1/28/2562

ความเชื่อมโยงของการสนับสนุน ผกร.เหตุการณ์ปะทะที่ยะหริ่ง


                   จากเหตุการณ์เมื่อ 10 ม.ค. 62, เวลา 1145 เหตุคนร้ายประมาณ 6-8 คน แต่งกาย  ชุดดำ สวมหมวกไหมพรมสีดำ มีเครื่องหมาย และผ้าพันคอของเจ้าหน้าที่ทหารพราน เดินเท้ามาตามถนนด้านข้างของโรงเรียนบ้านบูโกะ หมู่ 5 ต.ประจัน อ.ยะรังฯ และคนร้ายส่วนหนึ่งได้เดินเข้ามาที่ประตูทางเข้าด้านข้างโรงเรียน และอีกส่วนหนึ่งอยู่บริเวณบ้านที่อยู่ติดด้านหลังของอาคารโรงเรียน หลังจากนั้น คนร้ายที่เข้ามาได้แสดงท่าทีมาทำการตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงาน เมื่อเห็นเจ้าหน้าที่ อส. ขาดความระมัดระวัง คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนกราดยิงเจ้าหน้าที่ อส. ทั้ง 4 นาย และเข้าไปยิงซ้ำ ที่บริเวณศีรษะ และลำตัว เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ จากนั้น คนร้ายได้นำอาวุธปืน HK 33 ของ เจ้าหน้าที่ อส. ไป จำนวน 4 กระบอก หลังก่อเหตุคนร้ายได้หลบหนีไปทางถนน โดยใช้รถ จยย. เป็นพาหนะ จำนวน 4 คัน ซึ่งไปทางบ้านปูยุด ต.ปูยุด อ.เมืองปัตตานี และ บ้านสะดาวา ต.สะดาวา อ.ยะรังฯ และกลุ่มคนร้ายส่วนหนึ่ง ซึ่งเป็นกลุ่มสนับสนุน ได้โปรยตะปูเรือใบบริเวณทางเข้าด้านหน้าและด้านหลังของโรงเรียน เพื่อสกัดเจ้าหน้าที่ไม่ให้ไล่ติดตาม

   
                ต่อมาหลังเกิดเหตุได้มีการสั่งการให้ทุกหน่วยตั้งจุดตรวจจุดสกัด ซึ่งขณะนั้น สภ.เมืองปัตตานี  ได้สนธิกำลังออกปฏิบัติการเชิงรุก และติดตามคนร้ายที่ก่อเหตุ โดยปิดล้อมตรวจค้นบริเวณ หมู่ 1 ต.บานา อ.เมืองปัตตานีฯ และได้พบชายต้องสงสัยนั่งอยู่บริเวณบ่อเลี้ยงปลาดุก จำนวน 2 คน ท่าทางมีพิรุธ เมื่อพบเห็นเจ้าหน้าที่ฯ ได้รีบเดินหนีไปตามคูบ่อปลาและพยายามวิ่งหลบหนี พร้อมกับใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่ฯ ทำให้มีการยิงตอบโต้ และวิ่งไล่ติดตาม สามารถควบคุมตัวได้ จำนวน 1 คน คือ นายมะกรี อิสอปูเต๊ะ อายุ 44 ปี เลขที่ 50/1 หมู่ ๕ ต.จะแหน อ.สะบ้าย้อย จว.ส.ข. ส่วนคนที่หลบหนีได้ คือ นายอับดุลเลาะ เจะหลง อายุ ๓๗ ปี เลขที่ ๕๔/๓ หมู่ 3 ต.ตันหยงลุโละ อ.เมืองปัตตานีฯ โดยใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่ได้วิ่งตามไป มีการยิงตอบโต้กระสุนปืนถูกชายที่วิ่งหนี (เนื่องจากพบรอยเลือดหยดตามทางที่หลบหนี) เจ้าหน้าที่ฯ จึงได้ติดตามรอยเลือดของคนร้ายไปตามถนนลูกรังตัดทุ่งนา ข้ามคลองชลประทานและตัดเข้าไปในป่าละเมาะ พื้นที่ หมู่ 3 ต.ตันหยงลุโละ อ.เมืองปัตตานีฯ ได้ไปพบรถ จยย. จำนวน 2 คัน จอดอยู่บริเวณใต้พุ่มไม้ ติดกับคูคลอง รือเซะ หมู่ 3 บ้านบานา ต.บานา อ.เมืองปัตตานีฯ และห่างจากจุดพบรถ จยย. ประมาณ 60 เมตร บริเวณคูคลองกรือเซะ พบกระสอบภายในบรรจุสิ่งของเครื่องใช้ประจำตัว, โทรศัพท์มือถือ ผ้าพันคอ ระบุกรมทหารพรานที่ 47 และเสื้อเครื่องแบบ ติดอาร์ม กองทัพภาคที่ 4 กรมทหารพรานที่ 44 และเครื่องหมาย ทพ.44 ห่างจากจุดพบกระสอบไปทางด้านซ้าย ประมาณ 100 เมตร พบที่พักพิงของคนร้ายอยู่ในป่าละเมาะ มีร่องรอยการผูกเปลสนามนอน และพบหมวกปีกทหารสีดำ รองเท้า จำนวน 1 คู่


           เมื่อ 12 ม.ค. 62, 0400 เจ้าหน้าที่ฯ ได้สนธิกำลังเข้าปิดล้อมตรวจค้นบริเวณบ้านท่าด่าน หมู่ ๓ ต.ตะโละกะโปร์ อ.ยะหริ่งฯ เนื่องจากสืบทราบว่า คนร้ายที่ก่อเหตุยิงเจ้าหน้าที่ อส.อ.ยะรัง เสียชีวิต 4 นาย และอีกคนหนึ่งที่ถูกเจ้าหน้าที่ติดตาม พร้อมกับถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ในพื้นที่ หมู่ ๓ ต.ตันหยงลุโละ อ.เมืองปัตตานีฯ เข้ามาหลบซ่อนตัวในหมู่บ้านดังกล่าว ขณะที่เจ้าหน้าที่ขับรถยนต์มาตามซอยถนนในหมู่บ้าน คนร้ายที่หลบซ่อนตัวอยู่ภายในบริเวณบ้านเลขที่ 152, 152/2 หมู่ 3 บ้านท่าด่าน ต.ตะโละกะโปร์ อ.ยะหริ่งฯ ได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่รถยนต์ กระสุนปืนถูกบริเวณกระจังด้านหน้ารถยนต์และยางล้อหลังด้านซ้าย และกระสุนปืนได้ถูก อส.ทพ.ธิตา บัวงาม สังกัด ร้อย ทพ.4303 ฉก.ทพ.42 ได้รับบาดเจ็บ และได้ทำการปิดล้อมวางกำลังบริเวณพื้นที่บ้านดังกล่าว และเมื่อเวลาประมาณ 0600 เจ้าหน้าที่ได้เรียกให้บุคคลภายในบ้านออกมา ได้มีนายมิ สาแม อายุ 55 ปี เลขที่ 152/2 หมู่ 3 บ้านท่าด่าน (เป็น ผช.ผญบ.หมู่ ๓) และนางสามาเร๊าะ หาแว(ภรรยา) และ ด.ญ.ฆอยรูอิบบาตีซาน อาแว (หลาน) อายุ 8 ปี เลขที่ 42 หมู่ 2 ต.พ่อมิ่ง อ.ปะนาเระฯ เดินออกมา พร้อมขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ฯ เพื่อให้นำ ด.ญ.ฆอยรูอิบบาตีซานฯ นำส่งโรงพยาบาลเนื่องจากได้รับบาดเจ็บเป็นแผลบริเวณด้านหลัง เจ้าหน้าที่จึงได้รีบนำตัวส่ง รพ.ยะหริ่ง และส่งรักษาตัวต่อที่ รพ.ปัตตานี โดยปลอดภัย ต่อมาเวลาประมาณ 0630 เจ้าหน้าที่พบความเคลื่อนไหวของคนร้ายบริเวณด้านหลังบ้าน จึงได้ทำการเรียกให้ออกมามอบตัว แต่คนร้ายได้ใช้อาวุธปืนยิงเข้าใส่เจ้าหน้าที่ จึงได้ทำการยิงตอบโต้นานประมาณ 5 นาที และเวลาประมาณ 0700 เจ้าหน้าที่ได้เชิญ ผญบ. ผู้นำศาสนา มาเจรจาเพื่อให้คนร้ายยอมมอบตัว แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากคนร้าย และได้ยิงอาวุธปืนตอบโต้เจ้าหน้าที่บริเวณด้านหลังและด้านข้างของบ้าน ต่อมาเวลาประมาณ 0720 ได้เกิดการยิงปะทะกันอีกครั้งนานประมาณ 5 นาที หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ ได้ทำการเข้าเคลียร์ในบ้าน และบริเวณรอบบ้าน พบคนร้ายนอนเสียชีวิตอยู่บริเวณด้านหลังบ้าน จำนวน 2 คน (ศพอยู่ห่างกันประมาณ 5 เมตร) ทราบชื่อ คือ ๑) นายอับดุลเลาะ สาแม อายุ ๓๐ ปี เลขที่ ๑๖๗ บ้านท่าด่าน หมู่ ๓ ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่งฯ บุคคลตามหมายจับ ป.วิอาญา จำนวน ๖ หมาย และ2) นายอับดุลเลาะ เจะหลง อายุ ๓๘ ปี บ้านเลขที่ ๕๔/๓ หมู่ ๓ ต.ตันหยงลุโละ อ.เมืองปัตตานีฯ พบ ปลย. AK ๔๗ อยู่ข้างศพ (ที่ขาซ้ายมีแผลที่ถูกยิงด้วยอาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ฯ เมื่อ 10 ม.ค.62) และจากตรวจค้นภายในบริเวณบ้าน พบอาวุธปืนลูกซอง จำนวน 1 กระบอก และอาวุธปืนพกสั้น ขนาด .38 ม.ม. จำนวน 1 กระบอก และเวชภัณฑ์ยาที่ใช้ในการรักษาพยาบาล กระปุกน้ำเกลือ และถุงยาฆ่าเชื้อ ระบุวันที่ 19 ม.ค. 61 โรงพยาบาลเทพา ระบุชื่อ น.ส.นาอีมะห์  สำแลหมัน อายุ 20 ปี เลขที่ 17/1 หมู่ 2 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จว.ส.ข.



ต่อมา สภ.ห้วยปลิง ได้เชิญตัว น.ส.นาอีมะห์ฯ มาซักถาม ผลการซักถามให้การว่าตนเอง มีบาดแผลบริเวณเท้า ได้ไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลเทพา และได้กินยาไป ประมาณ 2 - 3 ครั้ง ต่อมาไม่รู้ว่ายาหายไป ซึ่งตนมียาย ชื่อ นางติอาวอ แวดอเลาะ อายุ 77 ปี เลขที่ 116 หมู่ 3 ต.ตะโละกะโปร์ อ.ยะหริ่งฯ (หมู่บ้านเดียวกับที่เกิดเหตุ) ได้มาที่บ้านตนเองบ่อยครั้ง สันนิษฐานว่าอาจเป็นผู้นำยาไปส่วนการดำเนินการกับนายมิ สาแม (เจ้าของบ้าน) ได้ควบคุมตัวตามกฎอัยการศึกไปทำการซักถามที่ศูนย์ซักถาม กรมทหารพรานที่ 43 เพื่อดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป 

ผลจากการตรวจสอบความเชื่อมโยงของผู้ที่มีส่วนที่เกี่ยวข้องจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ มี น.ส.นาอีมะห์ฯ เป็นลูกสาวของนางหามีย๊ะ  สาแลหมัน อายุ 49 ปี เลขที่ 17/1  หมู่ 2 ต.ท่าม่วง อ.เทพา จว.ส.ข. ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลของนางหามีย๊ะฯ พบว่า บิดา ชื่อ นายบือราเฮง แวดอเลาะ และมารดา ชื่อ นางติอาวอ แวดอเลาะ เมื่อตรวจสอบข้อมูลพี่น้องร่วมบิดามารดา ของนางหามีย๊ะฯ พบว่า มีนางยาวาฮี  แวมะนอ อายุ 33 ปี เลขที่ 116 หมู่ ๓ ต.ตะโละกะโปร์ อ.ยะหริ่งฯ (บ้านตั้งอยู่ในปอเนาะญีฮาด) มีความเชื่อมโยงเป็นภรรยาของนายดูนเลาะ แวมะนอ (หัวหน้าแกนนำกลุ่ม BRN)
สรุป คือ น.ส.นาอีมะห์ฯ (ที่พบชื่อในถุงยาบ้านที่เกิดเหตุ) มีความเกี่ยวพันเป็นหลานของนางยาวาฮี แวมะนอ (ภรรยา) ของ นายดูนเลาะ แวมะนอ (หัวหน้าแกนนำกลุ่ม BRN) จากลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด จะเห็นความเชื่อมโยงและความเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันของกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงที่มีส่วนเกี่ยวข้องกันตั้งแต่ระดับผู้สั่งการ ผู้ปฏิบัติการ และผู้ให้การสนับสนุนทั้งหมด รวมทั้งความสัมพันธ์ในครอบครัวและเครือญาติ ในการดำเนินคดีตามกฎหมายของผู้ก่อเหตุรุนแรงและผู้ที่ให้การสนับสนุน จะเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย ทำให้พวกเราได้ทราบข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวซึ่งที่ผ่านมามีการนำเสนอผ่านสื่อบิดเบือนจากข้อเท็จจริงอย่างมาก


.........................................................

1/21/2562

BRN หมดทางต่อสู้ โดยทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ อย่างผิดหลักมนุษยธรรม


แบมะ ฟาตอนี

จากเหตุเศร้าสะเทือนใจของพี่น้องไทยพุทธกรณีเมื่อวันที่ 18 มกราคม 2562 กลุ่มอาชญากรโจรใต้ BRN บุกยิงป้อมชุดรักษาการหมู่บ้านวัดโคกโกหรือวัดรัตนานุภาพ อำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส เป็นเหตุให้พระภิกษุสงฆ์มรณภาพ 2 รูป และได้รับบาดเจ็บอีก 2 รูป รายละเอียดตามข่าวที่สื่อหลายแขนงได้นำเสนอ ถัดก่อนหน้านั้น (11 มกราคม 2562) ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้อาวุธปืนยิง นายดอเลาะ สะไร โต๊ะอิหม่ามมัสยิดบ้านปูโปะ อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาสเสียชีวิต ซึ่งทั้งสองเหตุการณ์ BRN มีการวางแผนมาเป็นอย่างดีต้องการสื่อให้สังคมเข้าใจผิดเป็นการล้างแค้นระหว่างศาสนานำไปสู่ความแตกแยกของพี่น้องไทยพุทธไทยมุสลิมในพื้นที่ อีกทั้งพฤติกรรมดังกล่าวของ BRN เป็นการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชน
จากภาพข่าวที่สื่อมวลชนซึ่งเป็นสื่อกระแสหลักได้นำเสนอออกไปสู่สาธารณอย่างกว้างขวางนั้น มีสื่อหลายสำนักพยายามชี้นำสังคมให้เห็นถึงความสูญเสียที่เกิดขึ้นในพื้นที่ มีการกล่าวโทษการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งผลกระทบต่อชีวิตประชาชนนำไปสู่ความเดือดร้อน ไม่ได้มีการกล่าวถึง BRN ซึ่งเป็นต้นตอและต้นเหตุแห่งความรุนแรง
ข้อเท็จจริงที่สื่อมองข้ามและไม่ได้นำเสนอกับประชาชนแท้จริงแล้ว ผกร. หมดหนทางต่อสู้ โดยหันมาทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ซึ่งเป็นเป้าหมายอ่อนแอแทนการลอบทำร้ายเจ้าหน้าที่รัฐ อีกทั้งยังทำลายนักบวช ผู้นำศาสนาไม่ว่าจะเป็นพระภิกษุหรืออิหม่าม อย่างโหดเหี้ยมผิดหลักมนุษยธรรม เพื่อต้องการสร้างความแตกแยก ความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในหมู่ประชาชนต่างเชื้อชาติต่างศาสนาซึ่งเป็นความพยายามหลักของ ผกร. ที่ได้ทำการก่อเหตุเคลื่อนไหวมาโดยตลอดห้วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา
ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีความอ่อนไหวเป็นอย่างยิ่งในแง่สังคมจิตวิทยา นอกจากปัญหาความรุนแรงที่เกิดขึ้นแล้วยังมีสงครามความรู้สึก สงครามทางความคิด มีการปล่อยกระแสข่าวลือเพื่อบ่อนทำลายความชอบธรรมของเจ้าหน้าที่รัฐ สื่อทุกแขนงย่อมมีอิทธิพลต่อการรับรู้ของประชาชนในพื้นที่ หรือนอกพื้นที่รวมทั้งการนำเสนอเผยแพร่ข่าวสารไปยังต่างประเทศ หากสื่อขาดวิจารณญาณในการนำเสนอข่าว หรือนำเสนอข้อเท็จจริงไม่ครบประเด็นหรือไม่รอบด้านแล้วจะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ในภาพรวมของรัฐบาล
หากจะกล่าวไปแล้วปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้มีปัญหาที่รากฝังแน่นลึกมานานหลายสิบปี ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่มีแค่เฉพาะปัญหาความมั่นคงเพียงอย่างเดียว แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นยังเชื่อมโยงไปยังขบวนการค้ายาเสพติด การลักลอบสินค้าหนีภาษีให้การหนุนหลังเป็นท่อน้ำเลี้ยงให้กับ ผกร. ใช้ก่อเหตุซึ่งหากจะกล่าวถึงคงจะเยิ่นยาว ทั้งหมดทั้งสิ้นเมื่อปัญหาภัยแทรกซ้อนผสมผสานกับปัญหาจากการก่อเหตุของ ผกร. ผลกระทบทั้งมวลประชาชนคือผู้ที่รับเต็มๆ ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ ฉะนั้นสื่อมวลชนที่พยายามชี้ให้เห็นปัญหาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นมีการกล่าวโทษการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐว่าผิดพลาด ดูแลประชาชนไม่ทั่วถึงจะต้องกลับไปคิดทบทวนถึงต้นตอว่าใคร? คือผู้ทำให้ประชาชนเดือดร้อนดีกว่า แต่ที่แน่ๆ ณ วันนี้ BRN หมดทางต่อสู้ โดยทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์ สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคมโดยอย่างไร้มนุษยธรรมและขาดความรับผิดชอบต่อการกระทำอันป่าเถื่อน นี่หรือ!!! การเรียกร้องสันติภาพของ BRN


-------------------------------

1/20/2562

BRN “ชัยฏอน”มารร้ายสุดโต่งเข่นฆ่าเด็ก สตรี และพระภิกษุ

แบมะ ฟาตอนี


การเสียชีวิตของคนเราไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะทุกคนเกิดมาต่างต้องตาย แต่การเสียชีวิตที่ยังไม่ถึงเวลาตายนี่สิ!! ยิ่งเกิดจากการน้ำมือของคนไม่ดีต้องตกเป็นเหยื่อไม่รู้อีโหน่อีเหน่ด้วยแล้วยิ่งไปกันใหญ่ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้งหลายชีวิตต้องตายก่อนวัยอันควร ให้กับชัยฏอนมารร้ายป่าเถื่อนสุดโต่งที่แฝงตัวอยู่ในร่างมนุษย์
เหตุการณ์ความรุนแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่เกิดจากน้ำมือของ BRN ได้ปะทุขึ้นมาอีกครั้งหลังจากเงียบจนผิดสังเกตมาระยะหนึ่งจนหลายฝ่ายได้วิเคราะห์ต่อท่าทีดังกล่าวของ BRN แต่แล้วความรุนแรงระลอกใหม่กลับเกิดขึ้นถี่ยิบตั้งแต่ห้วงปลายปี 2561 ลากยาวมาจนถึงกลางเดือนมกราคมของปีใหม่มีการก่อเหตุสำคัญๆ ด้วยการปองร้ายต่อชีวิตเจ้าหน้าที่รัฐ ข้าราชการครู ชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ทั้งชาวไทยพุทธมุสลิมต้องสังเวยชีวิตไม่เว้นแม่กระทั่งพระภิกษุสงฆ์ ช็อกความรู้สึกของประชาชนคนไทยทั้งประเทศโดยเฉพาะชาวไทยผู้นับถือศาสนาพุทธ
จากพฤติกรรมและการกระทำดังกล่าวของ BRN ในการก่อเหตุรุนแรงเพื่อต้องการแสดงศักยภาพ ความมีตัวตน หรือต้องการเงื่อนไขต่อรองกับรัฐบาลไทยอะไรก็แล้วแต่ในเวทีการพูดคุยสันติสุข แต่สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทุกคนทุกฝ่ายต่างยอมรับไม่ได้กับการ ฆาตกรรมสันติภาพ เป็นการกระทำของอาชญากรมิใช่วีรชน เป็นการเดินตามก้าวย่างของซาตาน มิใช่การสมาทานคำสอนของศาสนาแต่อย่างใด

หากย้อนรอยส่องความชั่วช้าสามานของ BRN ยิ่งตอกย้ำชัดเจนว่าเป็นการกระทำของอาชญากร มิใช่วิสัยของนักรบที่ระดับแกนนำได้กล่าวยกย่องเพื่อหลอกใช้ลูกสมุนแต่อย่างใด!! เช่นเหตุฆ่าแขวนคอนายอมตะ หรือ ครูจ้องอดีตข้าราชการครูเกษียณชิงรถกระบะทำคาร์บอมบ์ เหตุยิง นายดุลลาเต๊ะ ยานยา กำนัน ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา พฤติกรรมในการยึดโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลบ้านกาหนั๊วะ ต.กาลิซา อ.ระแงะ จ.นราธิวาส เพื่อใช้เป็นฐานยิงโจมตีใส่ฐานปฏิบัติการชุดคุ้มครองตำบล (ชคต.) กาลิซา เหตุระเบิดรถยนต์ในพื้นที่ ต.ท่าม่วง อ.เทพา จ.สงขลา ส่อให้เห็นความป่าเถื่อนไร้มนุษยธรรม เป็นการกระทำที่ประสงค์ร้ายต่อชีวิตเด็กและผู้หญิง เหตุลอบยิงเจ้าหน้าที่ อส. ในหลายพื้นที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียเสาหลักไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ
แต่ที่ยอมรับไม่ได้กับเหตุล่าสุดเมื่อวันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา ได้นำความเศร้าโศกเสียใจมาสู่พุทธศาสนิกชน เมื่อคนร้ายใช้อาวุธปืนสงครามบุกยิงพระภิกษุสงฆ์ภายในพื้นที่บริเวณวัดรัตนานุภาพ ต.โต๊ะเด็ง อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้พระภิกษุสงฆ์มรณภาพ 2 รูป และได้รับบาดเจ็บอีก 2 รูป สำหรับพระภิกษุสงฆ์ที่มรณภาพนั้นเป็นถึงเจ้าอาวาสและเป็นเจ้าคณะอำเภอสุไหงปาดีเป็นที่เคารพนับถือของประชาชนในพื้นที่
จากพฤติกรรมของคนร้ายสร้างความเศร้าสลดให้กับพุทธศาสนิกชน และพี่น้องชาวไทยทั้งประเทศ รวมถึงพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ต่างยอมรับไม่ได้กับพฤติกรรมอันโหดร้ายทารุณเยี่ยงสัตว์ป่า ที่กระทำได้แม้กระทั่งพระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติธรรมและสืบทอดพระพุทธศาสนา สำนักจุฬาราชมนตรี ได้ออกแถลงการณ์ประณามการทำร้ายพระสงฆ์ อิหม่าม และประชาชนผู้บริสุทธิ์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยมและไร้มนุษยธรรม บ่อนทำลายความสงบสุขและกระบวนสันติภาพในพื้นที่ ใช้ความรุนแรงอย่างไร้ขอบเขตไม่คำนึงถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ เด็ก สตรี ผู้สูงวัยและผู้นำศาสนาของทุกศาสนา เป็นการละเมิดหลักธรรมคำสอนของศาสนาอย่างร้ายแรงถือเป็นบาปใหญ่ที่พระผู้เป็นเจ้าจะลงโทษผู้กระทำการเยี่ยงนี้ก่อนสิ่งอื่นใดในวันพิพากษา ดังปรากฏมีรายงานจากหะดิษศอเฮี๊ยะฮ์ (หะดิษที่ได้รับการยอมรับแล้ว) ของอิหม่ามบุคอรีสิ่งแรกที่จะถูกสอบสวนในวันพิพากษาของมนุษย์ คือการทำร้ายเข่นฆ่าผู้อื่น
----------------------

Analisis pernyataan "Abdul Karim Khalid" Jurucakap BRN.



Dalam kes laman web Berita Bumi Patani Telah menyiarkan ia akan klip video Encik Abdul Karim Khalid (Jurucakap BRN) mengumumkan akan kemenangan pertempuran secara keseluruhannya daripada generasi ke generasi untuk tempoh 100 tahun yang nenek moyang berjuangkan untuk mengekalkan akan hak dan identiti untuk keturunan Pattani serta dengan dicubakan ia untuk mencadangkan akan bahawasanya pertempuran sedemikian dimenangi ke atas kerajaan Thailand sehingga orang Melayu mendapatkan banyak manfaat pada ketika lupa menyebutkan ia akan kelemahan atau kerosakan daripada perbuatan ganas yang lalu. Saya sebagai seorang perantara yang telah lama berada di kawasan ini, Ingin menyatakan akan pendapat komparatif dalam pernyataan itu seperti berikut.

1. Isu propaganda untuk meyakinkan akan saudara-saudara Patani untuk menyertai perjuangan dengan kumpulan kemerdekaan untuk keadilan dengan merujukan ia akan sejarah sejak tahun 1785 yang nenek moyang telah berjuang sekian lama dengan menggalakkan ia akan bahawasanya pada satu hari kemenangan akan menjadi milik kita serta dengan menyeru dia untuk tidak memberi sokongan akan kerajaan Thai. Sepanjang 15 tahun dan kerjasama daripada orang yang dikorbankan untuk menyertai pertempuran oleh orang Patani, kita tidak pernah mendapatkan manfaat daripada Siam bahkan Siam memberi bagi kita semata-mata.

          Perkara ini menunjukkan akan bahawasanya mereka cuba untuk menggunakan sejarah untuk hasutan sebagai mana kebanyakan orang sudah diketahui melalui dokumen dan buku yang ulama dan ahli-ahli akademik dan ahli sejarah telah mencadangkan akan bahawasanya adalah ia tempoh peralihan kerajaan Siam dan mengembangkan pengaruhan oleh kerajaan British dan Perancis yang mereka itu ingin mencari kuasa dan bumi di rantau ini sehingga menjejaskan akan pengurusan oleh pemerintah Siam dan orang Melayu pada masa itu. Hendak dibezakan oleh BRN akan orang Buddha Thailand dan orang Muslim Thailand. Maka mereka cuba untuk mengatakan akan bahawasanya umat Islam tidak harus memberi kerjasama akan kerajaan Thai pada ketika kerajaan membangunkan akan projek infrastruktur bandar model dan projek bandar yang mantap dan makmur dan mampan untuk meningkatkan kualiti hidup dan pendapatan dan ekonomi serta dengan membangunkan sistem pendidikan. Berang yang boleh disahkan ialah pada masa yang lalu ada organisasi OIC dan pemimpin agama dari luar Negara, mereka telah melawat  dan berjumpa dengan saudara-saudara Islam di wilayah sempadan selatan dan memujikan ia akan kerajaan Thailand dan agensi-agensi kerajaan yang menjaga rakyat dengan baik dan mungkin lebih baik ia daripada sesetengah negara Islam lagi.

2. Isu pertempuran pada masa yang lalu, Menyebabkan kerajaan Thai takut  dan perlu menghantarkan akan tentera untuk menjaga kerusuhan. Atas sebab inilah kita perlu meminta sokongan daripada orang-orang untuk pertempuran seterusnya.

        Dalam hal ini, kerajaan Thai tidak takut sekali bahkan adalah ia kewajipan bagi kerajaan untuk mengekalkan akan keamanan dan ketenteraman untuk orang-orang dapat hidup dengan kebahagiaan. Kerajaan dilengkapi dengan tentera dan persenjataan dan potensi unggul tetapi kerajaan tidak mahu untuk menggunakan keganasan bahkan hendak menggunakan ia dengan jalan damai dan penguatkuasaan undang-undang dan proses keadilan. Terdapat banyak projek yang membolehkan pesesat atau yang ditinggalkan oleh BRN telah menyertai ia dengan kerajaan. Berang yang jelas ialah kebanyakan orang tidak bersetuju dengan keganasan. Penduduk kampong yang banyak di Mukim Kalisa, Daerah Ra-ngae telah mezahirkan akan pandangannya dengan tidak bersetuju dengan keganasan dan Suruhanjaya Kebangsaan Hak Asasi Manusia mengutukkan ia akan penkeganasan yang menggunakan hospital kesihatan sebagai tempat serangan Pasukan Kawalan Mukim Kalisa yang lalu dan satu lagi perkara ialah melihat penyertaan oleh sektor awam yang lebih kuat dalam membantu mengawalkan seperti Pasukan Keselamatan Kampung dan Sukarelawan Menjaga Bandar dan Pasukan Sukarelawan Mengekalkan Negeri yang menjadi contoh yang jelas yang membawa pasukannya untuk membantu dan melawankan akan penkeganasan yang menyerangkan ia akan pangkalan Pasukan Kawalan Mukim Kalisa.

3. Isu-isu dengan BRN memainkan peranan di wilayah sempadan selatan. Oleh kerana itulah kerajaan perlu menyokong lebih banyak pembangunan dan buat kerjaya untuk orang Islam seperti guru dan pegawai kerajaan dan ahli perniagaan dan meningkatkan kualiti pendidikan.

          Perkara ini, cuba untuk diperhalusi di sudutkan tanggapan, Sekiranya jika tiada insiden ganas di wilayah sempadan selatan, Perkara yang baik akan berlaku lebih daripada sekarang seperti akan ada pelaburan yang banyak dan ekonomi akan menjadi lebih baik dan pendapatan orang yang berdagang atau yang bekerja maka meningkatkan ia dengan sewajarnya dan lebih ramai pelancong dan sistem pembangunan pendidikan akan lebih telus dan projek pembangunan infrastruktur dan bandar akan mencapai matlamatnya. Berang yang menjadi halangan adalah populariti keganasan dan diskriminasi dan kesangsian dan masyarakat luar tidak yakinkan akan dia dan diketahui oleh kebanyakan orang di wilayah sempadan selatan itu akan bahawasanya siapakah yang berada di belakang halangan bahkan BRN adalah organisasi rahsia yang tidak menerima dan enggan mendedahkan akan apa yang lakukan ia.

4. Isu bahawasanya kerajaan Thai tidak ikhlas untuk mencari keamanan dan memandangkan ia akan dia sebagai masalah domestic.

        Perkara ini akan melihat dengan jelas akan bahawasanya masalah di wilayah sempadan selatan, Kerajaan telah meningkatkan dia sebagai agenda nasional. Kerajaan telah menubuhkan jawatankuasa untuk bekerja dengan banyak peringkat untuk menyelesaikan masalah sama ada ia agensi pusat dan agensi di kawasan serta dengan peruntukan bajet untuk menyelesaikan masalah pada dimensi kestabilan dan pembangunan dan keadilan dan meningkatkan pemahaman di rumah dan di luar Negara untuk membolehkan wilayah sempadan selatan kembali ke kedamaian dan orang-orang boleh hidup bersama dengan pelbagai budaya dan hidup bersama secara normal dan bahagia. Dan lagi jamaah perundingan damai di peringkat kerajaan dan kawasan mencarikan oleh mereka itu akan jalan untuk berunding dengan pihak yang mempunyai pandangan yang berbeza daripada kerajaan akan semua kumpulan melalui fasilitator pihak Malaysia. Pada masa ini, jika memandangkan ia dengan sudut yang lain, Hendaklah BRN tidak mempopularkan akan keganasan dan mesti menggunakan akan jalan damai dengan menyertai perundingan damai yang sedang dijalankan dia oleh jamaah perundingan damai.


---------------------

1/14/2562

BRN اناليسيس فرثتأن “ عبدالكريم خالد ” جوروخاكف





     دالم كيس لامن ويب بريتا بومي فتاني تله مثياركن اي اكن كليف ويديؤ انخيء عبدالكريم خالد (جوروخاكف BRN)معومومكن اكن كمنغن فرتمفوران سخاراكسلوروهنث درفد جنراسي كجنراسي اونتوق تيمفوه 100 تاهون يغ نينيق مويغ برجواغكن اونتوق مغكلكن اكن حق دان ايدينتيتي اونتوق كتورونن فتاني سرتادغن داوسهاكن اي اونتوق منخادغكن اكن بهواسث فرتمفوران سدمكين دمنغي كأتس كراجأن تهأي سهيغئ اوراغ ملايومندافتكن باثق منافعة فد كتيك لوفامثبوتكن اي اكن كلمهن اتوكروسقكن درفد فربواتن ئانس يغ لالو ساي سبائي سؤراغ فرانتارا يغ تله لامابراد دكاواسن اين ايغين مثتاكن اكن فندافت كومفاراتيف دالم فرثتأن ايت سفرت برايكوت.
1 . ايسوفروفائندااونتوق ميقينكن اكن سودارا-سودارا فتاني اونتوق مثرتأي فرجواغن دغن كومفولن كمرديكأن اونتوق كعاديلن دغن مندعوأيكن اي اكن سجاره سجق تاهون 1785 يغ نينيق مويغ تله برجواغ سكين لامادغن مغئالقكن اي اكن بهواسث فد ساتوهاري كمنغن اكن منجادي ميليك كيت سرتادغن مثرودي اونتوق تيدق ممبري سوكوغن اكن كراجأن تهأي سفنجغ 15 تاهون دان كرجاسام درفد اوراغيغ دقربانكن اونتوق مثرتأي فرتمفوران اوليه اوراغ فتاني كيت تيدق فرنه مندافتكن منافعة درفد سيام بوكن سيام ممبري بائي كيت سمات-مات
     فركارااين منونجوقكن اكن بهواسث مريك اوسهااونتوق مغئوناكن سجاره اونتوق هاسوتن سبائي مان كباثقكن اوراغ سوده دكتهوي ملالوي دوكومين دان بوكويغ علماء دان اهلي-اهلي اكاديميك دان اهلي سجاره تله منخاداغكن اكن بهواسث اداله اي تيمفوه فراليهن كراجأن سيام دان مغمبغكن فغاروهن اوليه كراجأن بريتيش دان فارنسيس يغ مريك ايت ايغين منخاري كواس دان بومي درنتأواين سهيغئ منججسكن اكن فغوروسن اوليه فمرينته سيام دان اوراغ ملايوفد ماس ايت هندق دبيذاكن اوليه BRN اكن اوراغ بوذاتهأي دان اوراغ مسليم تهأي مك مريك اوسهااونتوق مغات كن اكن بهواسث اومة اسلام تيدق هاروس ممبري كرجاسام اكن كراجأن تهأي فد كتيك كراجأن ممباغونكن اكن فروجيك اينفراستوكتوربندرموديل دان فروجيك بندريغ منتف دان معموردان برككلن اونتوق منيغكتكن كواليتي هيدوف دان فندافتن دان ايكونومي سرتادغن ممباغونكن سيستيم فنديديقكن باراغيغ بوليه دصحكن اياله فد ماس يغ لالوادافرتوبوهن OIC دان فميمفين ائام دري لوارنئرا مريك تله منزياره دان برجومفادغن سودارا-سودارااسلام دويلايه سمفادان سلاتن دان مموجيكن اي اكن كراجأن تهأي دان يونيت-يونيت كراجأن يغ منجائ رعية دغن بأيك دان موغكين لبيه بأيك اي درفد سستغه نئرااسلام لائي
2 .ايسوفرتمفوران فد ماس يغ لالو مثببكن كراجأن تهأي تاكوت دان فرلومغهنتركن اكن تنترااونتوق منجائ كروسوهن اتس سبب اينله كيت فرلوممينتأسوكوغن درفد اوراغ-اوراغ اونتوق فرتمفوران ستروسث
     دالم حال اين كراجأن تهأي تيدق تاكوت سكالي  بهكن  اداله اي كواجيفن بائي كراجأن اونتوق مغكلكن اكن كأمانن دان كتنترامن اونتوق اوراغ-اوراغ دافت هيدوف دغن كبهائيأن كراجأن دلغكفي دغن تنترادان فرسنجاتأن دان فوتينسي اوغئول تتافي كراجأن تيدق مأو اونتوق مغئوناكن كئانسن  بهكن  هندق مغئوناكن اي دغن جالن دامي دان فغواتكواسأن اونداغ-اونداغ دان فروسيس كعاديلن تردافت باثق فروجيك يغ ممبوليهكن فسسة اتويغ دتيغئلكن اوليه BRN تله مثرتأي اي دغن كراجأن باراغيغ جلس اياله كباثقكن اوراغ تيدق برستوجودغن كئانسن فندودوق كمفوغ يغ باثق دموقيم كاليسا، دايره راغيق تله مظاهيركن اكن فنداغنث دغن تيدق برستوجودغن كئانسن دان سوروهنخاي كبغسأن حق اساسي مأنسي مغوتوقكن اي اكن فنئانسن يغ مغئوناكن هوسفيتل كصيحتن سبائي تمفت سراغن فاسوقكن ئأولن موقيم كاليسا يغ لالودان ساتولائي فركارا اياله مليهة فثرتأن اوليه سيكتورعوام يغ لبيه قوات دالم ممبنتومغاولكن سفرت فاسوقكن كسلامتن كمفوغ دان سوكاريلاون منجائ بندردان فاسوقكن سوكاريلاون مغكلكن نئري يغ منجادي خونتوه يغ جلس يغ ممباوأ فاسوقكنث اونتوق ممبنتو دان ملاونكن اكن فنئانسن يغ مثراغكن اي اكن فغئأولن فاسوقكن كأوالكن موقيم كاليسا
3 . ايسودغن BRN ممأينكن فرانن دويلاية سمفادان سلاتن اوليه كران ايتله كراجأن فرلومثوكوغ لبيه باثق فمباغونن دان بوات كرجا اونتوق اوراغ اسلام سفرت ئورودان فئاواي كراجأن دان اهلي فرنيئأن دان منيغكتكن كواليتي فنديديقكن
     فركارااين، اوسهااونتوق دفرهالوسي دسودوتكن تغئافن سكيراث جك تيادفريستيوائانس دويلاية سمفادان سلاتن فركارايغ بأيك اكن برلاكو لبيه درفد سكاراغ سفرت اكن اد فلابورن يغ باثق دان ايكونومي اكن منجادي لبيه بأيك دان فندافتن اوراغيغ بردائغ اتويغ بكرج مك منيغكتكن اي دغن سواجرث دان لبيه رامي فلنخوغ دان سيستيم فمباغونن فنديديقكن اكن لبيه تلوس دان فروجيك فمباغونن اينفراستوكتوردان بندراكن منخافي متلامتث باراغيغ منجادي هالغن اداله فوفولاريتي كئانسن دان ديسكريميناسي دان كسغسين دان مشاريكة لوارتيدق يقينكن اكندي دان دكتهوي اوليه كباثقكن اوراغ دويلاية سمفادان سلاتن ايت اكن بهواسث سيافكه يغ براددبلاكغ هالغن  بهكن  BRN اداله فرتوبوهن رهسيايغ تيدق منريما دان اغئن منددهكن اكن اف يغ لاكوكن اي
4 . ايسوبهواسث كراجأن تهأي تيدق اخلاص اونتوق منخاري كأمانن دان ممنداغكن اي سبائي مسأله دوميستيك
     فركارااين اكن مليهة دغن جلس اكن بهواسث مسأله دويلاية سمفادان سلاتن كراجأن تله منيغكت كندي سبائي ائندانئرا كراجأن تله منوبوهكن
جواتنكواسااونتوق بكرج دغن باثق فريغكة اونتوق مثلسيكن مسأله سمأدااي ايجينسي فوسة دان ايجينسي دكاواسن سرتادغن فرونتوقكن باجيت اونتوق مثلسيكن مسأله فد ديمينسي كسلامتن دان فمباغونن دان كعاديلن دان منيغكتكن فماهمن درومه دان دلوارنئرااونتوق ممبوليهكن ويلاية سمفادان سلاتن كمبالي ككدامين دان اوراغ-اوراغ بوليه هيدوف برسام دغن فلبائي بودايادان هيدوف برسام سخارابياس دان بهائيا دان لائي جماعة فرونديغن دامي دفريغكة كراجأن دان كاواسن منخاريكن اوليه مريك ايت اكن جالن اونتوق برونديغ دغن فيهق يغ ممفوثأي فنداغن يغ بربيذادرفد كراجأن اكن سمواكومفولن ملالوي فموده خارافيهق ماليسيا سكاراغ جك ممندغكن اي دغن سودوت يغ لأين هندقله BRN تيدق ممفوفولاركن اكن كئانسن دان مستي مغئوناكن اكن جالندامي دغن مثرتأي فرونديغن دامي يغ سداغ دجالنكن اوليه جماعة فرونديغن دامي

--------------------

1/12/2562

ทำไม จนท.ต้องเชิญตัว น.ส.นูรียะห์ เปาะลี สู่กระบวนการซักถาม



              ต่อกรณีที่เพจ ADMIN CERITA PATANI   เมื่อ ๙ ม.ค.๖๒ เวลา ๒๓.๒๕ เขียนโจมตีการควบคุมตัว น.ส.นูรียะห์   เป๊าะลี เมื่อ  ๔  ม.ค. ๖๒  ที่ผ่านมา ไปที่ ค่ายอิงคยุทธบริหาร

               โดยเรื่องนี้มีที่มา  ตั้งแต่ ๔ ม.ค.๖๒  จนท. ได้เข้าตรวจค้นบ้าน น.ส.นูรียะห์    เปาะลี ในตำบลปิตุมุดี  อ.ยะรัง  จ.ปัตตานี  ภรรยาของนายมะซูกี  สารูเม๊าะ ซึ่งอยู่ใน ต.เกะรอ  อ.รามัน  จ.ยะลา จากข้อมูลการสืบสวน ยืนยันว่า นายมะซูกี  สารูเม๊าะ เป็นสมาชิกกลุ่มคนร้ายระดับสั่งการด้านวัตถุระเบิดพื้นที่ ปัตตานีและเขตรอยต่อ ทั้งยังเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุร้ายใหญ่ๆ ในพื้นที่หลายครั้ง ทำให้พี่น้องไทยพุทธ-มุสลิม สูญเสียชีวิตและทรัพย์สินมามากต่อมาก ซึ่งตัวเขาเองยอมรับว่า ถูกชักชวนเข้าร่วมกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เมื่อประมาณปี ๔๘ - ๔๙ จากนายมะอาฟิน ดอเต๊ะ อิหม่ามมัสยิด บ้านโต๊ะทูวอ ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ผ่านการกระทำพิธีสาบานตน (ซูมเปาะห์) เมื่อประมาณ ปี ๔๙
               จากการตรวจค้นบ้าน น.ส.นูรียะห์    เปาะลี แล้วทำการสืบสวน สอบสวน รวบรวมพยานบุคคล พยานแวดล้อม พยานวัตถุ รวมถึงการเข้าตรวจสอบบุคคลต้องสงสัยในพื้นที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี  พบพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงกับการก่อเหตุระเบิดนางเงือก บริเวณชายหาดสมิหลา เขตเทศบาลนครสงขลา   ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการดำเนินกรรมวิธีซักถาม น.ส.นูรียะห์   เปาะลี ซึ่งทางเจ้าหน้าที่มีข้อมูลเชิงลึก ที่ยืนยันว่า น.ส.นูรียะห์ ฯ  ครูตาดีกาที่ใสซื่อ แต่เบื้องหลังเชื่อมโยงกับกลุ่มขบวนการ  เป็นสตรีแนวร่วม  คอยให้การสนับสนุนกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง โดยเฉพาะสามีของเธอ ซึ่งมีส่วนพัวพันกับการก่อเหตุในเขตจังหวัดสงขลา ซึ่งการดำเนินการของ จนท.เป็นไปตามพยาน หลักฐานที่ปรากฏ และได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย โดยไม่สามารถเลือกปฏิบัติ หากมีส่วนร่วมกับการกระทำผิด  แม้เป็นผู้หญิงเหมือนหลายๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมา
              สำหรับคดีความต่างๆ ใน จชต.  ทุกคน เรียกร้องหาความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม แต่ต้องไม่ลืมว่า บุคคลที่ตกเป็นเหยื่อของการใช้ความรุนแรงจากกลุ่มสุดโต่ง ก็มีสิทธิเรียกร้องหาความเป็นธรรม เช่นเดียวกัน
และเป็นที่น่าสังเกตว่า ทุกครั้งที่รัฐบังคับใช้กฎหมายกับกลุ่มคนร้าย ก็จะมีองค์กรที่แอบแฝงในภาคประชาสังคมและองค์กรจัดตั้ง ออกมาเคลื่อนไหว บิดเบือนและโจมตี กล่าวหาว่า จนท.ละเมิด อยู่ตลอดเวลา ดังเช่นกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ที่มีสื่อโซเซียลบางเพจ ติดตามข่าว คอยแก้ต่าง หาช่องทางโจมตีการทำงานของ จนท. จนผิดสังเกต เหมือนมีส่วนได้ส่วนเสียกับเหตุการณ์ หรือกลัวข้อเท็จจริงบางอย่าง จะสาวมาถึงกลุ่มตัวเองหรืออย่างไร
              หากมีความบริสุทธิ์จริง มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ ก็ ไม่มีเหตุผลที่จะต้องร้อนรนกับการดำเนินการตามกระบวนการ “ทองแท้  ย่อมไม่กลัวไฟ” เว้นเสียแต่ว่า มีส่วนในการร่วมก่อเหตุจริงเท่านั้น ที่น่าสนใจคือ เพจ ADMIN CERITA PATANI   ที่มาอ้างมนุษยธรรม โจมตี จนท.รัฐ แบบไร้ตรรกะ เหมือนมีส่วนร่วมกับขบวนการด้วย ? หรืออย่างไร?

                              **********************************************

Pasukkan Kawalan Tempatan, Kuat, Kawasan selamat.


Hari ini kita sudah melatihkan pelan tindakan balas kejadian. Masing-masing berada di tahap mereka sendiri. Selepas beberapa ketika, penjahat telah memecatkan bom dahulu. Setiap tempat yang mereka berada, mereka akan menembak selalu. Tetapi semua orang sudah berada didalam tahap mereka sendiri. Maka memasuki ia didalam tahap sendiri. Kita tidak diketahui akan bahawasanya di manakah arah yang mereka berdatang. Kita cuba untuk berada didalam tahap sendiri dan menembaklah kita dengan berterusan untuk menakutkan untuk tidak membiarkan mereka datang ke pangkalan kita. artinya cuba oleh kita untuk menakutkan mereka itu.
Daripada keadaan ganas yang dijatuhkan oleh penjahat semasa perayaan Tahun Baru yang mereka mahu untuk mengurangkan keyakinan oleh orang ramai akan pegawai kerajaan dan mereka itu mahu untuk memusnahkan ekonomi dan pelancongan di wilayah sempadan selatan. Semua pegawai telah disertai 3 pihak serta dengan sektor awam telah melaksanakan tugas oleh mereka itu dengan harmoni dan kuat untuk mencegah dan menyelesaikan insiden ganas.
Adalah dianggap akan bahawasanya acara ini adalah peristiwa yang tidak dapatkan pemberitahuan mengenai berita selama kira-kira 5-6 bulan. dan kita tidak dapatkan berita tentang pergerakan ini sebelumnya. Tahun ini, apabila berlakukan kejadian seperti ini maka kita akan mengambil pepijat yang telah berlaku ini untuk memperbaiki untuk menyediakan langkah-langkah pencegahan seterusnya.
Selepas kejadian itu, Gen. Apirak Kongsompong (Panglima Tentera Darat dan Timbalan Pengarah Keselamatan Dalam Negeri) dan jamaahnya berdatang ke kawasan untuk memantau keadaan  dan melawat dan bersaguhati dan menaiki semangat bagi Pasukan Perlindungan Mukim Kalisa yang boleh mengekalkan akan kubunya dan berjuang akan penkeganasan  dengan tiada ada orang tercedera atau terbunuh dan setiap orang mempunyai semangat yang sangat baik yang bersedia untuk melindungi kawasan supaya orang-orang terdapat hidup dengan damai dan mengembalikan kedamaian ke hujung hulu kapak. Ini adalah amalan yang mewujudkan keyakinan kepada rakyat di wilayah sempadan selatan.
Askar-askar dan sukarelawan mengekalkan negeri dan penduduk kampung telah membantu untuk menentang dan semua orang selamat. Di samping itu, kumpulan ganas telah merampaskan pusat kesihatan untuk menjadi kawasan operasi dan di situ ada wanita sahaja. Bagaimanapun, terima kasih kepada tentera hitam yang pada masa ini tentera hitam itu telah berpatroli dan tidur di luar pangkalannya maka dalam hal bantuan dalam operasi sokongan itu boleh beroperasikan dengan cepat. Oleh itu, terima kasih kepada Panglima Besar Wilayah Ke-4 dan segala Panglima Kawasan.
Hasil daripada semua pihak bekerjasama dalam menjagakan kawasan itu  maka boleh digantungkan akan peristiwa itu  dan boleh mengurangkan akan kehilangan nyawa dan harta benda pada banyak kali. Pasukan sektor awam dianggapkan sebagai kuasa yang penting untuk menjagakan kawasan mereka sendiri serta dengan pegawai kerajaan bekerja dengan berhati-hati untuk semua orang dapat hidup dengan selamat dan membawa kedamaian kembali ke kawasan seterusnya.