"กะ กันดา"
ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้
มีหลายคนตั้งคำถามว่าเหตุการณ์จะสงบเมื่อไหร่!! และอีกนานแค่ไหนปัญหาจะคลี่คลายกลับมาสงบสุขดังเดิม!!
คืนสันติสุขที่ทุกคนใฝ่หา ทุกคำถาม?.. ไร้คำตอบเพราะไม่สามารถกำหนดกฎเกณฑ์ให้เป็นไปดั่งที่ทุกคนหวังได้
รากเหง้าปัญหาได้ฝังรากหยั่งลึกสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนอีกทั้งถูกเติมเชื้อจากภัยแทรกซ้อน
ผู้มีอิทธิพล ขบวนการธุรกิจผิดกฎหมาย ประหนึ่งว่ากลุ่มคนเหล่านี้ไม่อยากให้เหตุการณ์ในพื้นที่สงบสุขซึ่งสวนทางกับกระแสเรียกร้องของผู้คนส่วนใหญ่
ในขณะที่เจ้าหน้าที่ใช้มาตรการหลากหลายรูปแบบเพื่อดับไฟใต้ ควบคู่กับการพูดคุยสันติสุขกับกลุ่มคิดต่างจากรัฐ
ดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้กับประชาชนให้พ้นเงื้อมมือจากการก่อเหตุลอบทำร้าย
หรือการก่อเหตุสร้างสถานการณ์ในรูปแบบต่างๆ เพียงเพื่อสร้างความสูญเสียทำลายความเชื่อมั่นของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่รัฐ
แต่ความเชื่ออีกประการหนึ่งที่รัฐจะต้องจะต้องดำเนินการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือการสกัดกั้น
"การบ่มเพาะสมาชิกขบวนการ" ซึ่งเป็นปัญหาต้นน้ำ นำมาซึ่งความรุนแรงทั้งปวง
กลุ่มขบวนการได้ใช้สถานศึกษาบางแห่งเป็นแหล่งบ่มเพาะ
"หน่อพันธุ์ความชั่วร้าย" ขยายรากเหง้าผลิดอกออกผลปลูกฝังแนวความคิดสุดโต่ง
สร้างความรู้สึกย้อนแย้งเกลียดชังเจ้าหน้าที่รัฐและเกลียดชังคนต่างศาสนาที่มิใช่มุสลิม
ปลุกระดมความเป็นมลายู หยิบยกประวัติศาสตร์การล่าอาณานิคม การกลืนชาติพันธุ์
อัตลักษณ์ประเพณีวัฒนธรรมและความเป็นมลายูปาตานี แบ่งแยกเขาแยกเรา ให้ลุกขึ้นทำการต่อสู้โดยใช้ศาสนาเป็นข้ออ้าง
อ้างบุญอ้างบาปให้สมาชิกกระทำหรือไม่กระทำนำไปสู่ความเกรงกลัว ในขณะที่เจ้าของโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลาม
สถาบันศึกษาปอเนาะ และศูนย์การศึกษาอิสลามประจำมัสยิด (ตาดีกา) ต่างออกมาปฏิเสธเสียงแข็งสถานศึกษาเหล่านี้ไม่ได้เป็นสถานที่ในการปลุกระดมบ่มเพาะของกลุ่มขบวนการ
และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการก่อเหตุร้ายในพื้นที่
หลายครั้งหลายคราที่สถานศึกษากลายเป็นที่พักพิงโจร
กลายเป็นสถานที่ฝึกของเหล่านักรบอาร์เคเค เป็นที่เก็บซ่อนอาวุธปืนและวัตถุระเบิด
และที่ร้ายแรงไปกว่านั้นบุคลากรทางการศึกษามีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับการก่อเหตุรุนแรงหรือสนับสนุนกลุ่มขบวนการให้ทำการก่อเหตุ
ล่าสุดกับกรณีของโรงเรียนบากงพิทยาเกิดอะไรขึ้น เมื่อหน่วยงานภาครัฐได้ทำการตรวจสอบความเชื่อมโยงข้อมูลนำไปสู่การเปิดโปงหลักฐาน
แต่ผู้เกี่ยวข้องโรงเรียนดังกล่าวออกมาปฏิเสธเสียงแข็งข้างๆ คูๆ แก้ตัวน้ำขุ่นๆ
ฟังไม่ขึ้น จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม? แทบทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่เข้าไปทำกิจกรรมในสถานศึกษาเหล่านั้นหรือมีการตรวจค้น
จะมีกลุ่มบุคคลดิ้นพล่าน เคลื่อนไหวออกมาปกป้องเพราะอย่างนี้นี่เอง!!!
ไม่เฉพาะแค่เพียงสถานศึกษาเท่านั้นที่มีการบ่มเพาะ
การปลุกระดมล้างสมองเด็กและเยาวชน ยังมาในรูปแบบของการจัดกิจกรรมภาคฤดูร้อนที่ใช้ชื่อกิจกรรมสวยหรู
หลอกล่อเหยื่อให้มาติดกับ สมัครเข้าร่วมกิจกรรมแต่เนื้อในสอดไส้ด้วยเนื้อหาที่ปลุกความเป็นปาตานี
อย่างเช่นล่าสุดกิจกรรมภาคฤดูร้อนของกลุ่ม PerMAS และเครือข่ายที่ชื่อว่า
"Sumbut an Anak
Patani" หากแปลเป็นไทย "งานต้อนรับลูกหลานปาตานี"
พัฒนาสัมพันธ์ เพื่อใจเดียวกัน นำไปสู่ความเป็นปาตานีหนึ่งเดียว ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่
13-16 เมษายนที่ผ่านมาในพื้นที่ จ.สตูล ในกิจกรรมดังกล่าวมีการจัดแคมเปญ Satu
Patani (หนึ่งเดียวปาตานี) เพื่อกำหนดชะตากรรมของตัวเอง
เป้าหมายเพื่อสันติภาพปาตานี ทำการปลุกระดมปกป้องศาสนาและเชื้อชาติ ปลุกระดมให้ทำการต่อสู้ยอมเสียสละชีวิตเพื่อปาตานีที่รัก...
ยังไม่นับรวมถึงกิจกรรมภาคฤดูร้อนอื่นๆ
อีกหลายกิจกรรมที่กลุ่มนักศึกษาหลายสถาบันในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งเป็นเครือข่ายกลุ่ม
PerMAS ได้จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี
มีการแอบแฝงบ่มเพาะ ปลุกระดมบุตรหลานโดยที่ผู้ปกครองไม่เคยคิดเฉลียวใจ ไม่รู้ว่าบุตรหลานไปเจออะไร
แค่รู้ว่าเข้าค่ายภาคฤดูร้อน หลายครอบครัวไม่เคยทราบมาก่อนว่าบุตรหลานเป็นแนวร่วม
พ่อแม่เชื่อและคิดมาโดยตลอดว่าลูกหลานเป็นเด็กดี เรียนเก่ง เรียบร้อย
แต่เมื่อรู้อีกทีกลับสายเกินแก้.. บุตรหลานเป็นผู้ร้ายไปก่อเหตุถูกจับกุมต้องจำนนด้วยหลักฐานติดคุก
หนักหนาสาหัสเกิดการปะทะถึงขั้นถูกวิสามัญ "เสียชีวิต" กล่าวหาเจ้าหน้าที่กระทำเกินกว่าเหตุ
ทำร้ายเด็กเรียน เด็กดีของพ่อแม่ กลายเป็นปมก่อประเด็นให้กลุ่มคิดต่างจากรัฐนำไปกล่าวหาโจมตีซึ่งมีให้เห็นอยู่บ่อยครั้ง
เพราะฉะนั้นผู้เขียนฝากเตือนกันเป็นประจำทุกปีปิดเทอมภาคฤดูร้อน ดูแลบุตรหลานของท่านอย่างใกล้ชิด
อย่าปล่อยให้กลุ่มคนที่คิดการใหญ่ใช้บุตรหลานของท่านเป็นเครื่องมือ... เข้าค่ายล้างสมองกลายเป็นแนวร่วมโดยไม่รู้ตัว
แล้วครอบครัวของท่านเองจะต้องเสียใจในภายหลังไม่สามารถย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรได้อีก...
หากถลำลึกเข้าสู่วังวนความชั่วร้ายที่กลุ่มบุคคลบางกลุ่มยัดเยียดให้....
----------------------
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น