กรณีผู้ต้องสงสัยรายหนึ่งได้สารภาพว่า
กลุ่มก่อความไม่สงบมีหมายจับและไม่มีหมายจับ ได้แฝงตัว
เข้าในหมู่บ้านหลายแห่งใน ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และได้เข้าไปมาฝึกชุดปฏิบัติการขนาดเล็ก
ในโรงเรียนบ้านบากงพิทยา ต.บางเขา จนทำให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้นโรงเรียนดังกล่าว ซึ่งปรากฏว่า พบเอกสารสำคัญ วัตถุประกอบระเบิดและวัตถุพยานที่น่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องต่อการก่อเหตุร้ายหลายรายการ โดยเฉพาะเอกสารปลุกระดมและบัญชีเอกสารการทุจิรตเงินสนับสนุนรายหัวนักเรียน อีกทั้งยังพบว่ามีการจัดจ้างครูสอนศาสนาที่มีคุณสมบัติ เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่และหลายคนมีหมายจับคดีอาญา จากกรณีดังกล่าวทำให้มีการตรวจสอบโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในพื้นที่หลายแห่ง ซึ่งพบว่ามีมากกว่า 70 กว่าแห่ง ที่มีพฤติกรรมการทุจริตและมีการจ้าง ผู้ก่อเหตุรุนแรงสอนในการสอนศาสนา ถือได้ว่าซึ่งเป็นการปรับกลยุทธ์เดิมๆ ของกลุ่มขบวนการเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ในการทำหน้าที่เผยแพร่บิดเบือนหลักศาสนา ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ให้กับแนวร่วมใหม่ๆ โดยเฉพาะเยาวชนในพื้นที่ เข้าร่วมขบวนการฆ่าประชาชน
เข้าในหมู่บ้านหลายแห่งใน ต.บางเขา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และได้เข้าไปมาฝึกชุดปฏิบัติการขนาดเล็ก
ในโรงเรียนบ้านบากงพิทยา ต.บางเขา จนทำให้เจ้าหน้าที่เข้าทำการตรวจค้นโรงเรียนดังกล่าว ซึ่งปรากฏว่า พบเอกสารสำคัญ วัตถุประกอบระเบิดและวัตถุพยานที่น่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องต่อการก่อเหตุร้ายหลายรายการ โดยเฉพาะเอกสารปลุกระดมและบัญชีเอกสารการทุจิรตเงินสนับสนุนรายหัวนักเรียน อีกทั้งยังพบว่ามีการจัดจ้างครูสอนศาสนาที่มีคุณสมบัติ เป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่และหลายคนมีหมายจับคดีอาญา จากกรณีดังกล่าวทำให้มีการตรวจสอบโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาในพื้นที่หลายแห่ง ซึ่งพบว่ามีมากกว่า 70 กว่าแห่ง ที่มีพฤติกรรมการทุจริตและมีการจ้าง ผู้ก่อเหตุรุนแรงสอนในการสอนศาสนา ถือได้ว่าซึ่งเป็นการปรับกลยุทธ์เดิมๆ ของกลุ่มขบวนการเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ ในการทำหน้าที่เผยแพร่บิดเบือนหลักศาสนา ประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ให้กับแนวร่วมใหม่ๆ โดยเฉพาะเยาวชนในพื้นที่ เข้าร่วมขบวนการฆ่าประชาชน
การโกงเงินรัฐที่สนับสนุนให้กับโรงเรียนสอนศาสนากลับกลายเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงเลี้ยงไฟใต้ไม่รู้จบ
โดยเฉพาะกลุ่มบุคคลที่แอบแฝงไปเป็นครูสอนศาสนา ซึ่ง ผอ.บางโรงเรียนก็รู้เห็น
เป็นใจ ยกตัวอย่างกรณีของนายซาการียา หัดสมัด ผู้ก่อเหตุเผาร้านสะดวกซื้อ 7-11 เมื่อปี 2559 พบว่าสถานศึกษาบางแห่ง(บากงพิทยา)จ่ายเงินรายเดือนให้กับ นายซาการียา หัดสมัด ซึ่งเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง และเป็นผู้ก่อเหตุร้ายหลายคดี ประกอบด้วย เหตุเผาหัวจ่ายน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ดอนยาง จ.ปัตตานี, เหตุกราดยิงบ้านเรือนราษฎรริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 43 แยกดอนยาง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 8 ราย และก่อเหตุระเบิดเผาสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ดอนยาง จ.ปัตตานี ก่อนจะถูกจับกุมเมื่อเดือน พ.ย.60 ปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ และอยู่ระหว่างต่อสู้คดีการพิจารณาคดี
เป็นใจ ยกตัวอย่างกรณีของนายซาการียา หัดสมัด ผู้ก่อเหตุเผาร้านสะดวกซื้อ 7-11 เมื่อปี 2559 พบว่าสถานศึกษาบางแห่ง(บากงพิทยา)จ่ายเงินรายเดือนให้กับ นายซาการียา หัดสมัด ซึ่งเป็นสมาชิกผู้ก่อเหตุรุนแรง และเป็นผู้ก่อเหตุร้ายหลายคดี ประกอบด้วย เหตุเผาหัวจ่ายน้ำมันที่สถานีบริการน้ำมัน ปตท.ดอนยาง จ.ปัตตานี, เหตุกราดยิงบ้านเรือนราษฎรริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 43 แยกดอนยาง จ.ปัตตานี เป็นเหตุให้มีประชาชนได้รับบาดเจ็บ 8 ราย และก่อเหตุระเบิดเผาสถานีบริการน้ำมัน ปตท.ดอนยาง จ.ปัตตานี ก่อนจะถูกจับกุมเมื่อเดือน พ.ย.60 ปัจจุบันถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำ และอยู่ระหว่างต่อสู้คดีการพิจารณาคดี
โรงเรียนสอนศาสนาได้จ่ายค่าตอบแทนรายเดือนให้กับ
นายซาการียา หัดสมัด ตั้งแต่ปี 54 อย่างต่อเนื่องทุกเดือนจนถึงก่อนถูกจับกุม"
และยังพบพฤติกรรมอำพรางในการสนับสนุนเงินผ่านบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นเครือญาติของ
นายเมาลานา สาเมาะ แกนนำผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับสั่งการ เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก และ นายอับดุลสะตอปา สุหลง แกนนำระดับสั่งการอีกคน
ที่เคลื่อนไหวในพื้นที่ ต.ตุยง อ.หนองจิก ซึ่ง นายเมาลานา สาเมาะ
เป็นบุคคลที่ถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ขึ้นบัญชีเป็น
"บุคคลที่ถูกกำหนด" (ห้ามกระทำธุรกรรมทางการเงินทุกกรณี)
ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้ายฯ อีกด้วย
และน่าเชื่อว่ามีการให้การสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรงรายอื่นๆ อีกหลายคน โดยทำธุรกรรมอำพรางผ่านผู้ที่ถูกแอบอ้างเป็นบุคลากรทางการศึกษาบางคนในโรงเรียน
นี้คือตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่ารู้เห็นเป็นใจระหว่างสถานศึกษากับกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในการคบคิดโกงกินเงินรัฐที่ช่วยเหลือโรงเรียนช่วยเหลือครู
เงินจำนวนมากมายกลับกลายเอามาให้โจรใต้ฆ่าประชาชนลองคิดเล่นนะ
แค่เงินของโรงเรียนบากงพิทยาก็ปาเข้าไป 17 ล้านบาทแล้ว และอีก 70 กว่าโรงเรียนล่ะมันเป็นงบประมาณเท่าไหร่ ผู้ก่อเหตุรุนแรงที่แอบแฝงในโรงเรียนสอนศาสนามีกี่คน ที่ปลุกปั่นยุยงสร้างความแตกแยกด้วยการปลุกระดมบิดเบือนศาสนาชาติพันธุ์เพื่อให้คนไทยต้องเกลียดชังกันเข่นฆ่ากันเอง
ก่อเหตุเสร็จก็ได้รับเงินเดือนจากรัฐมันชังน่าละอายใจจริง ๆ
เสียดายงบรัฐที่เสียไปพร้อมชีวิตผู้บริสุทธิ์จริงๆ
นี้ถ้าเอามาพัฒนาทำคุณประโยชน์ให้กับคนในพื้นที่
คงสร้างคุณภาพชีวิตความสุขสบายได้อีกมากมาย แต่สุดท้ายก็ต้องหายไปกับชีวิตประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ต้องมาสูญเสียจากการกระทำกลุ่มขบวนการตลอดระยะเวลา
14 ปี และมันเป็นเรื่องน่าเศร้าใจจริงๆ ที่พวกคุณโกงเงินรัฐยังไม่พอ พวกคุณยังจะเอาไปสนับสนุนผู้ก่อเหตุรุนแรงมาก่อเหตุเข่นฆ่าพี่น้องชาวไทยด้วยกันเอง ที่ผ่านมาชีวิตผู้บริสุทธิ์มันยังสูญเสียไม่พออีกหรือ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น