"Ibrahim"
กรณี
สื่อสังคมออนไลน์ของกลุ่มการเมืองเสื้อแดง “เรารักเสื้อแดง เกลียดสลิ่ม V 2” ได้ทำการโพสต์ภาพการ์ตูนที่มีการตัดต่อภาพใบหน้าของ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี อีกทั้งนำภาพข่าว “มทภ.4
ปลื้ม! แนวร่วมพูโล 103 คน ขอเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน” พร้อมกับได้มีการโพสต์ข้อความ
“ดังไปทั่วโลก สื่อการ์ตูนต่างชาติแฉ
ประยุทธ์เปิดประตูบ้านรับกลุ่ม ไอเอส เข้าไทย แม่ทัพภาค 4
รู้เห็นใช้แนวร่วมพูโลจับมือไอซิสฝึกอาวุธในไทย” ซึ่งประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่
20 กรกฎาคม 2561
ต่อมาเมื่อวันที่
26 สิงหาคม 2561 เพจ: เสียง แห่งสันติภาพ และเพจ: มารา กล้วยตานี
ได้นำโพสต์ดังกล่าวมาทำการโพสต์ต่อในหน้าเพจ และได้ติดแฮชแท็กอ้างแหล่งที่มา จาก #สื่อต่างประเทศ
จากพฤติกรรมดังกล่าวของทั้ง 2 เพจ
ตั้งใจนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยไม่มีการตรวจสอบข้อเท็จจริง
กล่าวหาโจมตีใส่ร้าย นายกรัฐมนตรี และแม่ทัพภาคที่
4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ซึ่งแอดมินของเพจดังกล่าวทำการโพสต์มั่วอีกทั้งไม่มีวิจารณญาณ
ข้อเท็จจริง
จากการตรวจสอบที่มาของภาพการ์ตูนพบที่มีการตัดต่อภาพใบหน้าของ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเข้าไปในภาพ พบว่าภาพเขียนการ์ตูนดังกล่าวมุ่งโจมตีนักสิทธิมนุษยชน
ว่าเป็นเครื่องมือ UN เป็นผู้เปิดพรหมแดนให้มุสลิม
โรฮีนจา จากประเทศบังคลาเทศเข้าพม่าทำการเข่นฆ่าผู้คน
ส่วนภาพข่าว
“มทภ.4 ปลื้ม!
แนวร่วมพูโล 103 คน ขอเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน” ภาพข่าวดังกล่าวได้ทำการเผยแพร่โดยไทยรัฐออนไลน์
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2561 ซึ่งที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 จ.ปัตตานี พลโท ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่
4/ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4
เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการปฏิบัติโครงการพาคนกลับบ้าน โดยมีนายแวดือราแม
มะมิงจิ ประธานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี รวมถึงผู้แทนจากหน่วยงานต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม
โดยในที่ประชุมหารือความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการพาคนกลับบ้านในประเด็นการอำนวยความสะดวกด้านกระบวนการยุติธรรมและขั้นตอนการพิสูจน์สัญชาติ
โดยภายหลังการประชุมได้มีการพบปะกับผู้ที่เข้ารายงานตัว โครงการพาคนกลับบ้านจำนวน
103 คน พร้อมญาติพี่น้องซึ่งประกอบด้วยสมาชิกบีอาร์เอ็น และพูโลเก่า
รวมถึงผู้ที่เข้าไปหลบหนียังประเทศเพื่อนบ้าน
จากการกระทำดังกล่าวของกลุ่มการเมืองเสื้อแดง“เรารักเสื้อแดง เกลียดสลิ่ม V 2”ที่เป็นต้นตอของการโพสต์ดังกล่าว รวมทั้งเพจ:
เสียง แห่งสันติภาพ และเพจ: มารา กล้วยตานี ต้องการอะไร!!
ที่แน่ๆ ได้กระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์
มาตรา 14 ซึ่งผู้ใดกระทําความผิดที่ระบุไว้ในข้อที่ (1) โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง
นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ ที่บิดเบือนหรือปลอม
ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ
โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน
อันมิใช่การกระทําความผิดฐานหมิ่นประมาทตามประมวลกฎหมายอาญา
ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
การสื่อเพื่อให้คนทั่วไปเข้าใจผิดต่อนายกรัฐมนตรีและแม่ทัพภาคที่
4 ถือได้ว่าร้ายแรงกับข้อความใส่ร้ายป้ายสี “ดังไปทั่วโลก สื่อการ์ตูนต่างชาติแฉ
ประยุทธ์เปิดประตูบ้านรับกลุ่ม ไอเอส เข้าไทย แม่ทัพภาค 4
รู้เห็นใช้แนวร่วมพูโลจับมือไอซิสฝึกอาวุธในไทย” เป็นเรื่องใหญ่ที่จะต้องทำการตรวจสอบนำตัวผู้ที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดี
การสืบค้น IP เครื่องของผู้กระทำความผิดคงไม่ยากเกินความสามารถของเจ้าหน้าที่โดยเฉพาะกระทรวง
ICT ที่จะต้องรับหน้าเสื่อดำเนินการเรื่องนี้
มิเช่นนั้นเหตุการณ์เช่นนี้คงจะเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ
เนื่องจากการบังคับใช้กฎหมายต่อผู้กระทำความผิดรัฐไม่จริงจัง
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่เสพสื่อสังคมออนไลน์คงจะแยกแยะเรื่องไหนจริงเรื่องไหนไม่จริง
เพราะบางเรื่องมีบุคคลบางกลุ่มพยายามแต่งเติมเสริมแต่งขึ้นมาเพื่อหวังผลทางการเมือง
ทำลายความเชื่อมั่นของประเทศ จ้องทำลายล้มล้างรัฐบาล เป็นเรื่องของการเมืองแต่ไม่คิดถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในภาพรวมของประเทศ
*****************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น