หะยีสุหลง
คือครูสอนศาสนาและผู้นำจิตวิญญาณของชาวไทยมุสลิมในพื้นที่ 3 จชต.
ซึ่งในขณะนั้น
ราวปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยก็มีการเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ภายหลังการปฏิวัติ และเกิดมีกลุ่มขบวนการมุสลิมปัตตานี
ก่อเหตุจลาจล โดยมี หะยีสุหลง เป็นผู้นำ สร้างความวุ่นวายไปทั่ว 3 จชต.
เพื่อต่อต้านอำนาจรัฐบาล เกิดปัญหาความไม่เข้าใจกันในด้านภาษาและวัฒนธรรม จึงมีแนวความคิดที่จะปกครองตนเองโดยการแบ่งแยกดินแดน
3 จังหวัด แต่ก็กลัวถูกข้อหากบฏ จึงได้เสนอคำเรียกร้อง 7 ข้อ แก่รัฐบาล
โดยอาศัยหลักการจิตวิทยา ดังนี้
1. ขอให้มีการปกครองใน 4
จังหวัดปัตตานี สตูล ยะลา นราธิวาสโดยมีผู้ดำรงตำแหน่งอย่างสูง
ให้มีอำนาจในการศาสนาอิสลามและมีอำนาจแต่งตั้งข้าราชการใน 4 จังหวัดโดยสมบูรณ์
และให้ออกโดยเหตุประการต่างๆ ผู้ที่จะดำรงตำแหน่งสูงนี้ต้องเป็นมุสลิมใน 4
จังหวัดนี้ และเป็นผู้ที่ได้รับเลือกจากปวงชนมุสลิมภาคนี้
โดยจะให้มีกำหนดเวลาดำรงตำแหน่งตามทางราชการก็ได้
2. ข้าราชการแต่ละแผนกใน 4
จังหวัดนี้ให้มีอิสลาม 80 เปอร์เซ็นต์ประกอบอยู่ด้วย
3.
การใช้หนังสือในราชการให้ใช้ภาษามลายูและให้ควบกับภาษาไทยด้วย เช่น แบบฟอร์ม
หรือใบเสร็จต่างๆ จะต้องให้มีภาษามลายูใช้ด้วย
4.
การศึกษาโรงเรียนชั้นประถมให้มีการศึกษาภาษามลายูตลอดประถมบริบูรณ์
5. ขอให้มีศาลรับพิจารณาตามกฎหมายอิสลามแยกออกจากศาลจังหวัดที่มีแล้ว
มีโต๊ะกาลีพอสมควรและมีเสรีในการพิพากษาชี้ขาดความโดยจะฟังเสียงผู้ใดไม่ได้
นอกจากผิดหลักกฎหมาย
6. ผลประโยชน์รายได้ต่างๆ
จะต้องใช้จ่ายในภาค 4 จังหวัดนี้ โดยไม่แบ่งจ่ายให้แก่ที่อื่นเลย
7.
ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดนี้มีเอกสิทธิ์ออกระเบียบเกี่ยวกับการปฏิบัติศาสนาอิสลามโดยเห็นชอบผู้มีอำนาจสูง
(ตามข้อ 1)
เป็นไงครับ
7 ข้อทรราช อ่านแล้วก็เหมือนไม่มีอะไรรุนแรง ก็ปกติทั่วไป
ไม่เห็นมีบอกเลยว่าอยากขอแบ่งแยกดินแดน ถ้าคิดเช่นนี้เท่ากับว่าคุณติดกับดักที่วางไว้แล้ว
เรามาตีความหมายของแต่ละข้อแบบบ้านๆ กันดูครับ
1.เขาต้องการปกครองตนเองโดยครอบคลุมพื้นที่
4 จังหวัดชายแดนใต้ โดยมีผู้นำสูงสุดเป็นมุสลิมในพื้นที่
มีอำนาจเด็ดขาดในการแต่งตั้ง เลื่อนยศ ปลด ย้าย ข้าราชการใน 4 จังหวัดโดยสมบูรณ์
รัฐบาลไทยจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องตรงนี้เลย
สุดท้ายเมื่อได้เป็นเอกเทศเช่นนั้นแล้วก็จะเรียกร้องแบ่งแยกดินแดนต่อไป
2. ข้าราชการแต่ละส่วนจะต้องมีมุสลิม
80 เปอร์เซนประกอบอยู่ด้วย มุสลิมต้องมาก่อนศาสนาอื่นในพื้นที่ตรงนี้
3. ให้ใช้ภาษามลายูในหนังสือราชการควบคู่กับภาษาไทยด้วยก็ได้
อันนี้พยายามบอกว่าพื้นที่นี้มีภาษาของตนเอง
แต่ทำให้ดูลดความกระด้างกระเดื่องลงด้วยการใช้คำว่า “ควบคู่กับภาษาไทย”
4.ให้ใช้ภาษามลายูในการสอนนักเรียนในชั้นประถมศึกษาเท่านั้น
ข้อนี้สำคัญเลยเพราะจะทำให้เด็กไม่รู้ภาษาไทย สังเกตดูว่าคนแก่ในพื้นที่ส่วนใหญ่พูดภาษาไทยไม่ค่อยได้
เพราะถูกปิดกั้นการใช้ภาษามาตั้งแต่สมัยก่อน และยิ่งถ้าไม่มีครูไทยพุทธด้วยละก็
เด็กๆ โดนกล่อมประสาทหมดโรงเรียนแน่
5.ขอใช้ศาลอิสลามหรือกฎหมายชารีอะห์
โดยไม่จำเป็นต้องมีศาลไทยหรือกฎหมายไทย ซึ่งที่นี่เป็นประเทศไทยสมควรต้องใช้กฎหมายไทยและรัฐธรรมนูญไทย
เท่านั้น
6.ภาษีที่เก็บได้จากคนในพื้นที่ให้ใช้เฉพาะใน
4 จังหวัดเท่านั้น ห้ามนำออกไปให้จังหวัดอื่น แต่สามารถรับจากที่อื่นเข้ามาได้
เอออันนี้ฉลาดดี รับได้แต่ให้ไม่ได้
7.ให้คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดมีส่วนในการออกระเบียบต่างๆ
เกี่ยวกับการปฏิบัติทางศาสนาอิสลามโดยผ่านผู้นำสูงสุดในพื้นที่ 4 จังหวัด
อันนี้ก็ปกติ ไม่มีอะไร
และปัจจุบันรัฐบาลไทยก็สนับสนุนการปฏิบัติทางศาสนาอิสลามอย่างดี
และต่อเนื่องเป็นประจำ บางครั้งดีกว่าไทยพุทธเสียอีก
ถ้าเขาขอปกครองตนเองได้
มีหรือที่จะไม่ขอแบ่งแยกดินแดน 7 ข้อนี้มันแค่จิตวิทยาหลอกเด็กเฉยๆ ถ้าปล่อยให้มีการปกครองตนเอง ตั้งแต่ตอนนั้นนะ
เราจะไม่มีด้ามขวานจวบจนปัจจุบันเป็นแน่แท้
ต่ออีกนิดนะครับ ไอ้พรรคอนาคตใหม่
ไอ้ธนาธร มึงรู้อะไรเกี่ยวกับปัญหาในพื้นที่ชายแดนใต้บ้างหรือแค่ต้องการฐานเสียงที่ยิ่งใหญ่
นักการเมืองรุ่นใหม่ผมยอมรับ พวกแก่ๆ ล้าหลัง กลับไปพักที่บ้านได้แล้ว
ให้รุ่นใหม่ๆ ได้โชว์ฝีมือบ้าง แต่!!
คุณจะเอาปัญหาชายแดนใต้ที่ยืดเยื้อมานาน
มาเป็นประโยชน์เพื่อฐานเสียงตนเองแบบนี้ไม่ได้
พวกที่คุณไปคุยด้วยก็แนวร่วมฝ่ายขบวนการทั้งนั้น บิดเบือน ปลุกระดม
ในโลกโซเชียลต่างๆ นาๆ
พยายามดึงองค์กรต่างชาติให้เข้ามาแทรกแซงการแก้ปัญหาเพื่อเอื้อประโยชน์ในการขอแบ่งแยกดินแดนต่อรัฐบาลไทย
ทำไมคุณไม่ลองไปฟังชาวบ้านในพื้นที่จริงๆ ดูละครับ ไม่ใช่พวกตัวแทนส่วนต่างๆ
แบบนั้น ถ้าจะเป็นนักการเมืองต้องเข้าถึงชาวบ้านจริงๆ ถ้าอยากแก้ปัญหาจริงๆ
ต้องเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ให้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น