12/19/2558

ศาลสั่งริบทรัพย์ที่ดิน ‘ปอเนาะญีฮาด’..ผู้ไม่หวังดีปลุกปั่นประชาชนเข้าใจผิดเป็นที่ดิน ‘วากัฟ’

แบดิง โกตาบารู

ประเด็นศาลยึดทรัพย์ปอเนาะญีฮาด เครือข่ายขุมกำลังนักเลงคีบอร์ดซึ่งเป็นแนวร่วมโจรใต้ฟาตอนีกำลังปลุกเร้าประชาชนมุสลิมปาตานีในพื้นที่ จชต. ทำการปล่อยข่าวด้วยการกล่าวหาโจมตีเพื่อต้องการสื่อไปยังต่างประเทศว่ารัฐกลั่นแกล้งทำการยึดที่ดินวากัฟที่ได้รับบริจาคเพื่อสร้างโรงเรียนปอเนาะเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน..

ไม่น่าเชื่อว่ารัฐดำเนินการสิ่งไหน รู้สึกว่าจะผิดไปหมดในสายตาของพวกนอกรีตศาสนาเหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจุดประเด็นในแต่ละครั้งคาบเกี่ยวกับความรู้สึกของผู้คนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ให้ตกเป็นเครื่องมือได้ง่าย โดยใช้ศาสนาในการแอบอ้าง..

คราวนี้ก็เช่นเดียวกันมีการปลุกปั่นให้ประชาชนในพื้นที่ที่นับถือศาสนาอิสลามเกิดความเข้าใจผิดคำสั่งศาลในการริบทรัพย์ซึ่งเป็นที่ดิน จำนวน 14 ไร่เศษ ของโรงเรียนญีฮาดวิทยา จังหวัดปัตตานี ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดิน (วากัฟ) ที่ถูกบริจาคเพื่อสาธารณะและศาสนกุศล

การที่ศาลแพ่ง ถ.รัชดาภิเษก มีคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ ฟ.26/2556 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีพิเศษ 1 ยื่นคำร้องขอให้ทรัพย์สิน ซึ่งเป็นหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เลขที่ 699 หมู่ 4 ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี เนื้อที่ 14 ไร่ 1 งาน 42 ตารางวา ราคาประเมิน 591,090 บาท ของนายดูนเนาะ แวมะนอ อดีตครูใหญ่โรงเรียนญีฮาดวิทยา หรือปอเนาะวิทยา กับพวก ซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงเรียนญีฮาดวิทยา ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 เนื่องจากเป็นทรัพย์สินที่สนับสนุนเกี่ยวกับการกระทำการก่อการร้าย

ในการกระทำความผิดมีอิสมาแอ หรือจิแอ มะเซ็ง เป็นผู้ควบคุมการฝึก และนายดูนเนาะ แวมะนอ หรือ เปาะซูเลาะ เป็นครูใหญ่โรงเรียนญีฮาดวิทยา โดยพนักงานสอบสวนได้ดำเนินคดีผู้ต้องหาก่อเหตุความไม่สงบช่วงวันที่ 4 ม.ค.47 ต่อเนื่อง 4 ม.ค.51 อัยการจังหวัดปัตตานี ได้สั่งฟ้องนายดูนเนาะ กับพวกรวม 36 คน อีกทั้ง นายดูนเนาะ แวมะนอ อดีตครูใหญ่โรงเรียนญีฮาดวิทยา และพวกรวม 11 คนยังถูกดำเนินคดีฐานเป็นกบฏ และอั้งยี่

ฝ่ายโฆษณาชวนเชื่อกำลังเบี่ยงเบนประเด็น ทั้งๆ ที่กระบวนการยุติธรรมได้ดำเนินการตามกฎหมาย ข้อความข้างต้นศาลได้สาธยายชัดเจนอยู่แล้วถึงมูลเหตุแห่งการกระทำความผิด ที่ดินปอเนาะญีฮาดเป็นที่ดินส่วนบุคคล โดยผู้ที่เป็นเจ้าของครอบครองที่ดินดังกล่าวได้ยื่นเรื่องขอคัดค้านในฐานะเป็นเจ้าของกรมสิทธิ์ จำนวน 5 รายด้วยกัน จึงไม่ใช่ที่ดินที่บริจาค (วากัฟ) อย่างแน่นอน

ส่วนการริบทรัพย์ดังกล่าวให้ตกเป็นทรัพย์สินของแผ่นดิน ก็หมายถึงการที่ทรัพย์สินนั้นจะกลับมาเป็นสมบัติของสาธารณะหรือของสมบัติของส่วนรวม ซึ่งจะเป็นหน้าที่ของประชาชนในพื้นที่ ที่จะต้องมีการทำประชาคมลงมติ เสนอขอใช้ประโยชน์ในที่ดินผืนดังกล่าวเพื่อส่วนรวม โดยมีจังหวัดเป็นผู้พิจารณาถึงความเหมาะสมและอนุมัติต่อไป
ขอฝากไปยังพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ จชต. อย่าตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มคนที่ไม่หวังดีพยายามสร้างความปั่นป่วน ด้วยการกล่าวหาโจมตีรัฐบาลกลั่นแกล้ง และยั่วยุจุดประเด็นใหม่ๆ ให้เกิดความแตกแยกในสังคมด้วยการนำศาสนาเข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกสิ่งทุกอย่างได้เป็นไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรมที่ได้มีการกลั่นกรองแล้วและเป็นที่ยอมรับจากบุคคลทั่วไป

-----------------------

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น