกราชแก่ปัตตานีแม้แต่ตารางนิ้วเดียว...
สิ่งเหล่านี้คือการบิดเบือนข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์
ความจริงในประวัติศาสตร์นั้น
ปัตตานีและอีกหลายจังหวัดในแหลมมลายู เป็นของไทยมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เช่น
ไทรบุรี เป็นต้น ปัจจุบันนี้ก็ยังมีหมู่บ้านไทยตั้งอยู่ในรัฐกลันตัน รัฐเปอร์สิส
หมู่บ้านบางหมู่บ้าน ยังมีชื่อไทยอยู่
เช่น หมู่บ้านนาคา คนไทยในประเทศมาเลเซียพูดไทยสำเนียงกรุงเทพฯ
เหมือนคนบางกอกไม่มีผิดเพี้ยน!!
ประเทศไทยเสียอีกที่เสียดินแดนให้แก่อังกฤษ
เมื่ออังกฤษปล่อยมาเลเซียให้ได้รับเอกราช แทนที่ประเทศไทยจะได้ดินแดนกลับคืนมา..
แต่กลับต้องสูญเสียดินแดนไปอีกรวมแล้ว 5 จังหวัดด้วยกัน
ดินแดนปัตตานีเป็นของประเทศไทยตั้งแต่โบราณกาล
แต่เนื่องด้วยคนมลายูได้อพยพเข้ามามาก ประกอบกับนับถือศาสนาอิสลาม
จึงอ้างส่งเดชว่า “ไทยปกครองปัตตานีมายาวนาน ไม่ยอมให้เอกราช”
เรื่องง่ายๆ
ในประวัติศาสตร์โดยแท้ แต่กลายเป็นเรื่องยุ่งเหยิง ถูกโจรใต้ปาตานีแหกตา เอาไปโฆษณาชวนเชื่อ
ตั้งแต่ครั้งอดีตจวบจนกระทั่งถึงปัจจุบันยังไม่ยอมเลิกรา..
วิธีการที่กลุ่มขบวนการโจรใต้เอามาใช้ได้ผล
นั้นคือเรื่องของการ“บิดเบือน”แล้วก็สร้างสิ่งที่บิดเบือนให้น่าเชื่อถือว่า“เป็นเรื่องจริง”โดยแอบอ้างศาสนา
อ้างพระเจ้า หรือ“องค์อัลเลาะห์”มาเรียกร้องความเป็นพวกเดียวกันกับพี่น้องในพื้นที่
ซึ่งเป็นอิสลามด้วยกัน พี่น้องอิสลามผู้บริสุทธิ์ที่ต้องตกเป็นเหยื่อของโจรใต้ปาตานี ขยายวงกว้างออกไปทุกทีโดยการไม่รู้เท่าทัน...
โจรใต้ปาตานี
ชี้ให้เห็นว่า การปกครองที่จะเป็นประโยชน์ต่อมนุษยชาติที่แท้จริงต้องเป็นรัฐอิสลามบริสุทธิ์เท่านั้น
ผู้นำของประเทศต้องใช้หลักศาสนาบริหารประเทศ แต่น่าแปลกใจกับพฤติกรรมที่ได้กระทำตรงกันข้ามอย่างป่าเถื่อน
สุดโต่ง ทำการก่อเหตุทำร้ายผู้บริสุทธิ์ เด็ก ผู้หญิง คนชรา โดยไม่แยกแยะเป้าหมายเพื่อปูทางไปสู่ผลประโยชน์ของกลุ่มตน..
วันนี้!!
ถ้าอยากดูโฉมหน้าของผู้บงการ กับโฉมหน้าใครถูกจองตัวให้เป็นประธานประเทศ จะแตกต่างกัน...คนที่“บงการ”กับคนที่จะมาเป็น“สุลต่าน”ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
คนที่จะมาเป็นผู้นำหรือสุลต่านไม่ได้ร่วมบัญชาการรบ....แต่ทำหน้าที่เป็นเชิงสัญลักษณ์ในระดับสากล
คนที่บัญชาการ
ก็บัญชาการรบ ทำหน้าที่“รบ”เป็นการจำเพาะโฉมหน้าของผู้บงการ
ที่คนไทยอยากรู้ว่าเป็นใคร(?)นั้น ถ้าต้องการรู้จริงๆ
ก็ไม่เกินบ่ากว่าแรงที่จะรู้ได้...
ดูได้ไม่ยากเลย
ดูแล้วจะร้อง“อ๋อ”คนนี้นี่เอง ทีนี้...ถ้าอยากรู้ให้ชัด ก็ต้องค้นหาว่า “ใคร”...คือสายเลือดของ“อับดุลกาเดร์”และใครคือสายเลือดของ“หะยีสุหลง”คนใดคนหนึ่งใน“ต้นตระกูล”
นักสู้ดังกล่าวนี้คือ...จอมบงการโจรใต้อย่างแน่นอน!!
อย่างไรก็ตาม
ไม่ว่าโฉมหน้าของ“จอมบงการ”จะยังไม่ชัดก็ตามที.. แต่ภาพที่ปรากฏออกมาชัดเจนคือ
การพยายามนำเรื่องศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง และการพยายามผลักให้เป็นเจ้าภาพตัวจริง!!
โจรใต้ปาตานีเองมีความ“จงใจ”ที่จะให้เจ้าภาพตัวจริงคือ“สถาบันศาสนา”ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อนกระทบต่อความรู้สึก
ต่อความคิดความเชื่อของผู้คน มีความพยายามชูศาสนาขึ้นมาเป็นจอมทัพ โดยพยายาม“ปั้นกรอบ”ให้เป็นภาระหน้าที่ของพี่น้องมุสลิมใน
3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในการร่วมกันต่อสู้
แต่ในเวลาเดียวกันได้อาศัย“พลังอิสลาม”เป็นทฤษฎีชี้นำไปในตัวเสร็จพร้อม
โดยเฉพาะในความเชื่อที่ว่าถ้าจัดตั้งรัฐปัตตานีดารุสสลามสำเร็จ
ผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากชาติที่ตั้งขึ้นมาใหม่ไม่ใช่อิสลามในพื้นที่อื่นๆ
แต่เป็นพี่น้องอิสลามใน 3 จชต.และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลาเท่านั้น
พวกเขาคิดการไกลขนาดนั้น
ผู้เขียนพยายามที่จะกะเทาะเปลือกให้เห็นใบหน้า“จอมบงการ คือใคร?”ซึ่งตอนนี้ท่านพอจะมองออกได้แล้วว่า“คนนั้นกับคนนี้”คือจอมบงการ!!
แม้ว่าโจรใต้ปาตานี จะหาทางให้ศาสนาอิสลามเป็นเจ้าภาพที่แท้จริง แต่จอมบงการที่แท้จริง!!
มิใช่ศาสนา แต่เป็นคนที่มีพละกำลัง มีอำนาจ
มีอิทธิพล และที่สำคัญคนๆ นั้นเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่น้องมลายูปาตานีเท่านั้น
13
ปีไฟใต้ตลอดระยะเวลาของการสูญเสีย เสียงปืน เสียงระเบิด
เสียงร่ำไห้ของครอบครัวผู้เสียชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจทหารที่ปฎิบัติงานในพื้นที่ต้องยอมเสียสละความสุขส่วนตน
แล้ววันนี้...คนที่บงการหลอกผู้คนให้ไปตายแล้วบอกว่าได้ขึ้นสวรรค์...เข่นฆ่าคนแล้วได้บุญยังคงมีให้เห็นอยู่
ในขณะที่เรากำลังควานหาตัวว่าเป็นใครอยู่นั้น... “ไฟใต้...ใครบงการ?” เมื่อท่านอ่านจบ
โปรดจำไว้ว่า...โจรใต้ปาตานีตัวจริง ป้วนเปี้ยนอยูในแวดวงการต่อสู้
อยู่ไม่ไกลจากตัวท่านหรอกครับ....
-------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น