12/16/2558

เมื่อโจรใต้เลือกกุโบร์เป็นพื้นที่สังหารผู้บริสุทธิ์

แบดิง โกตาบารู

จากเหตุการณ์กระทำการสุดโต่งของกลุ่มโจรใต้ฟาตอนีด้วยการลอบวางระเบิดน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 10 กิโลกรัม ไปฝังไว้ในหลุมฝังศพมารดาของ อส.ทพ.ซัยค์ เจ๊ะดอมะ ซึ่งได้ทำพิธีอ่านคัมภีร์อัลกรุอาน และขอดูอาร์ให้แก่มารดาที่เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ภายในกุโบร์ สถานที่ฝังร่างไร้วิญญาณของบรรพบุรุษ ซึ่งไม่มีใครกล้าคิดที่จะทำ แต่โจรใต้ไร้ยางอายเหล่านี้ไม่ยี่หระกลับเดินหน้าสร้างปฐมบทเขียนความชั่วหน้าใหม่ขึ้นมา ด้วยการกระทำที่ไร้ยางอาย ไร้ซึ่งสติ ไม่มีความคิด หวังแค่ปลิดชีวิต อส.ทพ.ซัยค์ เจ๊ะดอมะ ซึ่งเป็นอาสาสมัครทหารพรานที่ปฏิบัติหน้าที่เพื่อนำพาความสงบสุขกลับคืนมาสู่จังหวัดชายแดนภาคใต้

อส.ทพ.ซัยค์ เจ๊ะดอมะ ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่งานด้านการข่าวให้กับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 และจากการปฏิบัติงานการข่าวของ อส.ทพ.ซัยค์ฯ ได้สร้างผลงานเป็นที่ปรากฏจำนวนหลายครั้งด้วยกัน จนกระทั่งสืบทราบแหล่งกบดานและซ่องสุมกำลังของกลุ่มโจรใต้ เจ้าหน้าที่สนธิกำลังบังคับใช้กฎหมายในการติดตามจับกุมตัวผู้ที่กระทำความผิด สามารถยึดอาวุธและเครื่องกระสุนได้เป็นจำนวนมาก บางกรณีบุคคลเป้าหมายไม่ยอมมอบตัวเกิดการปะทะส่งผลให้สมาชิก ผกร.ต้องสูญเสียชีวิตลง เป็นเหตุสร้างความโกรธแค้นให้กับแกนนำในพื้นที่ อส.ทพ.ซัยค์ฯ จึงตกเป็นเป้าหมายของกลุ่มขบวนการมาโดยตลอด

ย้อนหลังไป 3 วัน ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุอัปยศขึ้นในกุโบร์  มารดาของ อส.ทพ.ซัยค์ฯ ได้เสียชีวิตลงด้วยโรคหัวใจที่บ้านบ่อเจ็ดลูก พื้นที่หมู่ 6 ตำบลยุโป อำเภอเมือง จังหวัดยะลา อส.ทพ.ซัยค์ฯ จึงได้ขออนุญาตกลับไปจัดการศพมารดาตามประเพณีศาสนาอิสลาม และได้นำร่างของมารดามาฝังยังกุโบร์บ้านบ่อเจ็ดลูก อส.ทพ.ซัยค์ฯ พร้อมครอบครัวได้เข้าไปยังกุโบร์หลุมฝังศพ เพื่อทำการดูอาร์ให้มารดาเป็นประจำทุกวัน จนกระทั่งในวันที่ 4 คนร้ายได้ก่อเหตุระเบิดขึ้นโดยทำการลอบฝังระเบิดไว้ในหลุมศพของมารดา อส.ทพ.ซัยค์ฯ และกลบดินทับไว้ซึ่งไม่มีใครคาดคิด อีกทั้งหลุมยังใหม่ไม่มีใครสังเกตออก
ในวันที่เกิดเหตุ อส.ทพ.ซัยค์ฯ ได้ไปยังกุโบร์กับครอบครัว 4 คน ด้วยกัน แต่โชคดีภรรยาและลูกรออยู่บนรถ ส่วนตัวเค้าลงไปกับพ่อ กลุ่มโจรใต้ใจชั่วที่รอจังหวะอยู่แล้วได้ลงมือจุดชนวนระเบิดอย่างใจเย็น ขณะที่ อส.ทพ.ซัยค์ฯ กำลังสวดดูอาร์ให้กับมารดา แรงระเบิดทำให้ร่างของ อส.ทพ.ซัยค์ฯ แหลกละเอียดฉีกขาดเป็น 2 ท่อน ส่วนพ่อของเขาที่กำลังป่วยอยู่แล้วกลับถูกแรงอัดของระเบิดได้รับบาดเจ็บ และที่น่าหดหู่ใจศพของผู้เป็นมารดาถูกแรงระเบิดกระเด็นออกมาจากหลุมศพ

เป็นที่น่าสังเกตว่ากุโบร์ฝังศพมารดา อส.ทพ.ซัยค์ฯ ห่างจากบ้านของเป้าหมายมือระเบิดที่เคยถูกเจ้าหน้าที่จับกุมตัวได้และได้ประกันตัวออกไป ประมาณ 300 - 500 เมตร เจ้าหน้าที่เชื่อว่าการก่อเหตุลอบวางระเบิดหลุมฝังศพในกุโบร์ครั้งนี้เป็นฝีมือของนายรอกิ ดอเลาะ แกนนำก่อเหตุรุนแรงในพื้นที่บ้านบ่อเจ็ดลูก


หลังจากครอบครัว เจ๊ะดอมะต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักถึง 2 ราย ในเวลาไล่เลี่ยกัน ลูกน้อยของ อส.ทพ.ซัยค์ฯ ซึ่งวัยแค่ 1 ขวบเศษที่ติดพ่อมากๆ ได้รอพ่อกลับบ้านโดยไม่รู้ว่าพ่อได้เสียชีวิตแล้ว และยังถามหาพ่ออยู่ตลอดเวลาว่าทำไม? พ่อยังไม่กลับบ้าน  ผู้เป็นแม่และญาติๆ ต่างได้แต่นั่งร้องไห้ไม่รู้จะบอกลูกน้อยอย่างไร โดยในช่วงบ่ายคุณแม่ได้พาลูกน้อยไปร่วมฝังร่างของ อส.ทพ.ซัยค์ ผู้เป็นพ่อด้วย โดยลูกไม่รู้ว่าเป็นพ่อ และเขายังเอาดินใส่ในหลุมพ่อด้วย!


ชีวิตของผู้คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้เหมือนแขวนอยู่บนเส้นด้าย ความตายไม่รู้จะมาเยือนเมื่อไหร่การใช้ชีวิตต้องสุ่มเสี่ยงต่อการถูกลอบทำร้ายจากกลุ่มขบวนการโจรใต้ฟาตอนีที่ต้องมาพรากชีวิตไปจากครอบครัวที่ตนรัก ทุกคนไม่สามารถหนีพ้นเงื้อมมือความตาย แต่ไม่ควรที่จะตกเป็นเหยื่อของความรุนแรง ความโหดเหี้ยมและป่าเถื่อนของบุคคลบางกลุ่ม

น่าเศร้าใจ และหดหู่ใจเป็นอย่างยิ่งกับการกระทำของกลุ่มโจรใต้ฟาตอนีในครั้งนี้ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ทำลายความรู้สึก และยัดเยียดความเจ็บปวดรวดร้าวให้กับครอบครัวผู้บริสุทธิ์ และคนไทยทั้งประเทศ

กับความสูญเสียที่เกิดขึ้นกี่ครั้งต่อกี่ครั้งผู้ได้รับผลกระทบต่างออกมาเรียกร้องให้ความรุนแรงที่เกิดกับครอบครัวของเค้าขอเป็นครั้งสุดท้าย...และเรียกร้องให้ผู้หลงผิดกลับตัวกลับใจ...แต่เสมือนว่าเสียงเรียกร้องเหล่านั้นเรียกร้องเท่าใดแต่ไม่ได้รับการตอบรับจากกลุ่มโจรชั่วใดๆ เลย ผ่านมาสิบกว่าปีไม่มีแม้ศพสุดท้าย กลับเดินหน้ามุ่งทำลายชีวิตคนชีวิตแล้วชีวิตเล่า ความเจ็บปวด ความรวดร้าวที่เกิดขึ้นไม่มีใครรู้หรอก!! และไม่มีใคร?..ที่รู้ดีและสื่อถึงอารมณ์นี้ได้ดีเท่ากับครอบครัวของผู้เสียชีวิต

ความเลวร้ายที่กลุ่มโจรใต้ฟาตอนีได้ก่อขึ้น ผู้คนบาดเจ็บล้มตาย บ้านเมืองเสียหาย สร้างความวุ่นวายตื่นตระหนก หวาดวิตกกังวลในการใช้ชีวิตประจำวัน เศรษฐกิจพังพินาศ ขัดขวางการพัฒนาแต่น่าแปลกใจกลับมีกลุ่มและองค์กรบางกลุ่มกลับเห็นดีเห็นงามกับการกระทำดังกล่าว

ท่ามกลางสถานการณ์ที่เปราะบางผู้คนส่วนใหญ่รับไม่ได้กับการกระทำของกลุ่มโจรใต้ฟาตอนี มีบุคคลกลุ่มหนึ่งได้พยายามทำสงครามความรู้สึก แสดงพฤติกรรมที่ไม่น่าจะเรียกว่าองค์กรภาคประชาสังคม แทบทุกครั้งจะมีการวางตัวเฉยเมยไม่แยแสกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มองค์กรนักศึกษา PerMAS ที่แสดงออกถึงธาตุแท้และตัวตนที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในเรือนร่างของคำว่านักศึกษาได้อย่างชัดเจน คอยฉวยจังหวะหากินบนความตายของประชาชน หาช่องความผิดพลาดจากการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐนำไปขยายผลให้เป็นเรื่องราวใหญ่โต โดยการเขียนข่าวสาดสีตีไข่เข้าไปให้ดูเป็นเรื่องสำคัญเพื่อสื่อไปยังองค์กรระหว่างประเทศ อย่างเช่นการเสียชีวิตของ นายอับดุลลายิ ดอเลาะ ภายในค่ายทหาร หน่วยงานภาครัฐเปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนรวมทั้งครอบครัวทำการตรวจสอบข้อเท็จจริง แต่กลุ่มนักศึกษา PerMAS กลับนำไปขยายความทำการกล่าวหาเจ้าหน้าที่รัฐ

แต่ท่าทีกลับตรงกันข้ามกับกรณีการเสียชีวิตของ อส.ทพ.ซัยค์ เจ๊ดอมะ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่รัฐได้ปฏิบัติหน้าที่ ปฏิบัติตนเป็นคนดีทั้งในสังคม ครอบครัว และหลักศาสนา กระทำในสิ่งที่ถูกต้อง กลุ่มนักศึกษา PerMAS กลับตีค่าความเป็นมนุษย์ ต่างจาก นายอับดุลลายิ ดอเลาะ ซึ่งเป็นสมาชิกแนวร่วมขบวนการโจรใต้

นี่คือสันดานเดิมๆ ขององค์กรนักศึกษาเถื่อน องค์กรภาคประชาสังคมเถื่อนๆ บางกลุ่ม ที่ชอบความป่าเถื่อนเสพติดความรุนแรงสมุนของโจรใต้ ไม่เคยกระทำตัวเป็นกลาง วางตัวให้เหมาะสมกับการทำงานภาคประชาชน เพื่อประชาชนแต่อย่างใด กลับสนองตัณหาให้กับกลุ่มขบวนการที่สร้างความแตกแยก สร้างความปวดร้าวให้กับประชาชนปาตานี...แล้วเราจะทำอย่างไรดีกับกลุ่มและองค์กรเถื่อนเหล่านี้!!!


----------------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น