"Ibrahim"
คำว่า “ยุทธวิธี”และ “ยุทธศาสตร์”
เรามักจะได้เห็นหรือได้อ่านผ่านตาอยู่บ่อยครั้งของคำทั้งสอง ซึ่งส่วนมาก
มักจะใช้อยู่ในแวดวงทหาร แต่สำหรับปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้วการวางแผน ยุทธวิธี
(tactics) และยุทธศาสตร์ (strategic)
นั้นมีความสำคัญต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐเองในการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น
แต่ในขณะเดียวกันฝ่ายบีอาร์เอ็นที่ต่อต้านรัฐไทยก็มีการวางแผนยุทธวิธีและกำหนดยุทธศาสตร์เช่นเดียวกันในการมุ่งไปสู่เอกราช
หรือ Merdeka
ผู้เขียนได้มีโอกาสไปนั่งฟังผู้ที่ช่ำชองและคร่ำหวอดในวงการสื่อซึ่งเกาะติดสถานการณ์ชายแดนใต้
ได้วิเคราะห์ถึงท่าทีขบวนการบีอาร์เอ็นในการเดินเกมต่อสู้ห่ำหั่นกับรัฐไทยและได้กล่าวไว้น่าสนใจทีเดียวนั่นคือ
ตลอดระยะเวลาสิบกว่าปีที่ผ่านมานับจากวันเสียงปืนแตกที่ค่ายปิเหล็งจนถึงปัจจุบัน
ถึงแม้หลายฝ่ายต่างออกมายืนยันว่าสถานการณ์ดีขึ้น
เหตุการณ์ลดลงอย่างต่อเนื่องแต่ความเคลื่อนไหวของขบวนการบีอาร์เอ็นที่วางยุทธศาสตร์ไว้ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
นั่นคือการต่อสู้เพื่อต้องการแบ่งแยกดินแดนแยกตัวเป็นเอกราชจากรัฐบาลไทย
แต่ยุทธวิธีการปฏิบัติย่อมมีการเปลี่ยนแปลงไปตามสถานการณ์
เมื่อกล่าวถึงยุทธวิธี (tactics)
ของกลุ่มขบวนการบีอาร์เอ็นเพื่อใช้ในการขับเคลื่อนไปสู่เอกราชนั้นมีอยู่ 2
ยุทธวิธีด้วยกันคือ ยุทธวิธีในการแบ่งแยก
และยุทธวิธีในการชี้ความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐ
ยุทธวิธีในการแบ่งแยกคือการดึงมลายูมุสลิมออกมาเพื่อโดดเดี่ยวคนต่างศาสนา
ใช้ความเป็นเชื้อชาติ ศาสนา ภาษาวัฒนธรรม และอัตลักษณ์ประเพณีเดียวกัน
เชิดชูความเป็นหนึ่งเดียวปาตานี (Satu Patani) ปลุกระดมในเรื่องประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์
การถูกละเมิดสิทธิมนุษยชน การไม่ได้รับความเป็นธรรม และความไม่เท่าเทียมในสังคม
ยุทธวิธีการแบ่งแยกมลายูมุสลิมจะเห็นได้จากการสร้างความหวาดกลัว
ความหวาดระแวงของพี่น้องในพื้นที่
ขบวนการบีอาร์เอ็นทำการก่อเหตุสร้างสถานการณ์เพื่อให้เกิดความขัดแย้งระหว่างคนต่างศาสนา
กระทำต่อพี่น้องชาวไทยพุทธต้องอพยพทิ้งถิ่นฐานหนีตายออกนอกพื้นที่
ต้องการสังคมเชิงเดี่ยวที่มีแต่ผู้นับถือศาสนาอิสลามศาสนาเดียวเท่านั้น
ส่วนยุทธวิธีในการชี้ความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่รัฐยังคงมีให้เห็นโดยต่อเนื่อง
จะมีปีกการเมืองคอยกระทุ้งยามที่เจ้าหน้าที่รัฐปฏิบัติงานผิดพลาด
ทำการขยายผลสร้างการรับรู้ในสื่อสังคมออนไลน์ ปล่อยข่าวลือในร้านน้ำชา
หรือในที่ชุมนุมคนหมู่มาก
เก็บภาพความรุนแรงในที่เกิดเหตุเพื่อสื่อไปยังองค์กรระหว่างประเทศ โจมตีนโยบาย
แผนงานโครงการรัฐบาล แย่งชิงมวลชนกับรัฐด้วยการกระทำทุกรูปแบบเพื่อหาสมาชิกแนวร่วมสนับสนุนขบวนการ
กล้าแม้กระทั่งลงมือเข่นฆ่าคนศาสนาเดียวกัน
จัดตั้งกลุ่มจิตอาสาเพื่อทำงานมวลชนเอาใจชาวบ้าน
ข่าวเชิงลึกจิตอาสาเหล่านี้รวมกลุ่มขึ้นมาทำแม้กระทั่งขุดหลุมฝังศพให้กับผู้ที่เสียชีวิต
นำยุทธวิธีของ จคม.ในอดีตมาปัดฝุ่นปรับใช้
จะเห็นได้ว่า “ยุทธวิธี” บีอาร์เอ็นเปลี่ยนไปตามสถานการณ์
แต่ “ยุทธศาสตร์” Merdeka ไม่เคยเปลี่ยน ถึงแม้ว่าจะมีการพูดคุยสันติสุขกับรัฐบาลไทยบนโต๊ะเจรจาก็ตามที
ยุทธวิธีที่ใช้ในการเคลื่อนไหวยังคงเดินหน้าตลอดเวลาถึงแม้ภาพรวมสถานการณ์ไฟใต้จะลดลงอย่างต่อเนื่อง
การต่อสู้ทางการเมืองก็จะต้องยังต่อสู้กันไปอีกนาน
แต่วิธีการที่จะไปสู่สันติสุขนั้นไม่มีที่ไหนในโลกนี้ได้มาซึ่งสันติสุขจากการใช้กำลัง
ใช้ความรุนแรงแลกมา วิธีการเดียวเท่านั้นที่จะนำมาซึ่งความสงบสุขนั่นคือ “การพูดคุย”
*****************
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น