8/12/2561

โจรใต้ สัตว์นรก ปล้นฆ่า 2 แม่ลูก แม้เด็กคุกเข่าไหว้ร้องขอชีวิต ก็ไม่ละเว้น

แบคอลี ลังกาสุกะ

การก่อเหตุร้ายรายวันของขบวนการโจรใต้มีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้คนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นพี่น้องไทยพุทธ - ไทยมุสลิม ต่างก็ต้องตกเป็นเหยื่อของกลุ่มโจรใต้ที่มุ่งทำลายชีวิตของคนในพื้นที่ หลายคนต้องปรับตัว
เพื่อใช้ชีวิตให้เข้ากับสถานการณ์ท่ามกลางความรุนแรงรายวัน กลุ่มโจรใต้ยังคงรอคอยโอกาสในการก่อเหตุสร้างความสูญเสีย ต่อเจ้าหน้าที่รัฐ และชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ ไม่เว้นแม้แต่ เด็ก ผู้หญิง คนชรา ดั่งเช่น กรณีเหตุการณ์ร้ายต่อเนื่อง โจรใต้ก่อเหตุฆ่า 5 ศพ ในห้วงที่ผ่านมา บ่งบอกถึงความโหดร้ายของโจรใต้ที่ยังคงใช้พฤติกรรมความป่าเถื่อนเดิม ๆ มาเข่นฆ่าประชาชนผู้บริสุทธิ์


กรณีเมื่อวันที่ 7 ส.ค.61 กลุ่มโจรใต้ลอบยิง จนท.อส.ชุด รปภ.ครู เหตุเกิดที่บ้านโผลง ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส ทำให้ จนท.อส. 2 นาย ซึ่งเป็นไทยมุสลิมเสียชีวิต ทั้งนี้กลุ่มคนร้ายได้เผารถจักรยานยนต์และขโมยอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ไปด้วยเพื่อหวังนำไปก่อเหตุต่อประชาชนผู้บริสุทธิ์ หลังจากคลายความโศกเศร้าไม่นาน

เมื่อวันที่ 11 ส.ค. 61 กลุ่มโจรใต้ใช้อาวุธปืนยิง อส.ทพ.ภูมิศักดิ์ เย็นทั่ว (จนท.ทพ.42) เสียชีวิต ขณะกำลังเดินทางนำของช่วยเหลือไปมอบกับชาวบ้านในพื้นที่


และในวันเดียวกันนี้เองเหตุการณ์สะเทือนใจต่อคนทั้งประเทศก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อกลุ่มโจรใต้ได้ก่อเหตุปล้นรถจักรยานยนต์ของ 2 แม่ลูก เพื่อนำไปประกอบระเบิด ด้วยการใช้อาวุธปืนไล่ยิงจากข้างหลังอย่างโหดเหี้ยม ทำให้ 2 แม่ลูก เสียชีวิตทันที  ทราบชื่อ นางนิตยา  แก่นเรือง อายุ ๔๐ ปี และ ด.ญ.อัจริยา  แก่นเรือง อายุ 13 ปี ภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 339 ม.6 ต.ปาลุกาสาเมาะ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส โดยหลังก่อเหตุคนร้ายได้นำรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิกสีขาว หมายเลขทะเบียน ขตท 329 นราธิวาส หลบหนีไปด้วย

จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นางนิตยา ผู้เป็นแม่ได้ขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพัก โดยมีลูกสาว
นั่งซ้อนท้ายไปด้วย เพื่อเดินทางไปซื้อกับข้าวที่ตลาดนัดต้นไทร อ.บาเจาะ เมื่อทำธุระเสร็จ ได้ขับรถจักรยานยนต์เพื่อกลับบ้านพัก แต่เมื่อถึงที่เกิดเหตุมีคนร้าย จำนวน 2 คน ขี่รถจักรยานยนต์ไล่ตามประกอบยิงจากข้างหลัง
ทำให้รถจักรยานยนต์ของนางนิตยา เสียหลักล้มลง เป็นเหตุทำให้แม่ลูกได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่คนร้ายจะสบโอกาสเข้าประชิดตัว ลงมาจากรถก่อนจะใช้อาวุธปืนยิงนางนิตยา เสียชีวิตต่อหน้าลูกสาว ขณะที่ ด.ญ.อัจริยา แก่นเรือง เด็กอายุเพียง 13 ปี เห็นผู้เป็นแม่ถูกยิงเสียชีวิต ได้คุกเข่ายกมือไหว้อ้อนวอนร้องขอให้คนร้ายไว้ชีวิตตน แต่การร้องขอนั้นไม่เป็นผล คนร้ายได้จอปืนที่ศรีษะพร้อมกับเหนี่ยวไกลั่นกระสุนทันที ทำให้ ด.ญ.อัจริยา แก่นเรือง เสียชีวิตพร้อมกับผู้เป็นแม่  


จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญดังกล่าว ได้สร้างความหดหู่ใจให้กับคนในพื้นที่เป็นอย่างมาก ทำให้ประชาชน
รุมประณาม ผู้คนต่างสาปแช่งต่อการกระทำของกลุ่มขบวนการโจรใต้ที่ขาดความยั้งคิดในครั้งนี้ โดยเฉพาะ
การกระทำต่อเป้าหมายอ่อนแอผู้หญิงและเด็ก รวมถึง นายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาฮิวแมนไรท์วอทช์ ประจำประเทศไทย ที่พยายามหลับหูหลับตามากว่า 14 ปี พึ่งเห็นการกระทำอันชั่วช้าโหดเหี้ยมของโจรใต้ในครั้งนี้ ได้กล่าวประณามการก่อเหตุในครั้งนี้ว่า "ผ่านมา 14 ปี ยอมรับกันได้แล้วว่า กลุ่มแยกดินแดนมีนโยบายทำร้ายพลเรือน โดยไม่คิดถึงหลักสิทธิมนุษยชน และข้อห้ามของศาสนาอิสลาม การกระทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ต้องประณามกันแบบไม่อ้อมค้อม" นี่คือคำกล่าวของผู้ที่ขึ้นชื่อว่านักสิทธิมนุษยชนที่ทนไม่ไหวกับการก่อเหตุของโจรใต้ พฤติกรรมอันสุดโต่งของโจรใต้ที่กระทำการอุกอาจ ไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ไร้ซึ่งมนุษยธรรม กระทำขัดต่อหลักศาสนาอิสลาม ใช้ความรุนแรงต่อประชาชน ทำการปล้นฆ่าชิงทรัพย์และประทุษร้ายหมายต่อชีวิตของประชาชน ซึ่งครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น กลุ่มโจรใต้ยังคงมีสันดานเยี่ยงสัตว์นรกหมายเพียงจะฆ่าให้ตาย แม้เหยื่อเป็นเด็กจะร้องขอที่จะมีชีวิตอยู่ แต่โจรใต้กลับมอบความตายไปพร้อมกับผู้เป็นแม่ ไม่มีโอกาสที่จะมีชีวิต ไม่มีโอกาสแม้แต่จะร่ำลาผู้เป็นแม่ที่เสียชีวิต ถ้าจิตใจมันยังคงเป็นมนุษย์อยู่ มันคงจะไม่เลือกยิงแม่ลูก ไม่ยิงเด็กที่กำลังร้องขอชีวิต แต่นี่มันคือสัตว์นรก มันคือโจรใต้ที่ไม่หลงเหลือความเป็นมนุษย์อยู่ในจิตใจ ตั้งใจเจาะจงกระทำต่อเด็กและผู้หญิงที่ไม่มีทางสู้
เหตุการณ์ในครั้งนี้ ทำให้เห็นว่ากลุ่มขบวนการโจรใต้กำลังจะล่มสลายลงไปทุกที การถดถอยของกลุ่มขบวนการที่ไม่สามารถคุมลูกน้องตัวเองได้ เลือกเป้ามุ่งทำร้ายประชาชนผู้บริสุทธิ์ เลือกกระทำต่อเป้าหมายอ่อนแอ
เหยื่อแม่ลูกที่ไม่มีทางสู้ไร้อุดมการณ์เป็นได้แค่ทาสที่กลุ่มอาชญากรทอดทิ้ง ไร้เงินช่วยเหลือต้องหาออกปล้นฆ่าชาวบ้าน เพื่อหาเศษเงินมาก่อเหตุหาเงินมาจุนเจือครอบครัว ต้องอดมื้อกินมื้อ คอยหลบหนีการจับกุม
ของเจ้าหน้าที่ แทนที่จะได้อยู่ร่วมกับครอบครัวเหมือนครอบครัวอื่น แต่กลับยัดเยียดความสูญเสียพร้อมกับมอบคราบน้ำตาให้กับคนในพื้นที่ โดยไม่เคยแยแสต่อความเจ็บปวดของผู้สูญเสียเลยแม้แต่น้อย ขณะที่คนที่บงการสั่งการอยู่มาเลย์กลับเสวยสุขกันอย่างอิ่มหนำสำราญ มีบ้านหลังใหญ่โตอยู่อาศัย มีรถหรูขับขี่ ปล่อยให้ลูกน้องตัวเองก่อเหตุติดคดีหนีหัวซุกหัวซุนไม่มีการช่วยเหลือใด ๆ

ความสูญเสียที่เกิดขึ้นไม่สามารถทดแทนด้วยสิ่งใด “การเยียวยา” ไม่สามารถเยียวยาจิตใจความรู้สึกของผู้ที่สูญเสียได้ จะหันหน้าไปพึ่งพาอาศัยองค์กรภาคประชาสังคมบางกลุ่มก็เหนื่อยล้าเต็มที!! มีแต่ตั้งหน้าตั้งตาเล่นประเด็นการซ้อมทรมาน เล่นงานเจ้าหน้าที่รัฐอย่างเดียว จับโจรโวยวาย จับคนร้ายละเมิดสิทธิ ปกป้องคนผิดแบบสุดโต่ง แล้วสังคมจะอยู่รอดได้อย่างไร? ในเมื่อพฤติกรรมการกระทำขัดแย้งกับแนวทาง “องค์กรภาคประชาสังคม
เพื่อประชาชนและสังคม”แต่สิ่งที่เป็นอยู่คือ “องค์กรภาคประชาสังคม เพื่อปกป้องกลุ่มขบวนการโจรใต้”
ซะมากกว่า!! มันชังน่าสมเพชกับแนวทางการต่อสู้ของกลุ่มขบวนการโจรใต้ที่กระทำตัวเยี่ยงสัตว์นรก
เป็นได้แค่“อาญิง”ตัวหนึ่งที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไร้ซึ่งแผ่นดินจะอยู่ วันใดวันหนึ่งก็ต้องถูกจับกุมไม่ก็ถูกวิสามัญเสียชีวิต ไร้การช่วยเหลือเหลียวแลจากนายใหญ่...แล้วพวกคุณยังต้องการจะเป็นทาสรับใช้ขบวนการโจรใต้อยู่อีกหรือ?



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น